ก.ตร.ไฟเขียวแต่งตั้ง 12 นายพลสีกากีรอบ 2 "มนตรี" ขยับขึ้น "จเรตำรวจ" ติดยศ พล.ต.ท. "บิ๊กแป๊ะ" เปลี่ยนกระบอกเสียงตำรวจ ตั้ง "ปิยะ" นั่งโฆษก ตร.แทน "วิระชัย" ปรับเกลี่ย "รอง สวป." มาทำงานสอบสวนยังวุ่น  "พงส." เชื่อมีแค่ 1% สมัครใจ ห่วงพวกโดนบังคับย้ายจะยื่นใบลาออกอื้อ
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 2 ต.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2561 มีวาระพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการระดับชั้นนายพล ทดแทนตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการก่อนกำหนดตามโครงการเออร์ลีรีไทร์ รุ่นที่ 19 ซึ่งมีข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการ(ผบช.) และเทียบเท่า ถึงผู้บังคับการ (ผบก.) ได้รับอนุมัติให้เกษียณอายุราชการก่อนกำหนด 6 ราย โดย ก.ตร.ใช้เวลาประชุมเพียง 20 นาทีเท่านั้น
    พล.อ.ประวิตรกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า การประชุมเรียบร้อยดี เป็นการแต่งตั้งแทนคนที่ลาออกก่อนเกษียณ
    ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นการแต่งตั้งทดแทนระดับชั้นนายพล 6 รายที่เกษียณอายุราชการก่อนกำหนด โดยแต่งตั้งหมุนเวียนทั้งสิ้น 12 ตำแหน่ง ตามความเหมาะสม อาจมีที่กระทบที่แต่งตั้งไปก่อนหน้านี้บ้าง
    "การแต่งตั้งระดับชั้นนายพลประจำปี 2561 ถือว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปจะเป็นการแต่งตั้งระดับนายพันตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รองผบก.) ถึงสารวัตร(สว.) วาระประจปี 2560" ผบ.ตร.กล่าว
    มีรายงานว่า สำหรับรายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณาทั้ง 12 ตำแหน่ง ประกอบด้วย พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รองผบช.น. เป็น จตร. (สบ 8), พล.ต.ต.ศุภทัศน์ ทำดี รองผบช.ภ.9 เป็นรอง ผบช.น., พล.ต.ต.สรรภัทร ปราบพุฒซา ผบก.ภ.จว.แพร่ เป็น รอง ผบช.ภ.9, พ.ต.อ.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบก.เชียงราย เป็น ผบก.ภ.จว.แพร่,   พล.ต.ต.ฉลองเกียรติ โรจน์ปัญญาคุปต์ ผบก.อก.รร.นรต. เป็นรอง ผบช.กมค., พ.ต.อ.สำเริง สวนทอง รองผบก.น.2 เป็น ผบก.อก.รร.นรต., พล.ต.ต.กรณ์ณพัชญ์ กิตติพิบูลย์ ผบก.อก.ภ.6 เป็นรอง ผบช.ปส., พ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง รอง ผบก.ภ.จว.ระยอง เป็น ผบก.อก.ภ.6,  พ.ต.อ.(ญ) ศิริวรรณ สุริยะฉาย อาจารย์ (สบ 5) กลุ่มงานคณาจารย์ เป็น ผบก.กม., พล.ต.ต.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ (สบ 6) รพ.ตร. เป็นนายแพทย์ (สบ 7) รพ.ตร., พ.ต.อ.วรวุฒิ ชัยยศบูรณะ นายแพทย์ (สบ 5) รพ.ตร. เป็นนายแพทย์ (สบ6) รพ.ตร. และ พ.ต.อ.วิโรจน์ ลาภไพบูลย์พงศ์ นายแพทย์ (สบ 5) รพ.ตร. เป็น นายแพทย์ (สบ 6) รพ.ตร.
    วันเดียวกัน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 571/2561 เรื่องแต่งตั้งโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย รักษาราชการแทนผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นโฆษก ตร. พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รรท.รอง ผบช.ภ.2 และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ ผกก.ตม.จันทบุรี เป็นรองโฆษก ตร. ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมทีในปีงบประมาณ 2561 ที่ผ่านมา มี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เป็น โฆษก ตร. ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย เคยเป็นโฆษกตร. ในสมัยที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็น ผบ.ตร.และกลับมาเป็นโฆษก ตร.อีกครั้งในครั้งนี้ เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เป็น ผบ.ตร.ในปีที่ 4
    ส่วนความเคลื่อนไหวภายหลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมปรับเกลี่ยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตำแหน่งรองสวป. มาเป็นรอง สว.(สอบสวน) จำนวน 3.5 พันตำแหน่ง ในกลุ่มพนักงานสอบสวน (พงส.) มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่าจะมีรอง สวป.สมัครใจมาเป็น รอง สว.(สอบสวน) น้อยมาก และหากถูกบังคับปรับโอน ก็จะทำให้งานการสอบสวนไม่มีประสิทธิภาพ
    พนักงานสอบสวน (พงส.) รายหนึ่งระบุว่า ถ้าถามความสมัครใจ รอง สวป.ที่จบนิติศาสตร์ อาจจะมีบางคนสมัครใจ มาอยู่งานสอบสวน ซึ่งใน 100 คน น่าจะมี สัก 1 คนที่อยากจะลองศึกษางานสอบสวน เนื่องจากไม่เคยผ่านงานสอบสวนมาก่อน อยากเรียนรู้ แต่ถ้าไปถาม รอง สวป.ที่เคยผ่านงานสอบสวนมาแล้ว ไม่ว่าจะมาจากนักเรียนนายร้อยตำรวจ หรือนักเรียนนายร้อยอบรม ทั้ง 100 คนคงบอกไม่ขอกลับมาแล้ว เพราะงานสอบสวนถ้าสบายจริงคงไม่มีใครหนีออกไป ทั้งๆ ที่มีเงินประจำตำแหน่งสูงกว่าสายงานอื่น  
    "ยิ่งทุกวันนี้คดีเกิดขึ้นมาก ชาวบ้านก็แจ้งความกันมากขึ้น จนพนักงานสอบสวนรับกันไม่ไหว และช่องทางร้องเรียนก็มีมาก ออกสื่อขึ้นมาคนที่โดนคนแรกคือพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ ถ้ารับทุกคดี ก็ไม่ไหว ร่างกายทำไม่ไหว สำนวนล่าช้าถูกร้องเรียน ถูกตั้งกรรมการ การแทรกแซงโดยผู้มีอำนาจสั่งการให้พนักงานสอบสวนบิดพลิ้วทำอย่างโน้นอย่างนี้ พอพลาดขึ้นมาคนที่โดนขึ้นมาคือพนักงานสอบสวน เริ่มแรกคนที่จะเข้ามาเป็นพนักงานสอบสวน เตรียมจัดซื้อ คอมพิวเตอร์ ปรินเตอร์ โทรศัพท์ที่สามารถถ่ายภาพได้มีคุณภาพ" พงส.รายนี้ระบุ
    พนักงานสอบสวนผู้นี้กล่าวว่า ที่สำคัญต้องพิมพ์ดีดคล่อง อันนี้สำคัญมาก ตนเห็นมาแล้ว รอง สวป.หลายคนพิมพ์ไม่เป็น หรือพิมพ์ไม่คล่อง เพราะปกติไม่ค่อยได้พิมพ์ ถ้าทำบันทึกจับกุม ก็มีฟอร์มอยู่แล้ว ใช้ลูกน้องที่พิมพ์คล่องพิมพ์ให้ตัวรอง สวป. จึงไม่ค่อยได้ฝึกพิมพ์ เวลาทำสำนวนจะมีปัญหามาก ผู้เสียหายมาแจ้งความกว่าจะสอบสวนปากคำเสร็จ กว่าจะพิมพ์สอบผู้ต้องหาพิมพ์ฝากขัง ฯลฯ ขั้นตอนการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในแต่ละคดีต้องมีเอกสารใดๆ บ้าง ถ้าคนไม่เคยผ่านงานสอบสวนอาจไม่รู้ 
    เขาบอกว่า ความรู้ทางข้อกฎหมาย ไม่ใช่มีแค่ประมวลกฎหมายอาญา ต้องมีความรู้ทุก พ.ร.บ.ที่มีโทษทางอาญา  ถ้าไม่รู้ ไม่ศึกษา ผู้เสียหายมาแจ้ง ไม่รับแจ้ง ความ อาจโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ที่สำคัญอีกอย่าง ในการสอบสวนปากคำ จะสอบสวนปากคำอย่างไร ทั้งผู้เสียหาย ผู้ต้องหา และพยานให้ได้สาระ ไม่น้ำท่วมทุ่ง ให้ได้ประเด็นข้อกฎหมายข้อเท็จจริง ซึ่งคนที่ไม่ได้ผ่านการอบรมด้านงานสอบสวนอาจจะไม่เข้าใจ ในการตั้งรูปคดี   
    "รอง สวป.หลายคนไม่มีความพร้อมในการเป็นพนักงานสอบสวน ยิ่งคนที่ถูกบังคับให้มาเป็น ไม่ได้มาด้วยใจ ฝึกยาก พวกพนักงานสอบสวนรุ่นพี่ๆ คงสอนลำบาก ได้ข่าวมาว่ารอง สวป.หรือ สวป. รอง ผกก. หลายคน ตั้งใจไว้แล้วว่าถ้าถูกย้ายมาเป็นพนักงานสอบสวน จะขอลาออกไปรับบำนาญ ดีกว่ามาเป็นพนักงานสอบสวน แล้วทำไม่เป็น ทำไม่ได้ ถูกร้องเรียน ถูกดำเนินคดีวินัยและอาญาแน่นอน สู้ลาออกดีกว่าถูกไล่ออก" พงส.รายนี้ระบุ.