3 ต.ค.61 - เวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค โดยมีแกนนำพรรค อดีตส.ส.ทุกภูมิภาค เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียง นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายเสนาะ เทียนทอง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรค  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง  แกนนำพรรค เป็นต้น

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนการประชุมว่า วาระสำคัญในการประชุม คือแก้ไขข้อบังคับพรรค รวมทั้งจะหารือกระบวนการประชุมคัดเลือกหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่จะประชุมวันที่ 28 ต.ค. ตำแหน่งหัวหน้าพรรค ในที่ประชุมวันนี้คงจะมีการสอบถามกัน ใครสนใจสมัครเองหรือจะเสนอชื่อใคร สามารถเสนอมาได้ กระแสข่าวที่ว่าคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์นั้น ยังไม่มีข้อสรุป คุณหญิงสุดารัตน์เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกพรรค นายสมชาย ยังเป็นสมาชิกพรรค หากเสนอชื่อทั้ง2คน มีสิทธิ์ที่จะเป็นแคนดิเดตได้ทั้งคู่ สำหรับ3รายชื่อที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ยังไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึง หากกฤษฎีกาเลือกตั้งออกเมื่อใด จะมีการยืนยันเสนอชื่อ 3 รายชื่อแน่นอน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอน ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะเป็นคนในหรือคนนอก นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้มีการผูกขาดว่าตำแหน่งพรรคต้องเป็นบุคคลนามสกุลชินวัตร ผู้ใดก็ตามที่มีอุดมการณ์เหมือนพรรคและตัดสินใจเข้าร่วมสมาชิกทุกคนมีสิทธิ์ ผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคจะพิจารณาจากผู้ที่เป็นคนในก่อน แต่ต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นของพรรค ส่วนจะเป็นคนนอกหรือคนในนั้น จะต้องเป็นคนที่มีอุดมการณ์เหมือนพรรคเพื่อไทย ส่วนกระแสข่าวการนายณัฐวุฒิ นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ อดีตส.ส.สุพรรณบุรี ชาติไทยพัฒนา จะมาสมัครเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น หากมาจริงก็ยินดีต้อนรับ ถ้ามีการพูดคุยกันแล้วอุดมการณ์ตรงกัน

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อธรรมที่ตั้งขึ้นมาเป็นพรรคสำรองของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า พรรคเพื่อธรรม มีการคาดการณ์ว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเป็นหัวหน้าพรรค แต่มีความเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องของพรรคเพื่อธรรม ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อธรรมเมื่อประกาศยืนยันอุดมการณ์ของตนเองชัดเจน ย่อมเป็นสิทธิ์ของนักการเมืองทุกคนในการตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองที่คิดว่ามีอุดมการณ์และความต้องการตรงกับตนเอง อย่างไรก็ตามตามกฎหมายการเลือกตั้งฉบับนี้ เป็นการจำกัดของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งส.ส.ในบัญชีรายชื่อหรือหลายส่วนคงอยากใช้เวลานี้พิจารณาดูว่าจะมีทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับใคร

ในส่วนของกระบวนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นต้องอยู่บนพื้นฐานของความมีเสรี เป็นธรรมและเปิดโอกาสให้ทุกฝ่าย การมีพรรคการเมืองหลายพรรคเข้าสู้กันไม่เป็นไร แต่ขอให้เข้ามาอยู่ในกระบวนการที่สามารถสู้กันได้อย่างยุติธรรม และให้โอกาสทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน รัฐบาลเองอย่าใช้ความได้เปรียบของตนเอง มีการกล่าวหาว่าพรรคบางพรรคใช้ทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ทำการพรรค ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วต้องชี้แจงให้เกิดความกระจ่าง อย่าให้รู้สึกว่าทำเนียบรัฐบาลกลายเป็นพื้นที่นำมาใช้ประโยชน์เพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์พรรคใดพรรคหนึ่ง.