1ต.ค.61-จากกรณี ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ออกมาเปิดโปงว่า สารตกค้างในผักผลไม้กว่า 60% ล้างไม่ออก และห้องปฏิบัติการของรัฐสามารถตรวจสารเคมีได้เพียง 10% จาก 280 ชนิด

 นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการแก้ปัญหาการใช้สารเคมีตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ว่า ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีความพยายามที่จะผลักดันให้มีการแบนสารเคมีต่างๆที่ใช้ในพืชผัก โดยเฉพาะสารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอสและไกรโฟเซต ก็ยังยืนยันตามนั้น แต่กรรมการตัดสินในการแบนไม่ได้อยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขเพียงหน่วยงานเดียว ซึ่งเรามีพันธมิตรที่ร่วมกันซึ่งสิ่งที่เราร่วมกันคือเพื่อประโยชน์ของประชาชน ให้ประชาชนได้รับสารพิษน้อยลง เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชาชน ซึ่งเท่าที่ดูสถานการณ์ในขณะนี้เห็นว่าประชาชนเริ่มมีความตื่นตัวมากขึ้น ยืนยันว่า แนวโน้มการตรวจสารเคมีและสารพิษของประเทศไทยดีขึ้น เนื่องจากอดีตเราตรวจก็จะรู้ว่าปัญหาสารพิษกลุ่มไหนที่ไม่ดีก็จะระดมลงไปตรวจ แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็จะมีสารพิษใหม่ๆ เกิดขึ้นมา แต่ขณะนี้ประชาชนก็ตื่นตัวเรื่องนี้มากขึ้น จึงต้องสื่อสารให้มาก และสร้างพันธมิตรร่วมกันในการป้องกันศัตรูที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน

“สิ่งที่สื่อสารออกไปนั้น เพราะในสังคมบ้านเรามีการใช้สารเคมีอยู่แล้ว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเองก็ไม่ได้อยากให้มี นั่นคือการสำรวจและหาวิธีที่จะลดปัญหาให้ดีขึ้นซึ่งการที่บอกว่าให้ล้างผักผลไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาสารเคมีตกค้างลงไปได้บ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าการล้างจะทำให้สะอาดหรือคลีนไปทั้งหมด 100%  ซึ่งการทำให้ดีขึ้นก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยอย่างน้อยก็เพื่อให้ประชาชนถูกสารเคมีน้อยลง แต่ในอนาคตนั้นหากผักผลไม้ทุกชนิดมีความปลอดภัย 100% เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งหากอนาคตเราเปลี่ยนการลดใช้สารเคมีโดยการหันมาใช้ใช้สารจากธรรมชาติก็อาจจะช่วยให้สินค้าเหล่านี้มีคุณภาพดีปลอดภัยขึ้น”นพ.สุขุม กล่าว.