"บิ๊กตู่" ขึ้นเหนือร่วมโปรโมตท่องเที่ยวเมืองรอง ย้ำประชารัฐไม่เกี่ยวการเมือง หวั่นหลังเปิดเวทีหาเสียงโดนนักการเมืองขุดประวัติ เจ้าคณะลำพูนให้พรเป็นนายกฯ 20 ปี ขรก.ท้องถิ่นเชียร์เป็นนายกฯตลอดไป "เนติบริกร" แจง 4 รมต.ไปร่วม พปชร.เบากว่ากรณียุบสภาแล้วไปเลือกตั้ง หึ่ง! "กอบศักดิ์" เก็บของ คนใกล้ชิดซัดข่าวปล่อยจากทหารหวังปรับ ครม.ยึดโควตา พุธนี้ "อุตตม" ลางานยื่น กกต.รับรอง พปชร. จับตา "สมศักดิ์" เคลียร์ "บิ๊กป้อม" พื้นที่ทับซ้อนผู้สมัคร "เพื่อแม้ว" แฉบันได 10 ขั้นสืบทอดอำนาจ
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสายการบินไทย ไปยังท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปตรวจราชการจังหวัดลำพูน โดยเดินทางด้วยแพ็กเกจในโครงการ “ไทยเที่ยวไทย...ไทยยั่งยืน” สู่เส้นทางวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน และทดลองใช้กรุงไทย NEXT ซื้อแพ็กเกจของการบินไทย
จากนั้นเวลา 09.30 น. ที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ก่อนเดินทางโดยรถตู้โตโยต้าเวลไฟร์ ทะเบียน กค 2299 ลำพูน ถึงอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ได้สักการะอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ซึ่งเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย พร้อมร่วมแขวนโคมบูชาถวายแด่พระนางจามเทวี ซึ่งเป็นประเพณีที่ชาว จ.ลำพูน ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่อง เป็นส่วนหนึ่งในเทศกาลโคมหลากสีบูชาพระนางจามเทวี จะปฏิบัติก่อนเข้าสู่เทศกาลลอยกระทง
โดยนายกฯ ได้เขียนคำอธิฐานที่โคมว่า "ขอให้ชาวลำพูนมีความสุข สมปรารถนาทุกประการ ขอให้คนไทย ประเทศไทยสุขสงบ มั่นคง ยั่งยืน” พร้อมลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดย ครม.รวมถึงรัฐมนตรีที่ร่วมคณะได้ร่วมแขวนโคมด้วย ก่อนทักทายชาวบ้านที่มาต้อนรับ และชมขั้นตอนการทำโคมไฟล้านนาจากชาวบ้านและคนพิการทางการได้ยิน ส่วนชาวบ้านได้ร่วมกันทำสัญลักษณ์มือพร้อมกล่าวว่า "เรารักนายกรัฐมนตรีด้วยหัวใจ สร้างไทยไปด้วยกัน" ขณะที่นายกฯกล่าวว่า "ยอดเยี่ยม" พร้อมทำสัญลักษณ์มือไอเลิฟยู
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีนั่งรถรางไปยังวัดมหาวันวรมหาวิหาร เพื่อสักการะพระรอดลำพูน โดยมีประชาชนสวมชุดพื้นเมืองมาต้อนรับตลอด 2 ข้างทาง ก่อนเข้ากราบสักการะพระประธานในพระอุโบสถ พระรอดลำพูน พร้อมเข้ากราบนมัสการและสนทนาธรรมกับพระครูโสภิต ปุญญาคม เจ้าคณะตำบลในเมืองเขต 1 รักษาการเจ้าอาวาสวัดมหาวันฯ โดยนายกฯ ได้กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า บ้านเมืองสงบเรียบร้อยดีใช่หรือไม่ รัฐบาลนี้ก็พยายามทำงานทุกอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ แต่ช่วงนี้ค่อนข้างที่จะมีข่าวในแง่ลบ ก็ต้องอดทน แล้วก็ช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กลับคืนมา วัด โรงเรียน และคนไทย แยกกันไม่ได้
พร้อมกันนี้ พระครูโสภิตได้มอบพระรอดลำพูนและพระพิมพ์ลำพูน รุ่น 2518 และหนังสือประวัติของวัดมหาวันฯ ให้กับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นที่ระลึก และนายกฯ ได้กดพิมพ์พระ เพื่อนำไปปลุกเสกเป็นที่ระลึก พร้อมส่องพระรอดและวัตถุโบราณอย่างสนใจ
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปสักการะกู่ช้าง-กู่ม้า (สุสานช้างศึก-ม้าศึกคู่บารมีของพระนางจามเทวี) ชมการฟ้อนเมือง การแสดงมวยโบราณผสมผสานกลองสะบัดชัย โดยนายกฯ พอใจพร้อมทำท่าตีศอกใส่นักแสดง และกล่าวว่า ประเทศไทยมีความสงบ และถ้าประเทศไทยเป็นแบบนี้ เราก็สามารถไปที่ไหนก็ได้ทั้งหมด ขอให้ทุกคนอยู่ดีมีสุข อนาคตของประเทศเราอยู่กับคนเหล่านี้
เป็นนายกฯ ต่ออีก 20 ปี
ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร นายกฯ ได้สักการะพระประธานในวิหารหลวง และกราบนมัสการพระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัยฯ ซึ่งได้ทำบายศรีสวดเรียกขวัญให้กับนายกฯ และคณะ และได้ให้พร พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไปอีก 20 ปี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมมอบพระรอดลำพูนเนื้อเงินให้กับนายกฯ และรัฐมนตรี และมอบพระรอดรุ่นปลียอดฉัตรพระธาตุเจ้าหริภุญชัย พิเศษ 2558 ซึ่งเป็นพระรอดรุ่นเดียวกับโค้ชเอก ทีมฟุตบอลหมู่ป่าอะคาเดมีห้อยจนทำให้รอดชีวิตจากการติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย
จากนั้นนายกฯ ได้เขียนชื่อบนผ้าห่มเพื่อถวายแด่เจ้าคณะจังหวัดลำพูน เพื่อห่มพระธาตุและถวายโคมบูชาในเทศกาลยี่เป็งที่จะมาถึงนี้ ก่อนจะเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์โอท็อปประจำจังหวัด
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองเงือก พล.อ.ประยุทธ์ร่วมประกาศเจตนารมณ์ "ลำพูนเมืองสะอาด ปราศจากโฟม" ร่วมกับชาวลำพูนและพบปะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการ ประชาชนที่มาต้อนรับกว่า 1,500 คน โดยนายกฯ ขึ้นเวทีกล่าวตอนหนึ่งว่า มาทำบุญวันนี้รู้สึกตื้นตัน รู้สึกมีความสุขตั้งแต่เช้า ตนไม่ได้เอาเงินลงมาแจก แต่มารับฟังประชาชน ขอชาวลำพูนอย่าไปชอบคนพูดปากหวาน แต่ไม่สามารถทำอะไรได้จริง เราอย่าเปลี่ยนแปลงประเทศด้วยความรุนแรง ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย ถ้าใช้กำลังทะเลาะกันไปมา วันหน้าก็ใช้กำลังกันต่อ อย่าให้ใครมาบิดเบือนเรื่องต่างๆ เดี๋ยวเรื่องเหล่านี้จะมาอีกเยอะ พอเปิดเวทีคอยดู ประวัติอะไรต่างๆ ของตนจะต้องมีมาอีกเยอะ ท้องถิ่นคอยดูนะ เรื่องตัวเลขหนี้สาธารณะอย่าให้ใครมาบิดเบือน เราบริหารอย่างเหมาะสม
"เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นอีกในระยะเวลาอันใกล้ใช่หรือไม่ นายกเทศมนตรี อบจ. อบต. คอยดูเถอะ เดี๋ยวมาอีก พอเริ่มเปิดเวทีประวัติที่ไม่เคยมีก็จะมี ชีวประวัติผมก็จะมายาวมากกว่าปกติ ผมเกิดมาผมรู้ประวัติผมมีแค่ไหน แต่มันชอบเติมให้ผม มีสองอย่างคือเติมกับลด"
นายกฯ กล่าวย้ำว่า คำว่าประชารัฐ ไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นชื่อนโยบายรัฐบาล แต่ใครจะเอาไปใช้ก็เรื่องของเขา เพราะเป็นเรื่องที่รัฐอำนวยความสะดวก โดยความหมายของคำนี้ คือ ความร่วมมือกันทุกภาคส่วน ซึ่งมีรัฐเป็นของประชาชน และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบไม่มีรัฐบาลไหนทำได้ แต่รัฐบาลนี้ทำ โดยมีการแก้ไขกฎหมาย ไม่ได้เพื่อการเมือง เราต้องไม่ทำลายตัวเองด้วยความเชื่อที่ผิด และต้องไม่ทุจริต บาทเดียวก็ไม่ได้ ระยะ 3 ปีที่ผ่านมาก็ทำมาเยอะ และหลังจากปีนี้ประเทศไทยจะดีขึ้น
เคส 4 รมต.เบากว่ายุบสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ตอนท้ายนายกฯ กล่าวว่า "รักลุงตู่ รักน้อยๆ แต่รักเมินเมินนะ"
จากนั้น นายกฯ ได้ปล่อยคาราวานสามล้อ "ลำพูนเมืองสะอาด ปราศจากโฟม" โดยระหว่างนั้นได้มีข้าราชการชายคนหนึ่งตะโกนบอกนายกฯ ว่า "ขอให้เป็นนายกฯ ตลอดไป" ซึ่งขณะนั้นนายกฯ ได้ยินไม่ชัด ถามกลับไปว่า "อะไรนะ" ข้าราชการคนดังกล่าวพูดว่า "ขอให้เป็นนายกฯ ตลอดไป" ขณะที่นายกฯ ยิ้มพร้อมกล่าว "อ๋อ ไปสู้ให้ผมบ้างสิเวลาโดนด่า แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่เคยกลัวใครทั้งสิ้น เพราะผมไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ผมทำให้พวกท่านทั้งสิ้น" ขณะที่ข้าราชการคนดังกล่าวตอบว่า "เป็นกำลังใจให้ครับ" และนายกฯ กล่าวก่อนเดินออกจากวงว่า "ทำนะ โดยเฉพาะท้องถิ่นต้องทำ"
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหน้าที่ของ 4 รัฐมนตรีที่เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งในวันนี้ก็ไม่ได้ร่วมคณะลงพื้นที่ จ.ลำพูนกับนายกฯ ว่า การลงพื้นที่ร่วมกับนายกฯ ในเวลาราชการสามารถทำได้ หากไม่ได้ไปหาเสียง การเป็นรัฐมนตรีนั้นจะพูดว่าได้เปรียบหรือเสียเปรียบก็ได้ เพราะเมื่อมีหน้าที่ก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำก็บกพร่องต่อหน้าที่ ดังนั้นเมื่อปฏิบัติหน้าที่ก็อาจถูกมองว่าเป็นการหาเสียงได้ง่าย เพราะการทำหน้าที่กับการหาเสียงเป็นเรื่องที่แยกกันยาก แต่ถ้าทำดีๆ ก็สามารถแยกออกจากกันได้ ดังนั้น ความระมัดระวังจึงเพิ่มเป็นทวีคูณ นอกจากนี้ รัฐมนตรียังมีหน้าที่ที่คนอื่นทำไม่ได้ เช่น การเข้าร่วมประชุม ครม. การบริหารงานในกระทรวง แต่ถ้าเอาหน้าที่เหล่านี้ไปใช้ในการหาเสียงก็เป็นเรื่องที่ผิด
“อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์กันทุกวัน เพราะรัฐมนตรี 4 คนนั้นได้ประกาศชัดแล้ว ว่าเมื่อถึงเวลาก็จะเคลียร์สิ่งที่ค้างคา ที่สื่ออาจไม่ทราบ และเป็นเรื่องที่อธิบายยาก” นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามย้ำกรณีฝ่ายการเมืองวิจารณ์ว่า ขณะที่ 4 รัฐมนตรีลงพื้นที่ได้ แต่พรรคการเมืองห้ามลงพื้นที่ นายวิษณุกล่าวว่า รัฐบาลและ คสช.ไม่ได้ห้ามลงพื้นที่ ก็เห็นลงพื้นที่กันอยู่ทั่วประเทศไม่ใช่หรือ และไม่เห็นมีใครไปจับ รัฐบาลมีส่วนได้เปรียบเพราะรัฐบาลมีหน้าที่ ส่วนนักการเมืองนั้นไม่มีหน้าที่ พอทำสิ่งเดียวกันจึงอาจถูกมองว่าเป็นการทำกิจกรรมทางการเมือง แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลก็เสียเปรียบเพราะถูกจับตาเพ่งเล็ง
"กรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ใช่กรณีที่ ครม.หมดวาระ แต่เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีบางคนมีบทบาททางการเมืองในฐานะพรรคการเมือง ดังนั้นจะเรียกว่ารักษาการก็ไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ที่เบากว่าสถานการณ์ที่รัฐบาลยุบสภาแล้วพากันไปลงเลือกตั้งเสียอีก" นายวิษณุกล่าว
มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า หลังเกิดกระแสข่าวพรรคการเมืองกดดัน 4 รัฐมนตรีหลังประกาศตัวลงเล่นการเมืองในนามพรรค พปชร. ให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อความสง่างาม ขณะที่ทั้ง 4 รัฐมนตรียืนยันลาออกเมื่อเวลาเหมาะสม และมีข่าวจะลาออกภายหลังมีการประกาศ พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ได้มีการปล่อยข่าวนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรค พปชร. ได้เก็บของที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ 1 แล้ว และเตรียมลาออกเร็วๆ นี้
ทหารปล่อยข่าวเขย่า 4 รมต.
แหล่งข่าวใกล้ชิดนายกอบศักดิ์ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เชื่อเป็นการปล่อยข่าวจากกลุ่มทหารที่ใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์เพื่อนำโควตาเก้าอี้ที่ว่างลงมาเฉลี่ยในส่วนของเก้าอี้สัดส่วนของรัฐมนตรีทหารมากขึ้น และเป็นที่น่าสังเกตว่าพรรค พปชร.ไม่มีรัฐมนตรีที่มาจากทหารเข้ารับตำแหน่งสำคัญๆ ในพรรค
ด้านนายวิเชียร ชวลิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าที่นายทะเบียนสมาชิกพรรคพปชร. เปิดเผยว่า ในขณะนี้งานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งพรรคการเมือง ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ได้จัดทำและมีความพร้อมที่จะยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อทำการรับรองจดทะเบียนเป็นพรรคการเมืองให้เรียบร้อย ซึ่งนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และว่าที่หัวหน้าพรรค จะลาราชการในช่วงบ่ายเพื่อนำเอกสารหลักฐานไปยื่นที่สำนักงาน กกต.ในวันที่ 4 ตุลาคม เวลา 13.30 น. โดยมีนายชวน ชูจันทร์ และนายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ว่าที่กก.บห.พรรค ร่วมคณะด้วย
นายวิเชียรกล่าวถึงข้อสังเกตเรื่องเครื่องหมายและนโยบายของพรรค พปชร.สอดรับกับแนวทางของรัฐบาลว่า เนื่องจากผู้ร่วมก่อตั้งพรรค โดยเฉพาะนายชวน ชื่นชอบนโยบายดังกล่าว จึงนำมาตั้งเป็นชื่อพรรค และยืนยันว่า ไม่ได้ฉวยผลงานของรัฐบาลมาใช้เพื่อการหาเสียง แต่ยอมรับว่านโยบายของพรรคมีหลายเรื่องที่เป็นเรื่องที่ต้องการสร้างความต่อเนื่อง ให้เดินหน้าต่อไปได้ เพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่ไม่ได้เป็นการนำนโยบายและผลงานที่รัฐบาลที่ทำมาทั้งหมดมาหาเสียง
ผู้สื่อข่าวสอบถามชัดเจนของกลุ่มสามมิตร ที่เคยแสดงท่าทีจะเข้าร่วมสังกัดพรรค พปชร. นายวิเชียร กล่าวว่า การทำงานทางการเมือง เป็นเรื่องแนวคิด อุดมการณ์ และการตัดสินใจ ที่ขึ้นอยู่กับนโยบาย หลักการที่ตรงกันหรือไม่ รวมถึงวันหนึ่งคิดอย่างหนึ่ง และเมื่อเวลาผ่านไปก็อาจคิดอีกอย่างหนึ่งได้ จึงเป็นเรื่องที่กลุ่มการเมือง นักการเมืองจะพิจารณาตัดสินใจ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร เปิดเผยถึงกระแสข่าวกลุ่มสามมิตรอาจจะไม่สังกัดพรรคพปชร.ว่า กระแสข่าวดังกล่าวทำให้รู้สึกงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ด้วยกลุ่มนั้นมีสมาชิกมาก การออกมาให้ความเห็นจึงไม่สามารถระบุได้ว่าใครออกมาพูด แต่ยืนยันไม่เป็นความจริง ดังนั้นขอให้รอในสัปดาห์หน้าจากปากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่จะแถลงถึงความชัดเจนในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
แหล่งข่าวจากกลุ่มสามมิตรเปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้สมัคร ส.ส.กลุ่มสามมิตรทับซ้อนกับผู้สมัคร ส.ส.พรรคพปชร. ผ่านนายทหารและนักการเมืองที่ใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นั้น เป็นความจริง แต่เมื่อดูแล้วเป็นผู้สมัครโนเนมไร้เกรดทั้งสิ้น ซึ่งเชื่อว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะรีบทำความเข้าใจกับ พล.อ.ประวิตร ให้เห็นว่าผู้สมัครกลุ่มสามมิตรเป็นของจริง เพราะเป็นอดีต ส.ส.ทั้งสิ้น และหากได้ทำความเข้าใจเรื่องก็จะยุติ เพราะอย่างไรทหารก็ไม่มีทางรู้เรื่องเลือกตั้งเท่ากับนักการเมืองอาชีพ และยืนยันว่ากลุ่มสามมิตรยังจะร่วมงานกับพรรค พปชร.เมื่อทุกอย่างลงตัว
จี้ "บิ๊กตู่" ทิ้งเก้าอี้ทั้งหมด
นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลประกาศเจตนาของการปฏิรูปการเมืองว่า อยากเห็นการเมืองที่โปร่งใส ซึ่งเราก็อยากเห็นการเมืองที่ดี และนายกรัฐมนตรีก็ควรจะเป็นตัวอย่างที่ดี หากบอกว่าการกระทำเช่นนี้มีธรรมาภิบาลสูงกว่านักการเมือง การเลือกตั้งครั้งหน้าก็ควรจะต้องส่งคนที่มีธรรมาภิบาลเทียบเท่ากันเข้ามาลงสมัครรับเลือกตั้ง หาก 4 รัฐมนตรีไม่ลาออก ก็ไม่ควรที่จะใช้อำนาจหน้าที่เอาเปรียบคนอื่น ควรต้องทำการเมืองให้โปร่งใส สุจริต เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน และไม่ใช้อำนาจหน้าที่ไปช่วยพรรค พปชร.หาเสียง เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่มีธรรมาภิบาล
ที่สำนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพของประชาชน และ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้ให้สัมภาษณ์หลังการรายงานตัวต่ออัยการในคดีชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้งที่สกายวอล์กแยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา หรือคดีชุด MBK39 ซึ่งอัยการได้ขอเลื่อนนัดการส่งตัวเพื่อฟ้องศาลออกไปเป็นวันที่ 1 พ.ย.นี้ พร้อมผู้ต้องหาที่เหลืออีก 7 คน ที่ถูกตั้งข้อหาตาม ป.อาญา มาตรา 116 ขัดคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ส่วนนายวีระ ขอเข้ารายงานตัววันที่ 22 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี 4 รมต.เข้าร่วมพรรค พปชร.นายวีระกล่าวว่า แม้จะอ้างว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่มีสิ่งที่เรียกว่าจริยธรรมอยู่ การใช้ข้อได้เปรียบทางการเมืองในลักษณะนี้โดยที่มีโครงการของรัฐบาลชื่อประชารัฐอยู่ย่อมทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลจึงควรลาออก เพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน
เมื่อถามถึงกรณีหากมีการเลื่อนเลือกตั้ง น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า ไม่ว่าวันเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไปหรือไม่ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้วันเลือกตั้งคือ จะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งครั้งนี้เสรีและเป็นธรรมให้ได้มากที่สุด ภายใต้ข้อจำกัดและเงื่อนไขทุกอย่างที่มี วันนี้สังคมคงเห็นว่าการโกงการเลือกตั้งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในกรณีที่มีคนในรัฐบาลไปเข้าร่วมกับพรรคการเมืองที่มีแนวทางสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ การเรียกร้องให้ 4 รมต.ลาออก คงน้อยเกินไป วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องลาออกจากการเป็นนายกฯ โดยนายวีระกล่าวเสริมว่า "ควรต้องลาออกจากการเป็นหัวหน้า คสช.ด้วย เพราะนั่นคือปืนที่ถืออยู่"
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดคำถามในวงกว้างว่า บ้านเมืองเรามาถึงจุดนี้ มาจากแผนบันได 10 ขั้นเพื่อการสืบทอดอำนาจหรือไม่ คือ 1.สมรู้ร่วมคิดกันสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย แบ่งงานกันทำอย่างเป็นกระบวนการเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อนำไปสู่การยึดอำนาจ 2.ทำประชามติรัฐธรรมนูญในบรรยากาศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จนประชาชนตัดสินใจโหวตรับรัฐธรรมนูญด้วยภาวะจำใจ 3.สร้างกลไกส.ว.แต่งตั้ง 250 คน เพื่อเป็นคะแนนตุนในการโหวตเลือกนายกฯ 4.ออกแบบกติกาการเลือกตั้งที่ตั้งธงทำลายพรรคการเมืองทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ 5.มีมาตรา 44 เป็นดาบอาญาสิทธิ์ข้างกาย จนกระทั่งได้รัฐบาลชุดใหม่ 6.สร้างยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นแผนสืบทอดอำนาจ
7.เซตซีโรองค์กรอิสระบางองค์กร และไม่เซตซีโรบางองค์กร ตามสถานการณ์ความจำเป็นของผู้มีอำนาจ และพยายามขยายอาณาเขตอิทธิพลเข้าไปในองค์กรอิสระเหล่านั้น 8.ทำโครงการไทยนิยมยั่งยืน แจกเงินหมู่บ้าน/ชุมชนละ 200,000 บาท สร้างความนิยมเฉพาะหน้า 9.ให้รัฐมนตรีในรัฐบาลไปเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่มีชื่อพ้องกับนโยบายที่สร้างจากภาษีอากรของประชาชน โดยไม่ลาออก 10.ไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม แต่ปล่อยให้กลุ่มการเมืองในสังกัดของตัวเองทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่
"ขอเรียกร้องให้ไม่ใช้มาตรา 44 อีกต่อไป ให้รัฐมนตรี 4 คนที่ไปทำงานการเมืองลาออก และปลดล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมือง" นายอนุสรณ์กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวจะมีการเลื่อนการเลือกตั้งเป็นวันที่ 28 เม.ย.ว่า ต้องไปถามเขา เขาเป็นคนคิด ตนไม่ได้คิด ยืนยันว่ายังเป็นวันที่ 24 ก.พ. และไม่รู้ว่ามีปัจจัยอื่นที่ทำให้เลื่อนออกไปหรือไม่ คุณคิดว่าอย่างไร แต่ส่วนตัวตนไม่ได้คิด
เมื่อถามว่า ปัจจัยความวุ่นวายอาจก่อให้เกิดการเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็มีแต่เรื่องการเมืองทั้งนั้น นอกนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไร มีแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ประชาชนส่วนใหญ่ก็อยากเลือกตั้ง คุณจะเลื่อนก็เลื่อนเลย แต่มันไม่มีเหตุอะไรให้เลื่อน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |