4 ต.ค. 61 - ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กลุ่มภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ(ภตช) นำโดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ว่าที่หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นายณัชพล สุพัฒนะ หรือมาร์ค พิทบูล ว่าที่รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยืนหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ต้องการเรียกร้องให้นายกฯใช้ ม.44 ยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับจราจร 47.5% ในส่วนของเจ้าพนักงานตำรวจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อมาเป็นส่วนลดในอัตราค่าปรับปกติ อีกทั้งจะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน จำนวนกว่า 50 ล้านคน ที่มีรายได้ไม่พอรายจ่าย 

นายมงคลกิตติ์  กล่าวอีกว่า และขอเสนอแก้ไขอัตราโทษปรับ ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ให้มีอัตราคงที่ ไม่ให้อำนาจเจ้าพนักงานใช้ดุลยพินิจในการปรับขั้นสูงสุด-ต่ำสุด ทำให้เกิดช่องว่างการทุจริตคอร์รัปชั่นได้  อีกทั้งขอให้ปรับแก้ไขกฎกระทรวงฉบับที่ 6 พ.ศ.2522 ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ในส่วนของการกำหนดอัตราความเร็ว ให้กำหนดอัตราความเร็วใหม่เพิ่มขึ้นให้เหมาะสมกับ สมรรถนะรถ-การใช้เชื้อเพลิง สภาพถนน  สภาพการจ่ายภาษี ณ ปัจจุบัน ซึ่งกฎหมายนี้ใช้มานานและล้าสมัยแล้ว ถ้าแก้แล้วจะทำให้ลดภาระประชาชน ปิดช่องว่างการใช้กฎหมายรีดเงินประชาชนโดยชอบด้วยกฎหมายอีกต่อไป  

ด้านนายณัชพล หรือมาร์ค พิทบลู กล่าวว่า ตนมาติดตามการตั้งกรรมการสอบเจ้าพนักงานตำรวจจราจรที่ล่าช้ามาก จากกรณีการจับปรับ นายอดุลย์ พรรณา อายุ 53 ปี พ่อค้าชาว จ.นครราชสีมาเมื่อ 17 กันยายน ที่ผ่านมาในความผิดฐาน นำรถที่มีเครื่องยนต์ก่อให้เกิด ก๊าซ ฝุ่น ควัน ละอองเคมี หรือเสียงเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดมาใช้ และกำหนดอัตราค่าปรับในใบสั่ง จำนวน1,000 บาท ภายหลังได้ไปตรวจรถ วัด สภาพควันดำ สถานตรวจสอบสภาพรถ บุญทวี จังหวัดชัยภูมิ ปรากฏว่าได้ค่าไม่เกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งข้อมูลขัดแย้งกัน  ถ้าสตช.ตรวจสอบแล้วว่าเจ้าหน้าที่ตรวจจับควันดำไม่ผิด หรืออาจจะช่วยกันหรือไม่ก็ไม่ว่า ก็ขอให้ตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดปรับจูนเครื่องตรวจวัดควันดำให้มีค่าไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ หรือการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจวัดควันดำตรงตามสเป็ค จัดซื้อจัดจ้างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่