วันนี้ คสช.คงรู้จักนักการเมืองมากขึ้น
    สองสามวันมานี้มีการเปรียบเทียบพรรคทหารแต่ละยุคว่าเหมือนกัน 
    และพบจุดจบไม่ต่างกัน 
    เช่นพรรคเสรีมนังคศิลา ของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ชนะการเลือกตั้งปี ๒๕๐๐ ท่วมท้นเยอะพอๆ กับการโกง
    สุดท้ายถูกรัฐประหารโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์, จอมพลถนอม กิตติขจร
    พรรคสหประชาไทย ของจอมพลถนอม ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี ๒๕๑๒ ถูกโค่นด้วยประชาชนในเหตุการณ์เดือนตุลาคม 
    พรรคสามัคคีธรรม ของ รสช. ถูกโค่นด้วยประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 
    แล้วพรรคพลังประชารัฐ จะมีจุดจบอย่างไร
    ก่อนไปดูจุดจบ มาดูจุดที่เป็นอยู่ในขณะนี้ก่อน 
    เผด็จการทหารในอดีตใช้ปืน และผลประโยชน์ บังคับเพื่อต้อนนักการเมืองเข้าคอก 
    แต่ดูเหมือน คสช.ยังอ่อนหัดกว่าเผด็จการทหารในอดีตมากโข
    เมื่อปี่กลองเชิด แทนที่ตัวละครจะออกมาหน้าเวที กลับพบว่าเถียงกันลั่นหลังเวที 
    ขอค่าตัวเพิ่ม 
    ถ้าบอกว่า คสช.เป็นเผด็จการทหาร ก็พูดได้คำเดียว
    เป็นเผด็จการมือใหม่ ไร้ประสบการณ์
    นักการเมืองไม่กลัว แถมยังจิกหัวด่ารายวัน 
    พรรคพลังประชารัฐเปิดตัวไปไม่ทันข้ามคืน กลุ่มสามมิตรขึ้นขี่ทันที 
    เพราะอยู่ในสถานะที่สามารถต่อรองได้ 
    ทำท่าจะไม่ซบพลังประชารัฐ 
    ตามข่าวบอกว่า "สมศักดิ์ เทพสุทิน" ไม่ปลื้มเรื่องจัดพื้นที่ให้ผู้สมัคร ส.ส.
    ลำพังสามมิตรเองยังทับพื้นที่กันจนปวดหัว 
    นี่ยังมีสายทหาร สายคนรู้จัก สายเพื่อนของเพื่อน ยิ่งกว่าแม่น้ำ ๕ สาย 
    ถ้าจัดลงตัวไม่ได้อาจต้องย้ายรัง ที่เล็งๆ กันก็ น่าจะเป็นภูมิใจไทย 
    พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ วันนี้บรรดาเซเลบการเมือง ดิ้นรนลง ส.ส.เขต  เพราะไม่อาจหวังปาร์ตี้ลิสต์ได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญเปลี่ยน
    ครับ...นี่แหละคือการเมือง 
    เต็มไปด้วยการต่อรอง 
    ใครที่คิดว่าจะปราบพยศนักการเมืองได้ ด้วยการใช้อำนาจ นับว่าคิดผิดไปเยอะ 
    เพราะนักการเมืองไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์ อยากทำเพื่อชาติตามที่ปากว่าสักเท่าไหร่ 
    ประชาชนในฐานะคนดู ก็มุงดูอยู่ห่างๆ จนกว่าผลประโยชน์จะลงตัว      
    นี่เกิดสามมิตรบอกว่า ขอกลับไปเพื่อไทย ก็เป็นไปได้ เพราะการเมืองมันวนอยู่แบบนี้มานานแล้ว  ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร 
    ฉะนั้นเมื่อมีคนบอกว่า พรรคพลังประชารัฐ จะมีจุดจบแบบ เสรีมนังคศิลา สหประชาไทย สามัคคีธรรม ก็ยังหวั่นอยู่ว่าอาจไม่เหมือน เนื่องจากนักการเมืองไม่ได้กลัว คสช. 
    เหมือนที่กลัวจอมพลเผด็จการในอดีต.