ประชุมพรรคเพื่อไทยหน้าเดิมยังไม่ไปไหน "ภูมิธรรม" ขาสั่นประกาศหัวหน้าพรรคไม่ได้ผูกขาดแค่ตระกูล "ชินวัตร" ประกาศอุดมการณ์ 9 ข้อ ไม่โกง ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้าน "จุติ" คว่ำชามเกาเหลา ลั่นลูกพรรคเปล่าทะเลาะแค่เถียงสุดขั้ว ฮือฮาพรรคชัช เตาปูน ได้ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" ร่วมทัพ ฮือฮากว่าใช้แนวคิด "หมอประเวศ" ทำนโยบาย
ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม มีการประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค มีแกนนำพรรค อดีต ส.ส.ทุกภูมิภาค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค, นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรค, นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค, นายเสนาะ เทียนทอง, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรค เป็นต้น
นายภูมิธรรมกล่าวก่อนการประชุมว่า วาระสำคัญในการประชุมคือ แก้ไขข้อบังคับพรรค รวมทั้งจะหารือกระบวนการประชุมคัดเลือกหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่จะประชุมวันที่ 28 ต.ค. ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ในที่ประชุมวันนี้คงจะมีการสอบถามกัน ใครสนใจสมัครเองหรือจะเสนอชื่อใคร สามารถเสนอมาได้
เขาบอกว่า กระแสข่าวที่ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะถูกเสนอชื่อนั้น ยังไม่มีข้อสรุป คุณหญิงสุดารัตน์เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกพรรค นายสมชายยังเป็นสมาชิกพรรค หากเสนอชื่อทั้ง 2 คน มีสิทธิ์ที่จะเป็นแคนดิเดตได้ทั้งคู่ สำหรับ 3 รายชื่อที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ยังไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึง หากกฤษฎีกาเลือกตั้งออกเมื่อใด จะมีการยืนยันเสนอชื่อ 3 รายชื่อแน่นอน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นคนในหรือคนนอก นายภูมิธรรมตอบว่า ไม่ได้มีการผูกขาดว่าตำแหน่งพรรคต้องเป็นบุคคลนามสกุลชินวัตร ผู้ใดก็ตามที่มีอุดมการณ์เหมือนพรรค และตัดสินใจเข้าร่วมสมาชิกทุกคนมีสิทธิ์ ผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคจะพิจารณาจากผู้ที่เป็นคนในก่อน แต่ต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของพรรค ส่วนจะเป็นคนนอกหรือคนในนั้น จะต้องเป็นคนที่มีอุดมการณ์เหมือนพรรคเพื่อไทย
ถามว่า พรรคเพื่อธรรมที่ตั้งขึ้นมาเป็นพรรคสำรองของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า พรรคเพื่อธรรมมีการคาดการณ์ว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเป็นหัวหน้าพรรค แต่มีความเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องของพรรคเพื่อธรรม ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อธรรมเมื่อประกาศยืนยันอุดมการณ์ของตนเองชัดเจน ย่อมเป็นสิทธิ์ของนักการเมืองทุกคนในการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองที่คิดว่ามีอุดมการณ์และความต้องการตรงกับตนเอง อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายการเลือกตั้งฉบับนี้ เป็นการจำกัดของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.ในบัญชีรายชื่อ หรือหลายส่วนคงอยากใช้เวลานี้พิจารณาดูว่าจะมีทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับใคร
"มีการกล่าวหาว่าพรรคบางพรรคใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ทำการพรรค ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วต้องชี้แจงให้เกิดความกระจ่าง อย่าให้รู้สึกว่าทำเนียบรัฐบาลกลายเป็นพื้นที่นำมาใช้ประโยชน์เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์พรรคใดพรรคหนึ่ง"
อุดมการณ์ 9 ข้อ
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค 9 ข้อ คือ 1.ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.ยึดถือว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย มุ่งมั่นในการสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ 3.ยึดมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืนระบบเศรษฐกิจแบบเสรีเป็นธรรมและเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ ขจัดการผูกขาด สร้างความรุ่งเรือง และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพิ่มพูนความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
4.ขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจการเมืองสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน 5.มุ่งมั่นพัฒนาพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองของประชาชนอย่างแท้จริง 6.มุ่งมั่นสร้างระบบการเมืองของประเทศให้เป็นการเมืองของประชาชน เป็นรัฐประชาชน มิใช่รัฐราชการ สร้างเสริมให้ประชาชนชาวไทยมีความรู้ความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันบนอุดมการณ์และวัฒนธรรมประชาธิปไตย
7.ยึดมั่นในการดำเนินการทางการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีธรรมาภิบาล ป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบทุกรูปแบบ 8.มุ่งสร้างความสามัคคีปรองดองเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคของบุคคล ยึดมั่นในสันติวิธีหลักสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม และ 9.สร้างประเทศไทยให้มีบทบาทโดดเด่นและสร้างสรรค์ในเวทีโลก เคารพกฎหมาย และพันธกรณีระหว่างประเทศ สร้างสันติภาพ ความเข้าใจ ความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน โดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อดีต ส.ส.พรรคตอบโต้กันดุเดือดเรื่องการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคผ่านไลน์ ส.ส.พรรคว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นประชาธิปไตยในการแสดงความคิดเห็น แต่คนที่เอาข้อความไปส่งให้สื่อไม่ควรทำ ถือว่าไม่เหมาะสมควร ใช้วิจารณญาณ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร
"เชื่อว่าเพื่อนไม่อยากคบคนที่มีพฤติกรรมประเภทนี้ ซึ่งผมก็ได้เตือนไปแล้วว่าให้ระมัดระวัง เรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน อีกหน่อยถ้าคนไม่สามารถแสดงความเห็นโดยสุจริตได้ เขาก็จะเลิกแสดงความคิดเห็นกัน ซึ่งการเสนอความเห็นนั้นไม่ผิด แต่ไม่ควรเอาไปเผยแพร่ภายนอก เพราะภายในพรรคประชาธิปัตย์สามารถพูดกันได้เต็มที่ ใครมีเหตุผลเหนือกว่าก็ถือว่าชนะ"
เปล่าทะเลาะแค่เถียงสุดขั้ว
ถามว่า พรรคอาจถูกมองว่ามีการทะเลาะกัน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า คนภายนอกที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ก็อาจจะคิดว่าทะเลาะกัน แต่การเถียงกันภายในอย่างสุดขั้วก็เป็นปกติของพรรค จะเห็นได้จากการที่พรรคตัดสินใจจะบอยคอตการเลือกตั้ง ในพรรคเถียงกันยิ่งกว่านี้อีก เพราะในพรรคนี้ไม่มีใครสั่งใครได้ และเชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่คนที่เอาความในไปขายภายนอกนั้น น่าประณาม ทั้งนี้ จากปัญหาที่เกิดขึ้น คงไม่ต้องแก้ปัญหา แต่เราก็ต้องยอมรับ อะไรที่ทำไม่ดีก็ต้องช่วยกันแก้ และอย่าไปมองว่าพรรคประชาธิปัตย์มีหลายกลุ่ม เพราะมีกลุ่มเดียว แต่มีหลายความคิด บางทีเถียงกันหน้าดำหน้าแดง เมื่อความคิดตกผลึกแล้วก็จบ
“ประชาธิปไตยในเชิงปฏิบัติคือการแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างเสรีไร้ขอบเขตจำกัด แต่เป็นความคิดเห็นโดยสุจริต เมื่อใครมีเหตุผลดีกว่า คนส่วนใหญ่ยอมรับ ก็ต้องยอมรับกติกาอันนั้น หากไม่มีการโต้เถียงกัน ก็ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย เชื่อเสมอว่าประชาธิปไตยหากไม่มีการแสดงความคิดเห็น ก็กลายเป็นความเงียบและตายในความมืด ดังนั้นต้องให้โปร่งใส สว่าง เปิดเผย แต่การหารือเป็นเรื่องของข้างใน ไม่ใช่เรื่องของข้างนอก ทุกคนมีคนละหนึ่งหุ้นเท่ากันหมดในประชาธิปัตย์”นายจุติกล่าว
นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้เป็นการต่อสู้กันแบบฉันพี่ฉันน้อง ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นผู้เสนอให้มีการหยั่งเสียง เพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งทุกคนที่ร่วมลงแข่งขัน ยืนยันว่าหลังจากเลือกหัวหน้าพรรคแล้วยังจะยืนหยัดต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปเพื่อนำพาพรรคไปสู่วันข้างหน้า
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังแถลงว่า นายอภิสิทธิ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นรักษาการแทนหัวหน้าพรรค มีอำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับพรรค เนื่องจากนายอภิสิทธิ์เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค จึงขอหยุดการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคชั่วคราว เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมสมัครเป็นสมาชิก เพื่อร่วมกันนำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยให้ได้ โดยประชาชนที่สนใจสมัครเป็นสมาชิก และต้องการมีส่วนร่วมหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค สามารถมาสมัครได้ใน 3 ช่องทาง ถึงวันที่ 15 ต.ค.นี้ เนื่องจากหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พรรคจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติสมาชิกก่อนที่จะให้สิทธิ์หยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ส่วนผู้ที่ต้องการร่วมลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค สามารถสมัครได้ในวันที่ 8 ต.ค.นี้ เวลา 08.30-16.00 น.
พรรคชัช เตาปูน
ที่โรงแรมเดอะเซนต์รีจิส พรรคพลังท้องถิ่นไทย เปิดรับสมาชิกพรรคเป็นวันแรก โดยมีนายชัชวาลย์ คงอุดม หรือชัช เตาปูน, นายชื่นชอบ คงอุดม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์, นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.), นายนพดล แก้วสุพัฒน์ อดีตนายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย และนายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รวมถึงยังมีการเปิดตัวนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม ดารานักร้องชื่อดัง ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค และคาดว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย นอกจากนี้ยังได้เปิดตัว กลุ่มนักรบกระจายอำนาจ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตข้าราชการ ผู้นำท้องถิ่นจากหลากหลายภาคมารวมกัน
นายชัชวาลย์กล่าวตอนหนึ่งในการประกาศอุดมการณ์พรรคว่า หากเราสามารถตั้งรัฐบาลได้ เราจะไม่ตั้งงบประมาณสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่จะบริหารงบประมาณให้ประชาชนในทุกพื้นที่อย่างเต็มที่ ให้ท้องถิ่นสามารถพัฒนาตัวเอง เพราะผมตั้งใจที่จะพัฒนาประเทศสักครั้งก่อนตาย
“สิ่งสำคัญคือการให้การศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยเฉพาะเรื่องภาษาอังกฤษและภาษาจีนในเด็กเล็ก เช่นเดียวกับปัญหายาเสพติด ที่สร้างปัญหามากมาย หากผมเป็นผู้มีอำนาจ ผมจะออกกฎหมายโดยการจ่ายเบี้ยเลี้ยงเพิ่มให้กับตำรวจชุมชน แลกกับการ แบ่งเวรเพื่อเดินตรวจตราทุกหมู่บ้านของประเทศตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อจัดการปัญหายาเสพติดโดยเฉพาะ ผมเชื่อว่าภายใน 1 ปี หากผู้ค้ารายย่อยไม่สามารถขายได้ ปัญหายาเสพติดจะหมดไป”
นายชัชวาลย์เผยว่า พรรคพร้อมที่จะร่วมงานกับทุกพรรคทุกฝ่าย เพราะอยากทำงานให้ประเทศชาติ ซึ่งนโยบายของพรรคไม่ได้ต้องการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่จะสนับสนุนคนในพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรีพร้อม ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีเคยคุยกับพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า จะสามารถนำนักการเมืองท้องถิ่นไปสู้กับนักการเมืองระดับชาติได้หรือไม่ เขาระบุว่า วันนี้ไม่คิดสู้กับใคร แต่คิดว่าจะทำอะไรเพื่อประเทศชาติมากกว่า หากมีคนในสภา 5-10 คนในสภา ก็จะสามารถชี้แจงเหตุผลให้นำไปสู่การแก้ปัญหาได้
ด้านนายชื่นชอบกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศคือการพัฒนาคน ที่ผ่านมา ประชาชนถูกกดไว้ เพราะหากคนมีคุณภาพแล้ว จะเกิดการตื่นรู้ ทำให้ผู้มีอำนาจไม่สามารถกดไว้ได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญคือสร้างความเข้าใจเรื่องสิทธิและหน้าที่ของพลเมือง ซึ่งปัญหาการเมืองที่ผ่านมา เกิดจากคนไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งผมเชื่อว่าแนวทางของพรรคจะสามารถช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ได้
ใช้แนวคิดหมอประเวศ
“แม้ทุกคนมาจากต่างที่ต่างถิ่น แต่แนวทางการทำงานของพรรคนี้คือการรับฟังความคิดเห็นของทุกคน ด้วยความเคารพ ซึ่งต่างกับพรรคขนาดใหญ่ ที่แม้ว่าจะรับฟัง แต่ภายหลังการเลือกตั้ง กลับไม่ได้ปฏิบัติตาม นโยบายที่สมาชิกพรรคบางรายเสนอแต่อย่างใด”
สำหรับพรรคพลังท้องถิ่นไทย มีแนวคิดกระจายโอกาส เพิ่มอำนาจประชาชน โดยมีกลุ่มหลากหลายทางสังคม อาทิ กลุ่มสตรี กลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มอดีตข้าราชการท้องถิ่น กลุ่มความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBT และกลุ่มรักสัตว์
โดยพรรคพลังท้องถิ่นไทย เป็นพรรคที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2555 โดยมีนายเศกสรรค์ หอมรักษ์ พร้อมคณะร่วมจดทะเบียนจัดตั้ง มุ่งหวังขับเคลื่อนเครือข่ายองค์กรท้องถิ่น ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพื่อจัดการตัวเอง ภายใต้แนวคิดของนายแพทย์ ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส
สำหรับการประชุมใหญ่พรรค เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค จะจัดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2561 ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
วันเดียวกันนี้ นายพลพีร์ สุวรรณฉวี อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงเหตุผลในการร่วมงานกับพรรคว่า เชื่อมั่นในแนวทางของพรรค ซึ่งเดินทางสายกลาง ปฏิเสธร่วมอยู่ในความวุ่นวายของบ้านเมือง ขณะที่บุคลากรในพรรคล้วนเป็นคนดีมีคุณภาพ มีทั้งนักการเมืองรุ่นเก่า รุ่นใหม่ และนักวิชาการ คนที่มีอุดมการณ์ ต้องการแก้ไขปัญหาให้ชาติบ้านเมือง นอกจากนั้น ยังเชื่อมั่นในตัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะความสามารถในการบริหารงาน เพราะท่านประสบความสำเร็จในงานธุรกิจ ก็เชื่อว่าในงานการเมืองท่านจะได้รับการยอมรับ
“หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นตัวเลือกที่ดีในการเป็นผู้นำรัฐบาล มีความเหมาะสมในการเป็นนายกรัฐมนตรี มีทั้งความรู้ความสามารถและแนวคิด ที่จะก้าวข้ามปัญหาประเทศที่ผ่านมา ณ วันนี้ ประเทศต้องการทีมที่มีความเป็นมืออาชีพ พร้อมทำงานจริง และพรรคภูมิใจไทยมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน”
เมื่อถามว่า การย้ายพรรค จะทำให้คะแนนนิยมลดลงหรือไม่ นายพลพีร์กล่าวว่า ส่วนตัวมีคะแนน และได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ส่วนหนึ่งมาจากการลงพื้นที่ทำงานมาตั้งแต่ยุคบิดา หรือว่าที่ร้อยตรี ไพโรจน์ สุวรรณฉวี อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย ท่านทำงานในพื้นที่และมุ่งมั่นในการพัฒนาพื้นที่มาโดยตลอด ซึ่งตนเองก็ร่วมอยู่กับทีมทำงานของบิดามาอย่างต่อเนื่อง จึงรู้ปัญหา และเห็นแนวทางแก้ไข เพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวโคราช.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |