รัฐบาลดึง 5 หน่วยงาน เซ็น MOU ช่วย “โชห่วยชุมชน” เปิดแพลตฟอร์มกลางผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ ใช้สั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรง เพื่อให้ได้สินค้าราคาถูกเข้าไปจำหน่ายในร้าน เผยยังเปิดโอกาสให้สินค้าชุมชนเข้าไปวางจำหน่าย เพื่อให้ร้านค้าอื่นสั่งซื้อไปขายด้วย มั่นใจช่วยสร้างความเข้มแข็งให้โชห่วย เพิ่มโอกาสขายสินค้าชุมชน และประชาชนจะได้ซื้อของถูก นำร่องก่อน 3 จังหวัด 750 ร้านค้าภายในม.ค.62 ก่อนขยายให้ได้ 4 หมื่นร้านใน 3 ปี
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการสนับสนุนโชห่วยชุมชน ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรักว่า รัฐบาลได้จัดทำโครงการนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือร้านโชห่วยชุมชน ได้มีช่องทางในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากผู้ผลิตโดยตรง เพื่อลดต้นทุน ทำให้ได้สินค้าราคาถูกมาจำหน่ายให้กับประชาชน ซึ่งจะเป็นการจูงใจให้ประชาชนเข้ามาเลือกซื้อสินค้าในร้านโชห่วยเพิ่มมากขึ้น และทำให้ร้านโชห่วยมีรายได้มากขึ้น
“โครงการนี้ จะช่วยให้ร้านโชห่วยที่อยู่ในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะร้านค้าที่อยู่ห่างไกล อยู่ในชนบท จะมีโอกาสในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคไปจำหน่ายในร้านค้าได้ในต้นทุนที่ต่ำลง เพราะเป็นการสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มกลางที่ไปรษณีย์ได้จัดทำขึ้น ซึ่งจะดีกว่าเดิมที่โชห่วยต้องไปซื้อสินค้าจากร้านยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ร้านขายส่ง เพราะเหมือนเป็นการซื้อตรงกับผู้ผลิต โดยผู้ผลิตจะส่งสินค้ามาไว้ในคลังกลางของไปรษณีย์ เมื่อโชห่วยสั่งซื้อ ไปรษณีย์จะเป็นผู้นำไปจัดส่งให้ ทำให้ร้านโชห่วยได้สินค้าที่มีราคาถูกลง”
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตสินค้าชุมชน นำสินค้าไปจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว เพื่อให้ร้านโชห่วยสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าไปจำหน่ายได้ด้วย ซึ่งจะเป็นการช่วยให้สินค้าชุมชนมีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น และช่วยให้ร้านโชห่วยมีสินค้าที่จำหน่ายในร้านหลากหลายขึ้น
ทั้งนี้ ในระยะแรกจะเริ่มนำร่องใน 3 จังหวัด คือ จังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี กำหนดเป้าหมายร้านโชห่วยเข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 750 ร้านภายในเดือนม.ค.2562 โดยตั้งเป้าให้แต่ละร้านมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% และคาดว่าจะขยายให้ครอบคลุมร้านโชห่วยในทุกจังหวัดให้ได้ประมาณ 4 หมื่นร้านภายใน 3 ปี
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การจัดทำโครงการนี้ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับร้านโชห่วย เพราะร้านโชห่วยจะมีต้นทุนในการซื้อสินค้าถูกลง จากการรวมคำสั่งซื้อ โดยแต่ละร้านแม้จะสั่งซื้อทีละไม่มาก แต่เมื่อรวมกันซื้อหลายๆ ร้าน ก็จะทำให้คำสั่งซื้อใหญ่ขึ้น และผู้ผลิตก็พร้อมที่จะจัดส่งสินค้าไปไว้ในคลังกลางของไปรษณีย์ ซึ่งเบื้องต้นกำหนดให้มีรายการสินค้าที่สั่งซื้อได้ประมาณ 100 รายการ และจะเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป ส่วนผู้บริโภค จะได้ประโยชน์จากการซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพจากร้านโชห่วยได้ในราคาที่ถูกลง ช่วยลดภาระค่าครองชีพ และยังเป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับร้านโชห่วยด้วย
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะมีไปรษณีย์เป็นผู้บริหารจัดการ โดยร้านโชห่วยจะสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปฯ หรือแพลตฟอร์มที่กระทรวงดีอีอยู่ระห่างการพัฒนาขึ้น จากนั้นไปรษณีย์จะเป็นผู้รวบรวมคำสั่งซื้อส่งไปยังผู้ผลิตสินค้า (ซัปพลายเออร์) เพื่อให้จัดส่งสินค้ามายังคลังของไปรษณีย์ จากนั้นไปรษณีย์จะจัดส่งสินค้าไปยังร้านโชห่วยทั่วประเทศตามคำสั่งซื้อ โดยกระทรวงพาณิชย์จะประสานไปยังซัปพลายเออร์ให้ผลิตสินค้าป้อนโครงการในราคาถูก ทำให้ต้นทุนของร้านโชห่วยลดลง และขายสินค้าได้ในราคาถูกลง เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค คาดว่า จะเริ่มดำเนินโครงการได้อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |