รุมทวงสปิริต4รมต. ท้า'ประยุทธ์'เปิดตัว/หวั่นนองเลือดซํ้ารอย'บิ๊กสุ'


เพิ่มเพื่อน    

     "กอบศักดิ์" ยัน 4 รมต.พรรคพลังประชารัฐไม่เอาเปรียบคู่แข่ง-ตรวจสอบได้ ถึงเวลาพร้อมสวมหมวกใบเดียว "วิษณุ" แนะอย่า "ใช้งบหลวง-ทรัพย์สินหลวง-คนของหลวง" เชื่อแยกแยะได้ "เพื่อไทย" ตอกย้ำ พปชร.สืบทอดอำนาจ คสช. ซัดรัฐบาลยังมีอำนาจเต็มเอาเปรียบพรรคอื่น กระตุก 4 รมต.ต้องมีความละอาย  เชื่อเลือกตั้งไม่ยุติธรรม ท้า "ประยุทธ์" เปิดตัวอย่าเป็นอีแอบ "อดุลย์" วอน "บิ๊กตู่" เลิกสืบทอดอำนาจ หวั่นประวัติศาสตร์เลือดซ้ำรอย จี้สละเก้าอี้ "ไทกร" ฟันธง "บิ๊กตู่" ซ้ำรอย "บิ๊กสุ"
     เมื่อวันอาทิตย์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะว่าที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้ 4 รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบ หลังจากประกาศตัวร่วมงานกับ พปชร.อย่างเต็มตัวว่า เรื่องนี้ขอยืนยันตามที่นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรค ได้ประกาศไว้ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะมาสวมหมวกเพียงใบเดียวคือ พปชร. ส่วนที่เกรงกันว่า 4 รัฐมนตรีของพรรคจะใช้อำนาจต่างๆ เป็นการเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมืองนั้น ท่านว่าที่หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าที่รองหัวหน้าพรรค ก็ยืนยันว่าจะไม่มีการใช้เวลารวมถึงการใช้ทรัพยากรต่างๆ ของรัฐไปเอาเปรียบพรรคอื่นๆ 
    "ในเรื่องนี้ผมมั่นใจว่าจะทำให้โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้" ว่าที่โฆษก พปชร.กล่าว
     เมื่อถามถึงรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่ปรากฏเป็นข่าว นายกอบศักดิ์กล่าวว่า รายชื่อที่ปรากฏออกมาไม่เป็นความจริง เพราะพรรค พปชร.เพิ่งจะจัดตั้งได้เพียง 1 วันเท่านั้น อีกทั้งยังต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนดอีก และยังมีเวลาอีกมากในการคัดสรรผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค
    ขณะที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายถึงการเข้ารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค พปชร.ว่า ตนมีโอกาสได้ทำงานการเมืองในหลายช่วงเวลา แต่ละยุคสมัยมีบริบทและปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกันมาก มีรัฐบาลในหลายรูปแบบ แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาในหลายเรื่องที่สำคัญของประเทศได้ ในกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้น ตนมีนโยบาย "วิทย์สร้างคน" เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัยด้วยวิทยาศาสตร์ การพัฒนาประเทศไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้นๆ ต้องอาศัยเวลาและการร่วมแรงร่วมใจ กันทั้งรัฐบาลและประชาชน ความสามัคคีของคนในชาติ ประชาชนต้องกล้าเปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อโลกเปลี่ยนไทยต้องปรับตัวให้ทัน ผมตั้งใจไว้ว่าจะทำให้พรรคพลังประชารัฐเป็นทางเลือกใหม่ของคนไทยทุกคน ที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง เดินหน้าประเทศไทย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายกังวลว่า 4 รัฐมนตรีที่ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐจะใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคตัวเอง ว่า ถ้าเป็นในเวลาราชการแล้วจะไปทำเรื่องเกี่ยวกับพรรคการเมืองขอให้ลาไป เพราะการเอาเวลาราชการไปทำงานเกี่ยวกับพรรคหรือกิจกรรมการเมืองมันไม่ควรโจ่งแจ้งหรือน่าเกลียด ต้องระมัดระวัง ดังนั้นอย่าเอาเวลาราชการเพื่อไปใช้ประโยชน์ของพรรคการเมือง ส่วนเวลานอกราชการ หรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ สามารถทำได้ ในอดีตก็ไม่มีปัญหาอะไร มีหลายครั้งที่รัฐบาลยุบสภา แล้วมีรัฐมนตรีสังกัดพรรคลงไปทำกิจกรรมของพรรคตัวเอง
แนะ 4 รมต.อย่าทำ 3 อย่าง
    “เพียงแต่ต้องอย่าทำ 3 อย่างคือ ใช้เวลาหลวง ทรัพย์สินหลวง และคนของหลวง เพื่อประโยชน์อื่นกับพรรค เพราะเรื่องพรรคเป็นเรื่องส่วนตัว ตามกฎหมายถือว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ มีกำหนดไว้อยู่ในรัฐธรรมนูญให้ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่เชื่อว่ารัฐมนตรีทั้ง 4 คนเขาแยกแยะได้”
    ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้แล้ว ทั้ง 4 คนควรลาออกจากรัฐมนตรีหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ตนไม่ทราบ และไม่ขอตอบเรื่องนี้ แต่คิดว่าเขาเองคงคิดพิจารณากันไว้แล้วว่าจะทำอย่างไรให้เหมาะสม
    ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เปิดตัวตั้งพรรคพปชร.ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นที่รู้กันล่วงหน้ามานานแล้ว มีคนพบเห็นอยู่เป็นประจำ หารือเตรียมตั้งพรรคการเมืองกันในทำเนียบรัฐบาล ทำให้เห็นว่าคนที่เคยมาพูดเรื่องเหล่านี้และถูกต่อว่ากล่าวหาว่าใส่ร้ายกลายเป็นสิ่งที่พูดกันเป็นความจริงทั้งหมด โดยทั่วไปเมื่อมีการยุบสภา ครม.สิ้นสุดลง รัฐบาลรักษาการอยู่ภายใต้ข้อห้ามสำคัญๆ ที่จะไม่เอาเปรียบการเลือกตั้ง ดังนั้นควรปฏิบัติรัฐบาลรักษาการ ไม่ควรเที่ยวไปหว่านงบประมาณหาเสียง ไม่อนุมัติโครงการใหญ่ หรือโครงการที่มีการผูกพัน ควรชะลอการแต่งตั้งโยกย้าย หรือถ้าบริสุทธิ์ควรส่งให้ กกต.ดู
     "เนื่องจากนายกฯ ซึ่งเป็นที่รู้กันแล้วได้รับสนับสนุนจากพรรคที่ตั้งขึ้น เพื่อให้เป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งอีก พล.อ.ประยุทธ์ควรลาออกจากหัวหน้า คสช. สิ่งที่ คสช.ทำห้ามหาเสียงในตอนนี้ เป็นคำที่คลุมเครือ และกลายเป็นการปิดปากพรรคการเมืองทั้งหมด แต่กลับเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีตัวเองหาเสียงได้ตลอดเวลา และเป็นการหาเสียงที่จะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลด้วย เพราะฉะนั้นต้องปลดล็อกและเปิดให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ เพราะถือเป็นการเอาเปรียบกันตั้งแต่ต้น เพราะนโยบายประชารัฐเป็นการใช้งบประมาณของรัฐ พอมาตั้งชื่อพรรคนี้คือเอางบประมาณไปทำโครงการ โดยวางแผนล่วงหน้าสร้างพรรคการเมืองให้ได้อานิสงส์ มันก็ไม่ยุติธรรม เมื่อรัฐมนตรีทั้ง 4 คนประกาศตั้งพรรคการเมือง ควรทำตัวเป็นรัฐบาลรักษาการได้แล้ว นายกฯ ต้องเลิกใช้อำนาจในฐานะ คสช. ต้องมีความละอาย ทำให้การเลือกตั้งน่าเชื่อถือ ก็คือมีความเสรีเป็นธรรม ไม่ใช่ทำการเลือกตั้งแบบชกข้างเดียว ปิดหูปิดตาประชาชนรู้ข่าวสารเลย" นายจาตุรนต์กล่าว
    นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่อาจมองไปเป็นอย่างอื่นได้ว่าพรรคนี้ก่อตัวขึ้นเพื่อหนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. เพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งหน้า หลายคนในรัฐบาลตอบคำถามสื่อว่าไม่มีอะไรห้าม แต่ไม่ได้บอกว่าตามกติกาที่พวกท่านกำหนด แสดงได้โดยชัดเจนว่าคสช.กลายเป็นผู้เล่น ผู้เข้าแข่งขัน เป็นการเลือกตั้งในขณะที่ตนเองเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม รัฐมนตรีและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งในพรรคนี้จะบริหารประเทศไปในช่วงนี้ โดยดำรงสถานะความเป็นผู้บริหารพรรคการเมืองพร้อมกันไปด้วยเช่นนั้นหรือ เป็นความยุติธรรมแล้วหรือ กกต.ต้องตอบคำถามต่อสังคมว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมแน่หรือ จึงขอเชิญชวนพรรคการเมืองช่วยกันตั้งประเด็นนี้ให้เป็นวาระสำคัญของชาติร่วมกัน ใช้สิทธิทุกประการเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม
    นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อดีของการเปิดตัว พปชร. เป็นการแสดงตัวที่ชัดเจน ได้ต่อสู้ตามกติกา ประชาชนจะได้ไม่สับสน แต่ข้อเสียคือมีข้อกังวลว่าการที่บุคคลเหล่านี้ยังมีตำแหน่งในรัฐบาลมีอำนาจโยกย้ายข้าราชการ พิจารณางบฯ และมีอำนาจใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของรัฐได้ ดังนั้นจะวางตัวอย่างไรไม่ให้ถูกมองว่าเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น คนที่เป็นผู้นำพรรคนี้ลาออกจากตำแหน่งจะดีกว่า 
ท้า"ประยุทธ์"เปิดตัวด้วย
    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอต้อนรับ พปชร.เข้าสู่เวทีการเลือกตั้ง การเปิดตัวของพรรคที่มีรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค รวมถึงการมีแกนนำ กปปส.เป็นรองหัวหน้าพรรค เป็นหลักฐานที่เห็นชัดเจนว่า การยึดอำนาจและเข้ามาบริหารประเทศของ คสช.มีการแบ่งหน้าที่กันทำ สร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย เป็นเงื่อนไขเปิดทางให้ทหารยึดอำนาจ วันนี้เมื่อเขาทำทุกอย่างตามแผนที่วางไว้เพื่อสืบทอดอำนาจ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการต่อสู้ที่ชัดเจนระหว่างฝ่ายเผด็จการและฝ่ายประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ก็ควรเปิดตัวลงมานำพรรคด้วยตัวเอง ไม่ควรแอบอยู่ข้างหลังอีกแล้ว 
     นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวเช่นกันว่า ชัดเจนดี ไม่ต้องเสียเวลาแอบหลบแอบซ่อนให้มันยุ่งยาก ตัวเป้งๆ แม้ยังไม่มีชื่อในพรรค แต่ไม่ไปไหนแน่ 3 คนคงเข้าไปอยู่ในชื่อนายกฯ ที่พรรคจะเสนอ ก็ทำเป็นไม่ยุ่งเกี่ยวกับพรรคพอเป็นพิธีไปเท่านั้น เพราะต้องเป็นอีแอบขนานแท้ไปก่อน ดี เป็นพรรคการเมือง ให้พี่น้องตัดสินใจเลือกว่าจะสนับสนุนรัฐที่คิดจะสืบทอดอำนาจต่อหรือไม่ เชิญพวกท่านใช้ทุกอำนาจที่มีในการทำงานให้คณะพวกท่าน แต่ประชาชนก็รู้เท่าทันพวกท่านเหมือนกัน 
    นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอย่างยิ่งคือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกฯ โดยมีอำนาจพิเศษตาม ม.44 ควบคุมประเทศ จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จ โดยที่พรรคพลังประชารัฐประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ให้ได้ยินไปทั้งประเทศ ถือได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์มีส่วนได้เสีย รัฐมนตรีทั้ง 4 คนเป็นทั้งนักกีฬาและเป็นกรรมการด้วย รู้ถึงไหน ก็อายถึงนั่น การเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึงจะมีการเอาเปรียบกันอย่างสุดๆ ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แสดงว่าข่าวลือเปิดทำเนียบฯ เป็นที่ทำการพรรคการเมืองอาจเป็นข่าวจริงที่มาก่อนเวลาอันควรหรือไม่ 4-5 เดือนที่ผ่านมา คนในรัฐบาลและ คสช.ปฏิเสธมาตลอด แต่วันนี้เปิดตัวชัดอย่างไม่เหนียมอาย น่าแปลกใจที่พร้อมใจกันผันตัวเองจากกรรมการมาเป็นผู้เล่นโดยไม่เคอะเขินแม้แต่น้อย การตั้งรัฐมนตรีตั้งตามความสามารถ หรือตั้งเพื่อจัดวางตัวบุคคลให้มาวางแนวทางในการสืบทอดอำนาจ นี่แค่หนังตัวอย่าง 5-6 เดือนจากนี้ไป ประชาชนน่าจะได้เห็นอะไรมากกว่านี้ เสียงเรียกร้องจากทั่วทุกสารทิศที่ดังขึ้นเรื่อยๆให้ผู้มีอำนาจเสียสละถอยออกมา 
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเช่นกันว่า เป็นเรื่องที่ไม่เกินความคาดหมายเพราะทั้ง 4 คนมีความใกล้ชิดกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ซึ่งมีการเคลื่อนไหวสอดคล้องกับพล.อ.ประยุทธ์ และเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า เป็นการตั้งพรรคเพื่อรองรับการทำงานการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ รัฐมนตรีทั้ง 4 คน หรือท่านใดที่ยังอยู่ในรัฐบาล ต้องระมัดระวังการใช้อำนาจหน้าที่ให้ประโยชน์ทางการเมือง เพื่อปูทางไปสู่การหาคะแนนนิยมให้กับตัวเองและพวกพ้อง การใช้อำนาจแทรกแซงการทำงานองค์กรอิสระ หรือแสวงหาความนิยมในรูปแบบต่างๆ ผ่านเครือข่ายข้าราชการ จะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการเลือกตั้งและสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง ส่งผลให้การเลือกตั้งอาจไม่เป็นที่ยอมรับ 
ซ้ำรอยประวัติศาสตร์เลือด
     นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า เป็นที่รับรู้เป็นการทั่วไปว่าเป็นการตั้งพรรคขึ้นมารองรับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อสืบทอดอำนาจ เราได้เตือนสติ พล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอดว่าอย่าคิดสืบทอดอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงประวัติศาสตร์ที่ทำให้เกิดความสูญเสีย หากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ แต่เมื่อท่านสนใจการเมือง ก็ขอให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพราะท่านเข้ามาเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 เพื่อเป็นกรรมการ ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลปกติที่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้วไม่ได้มีอำนาจเต็มแต่รัฐบาล คสช.มีอำนาจเต็ม และยังมีอำนาจพิเศษตาม ม.44 อีก 
    "ความจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ไม่สมควรทำหน้าที่ต่อไป เป็นที่ประจักษ์ถึงความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองมาตลอดกว่า 4 ปี ไม่ได้ปฏิรูปประเทศตามที่สัญญาประชาคมไว้ และยังทำการสืบทอดอำนาจเผด็จการโดยการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมารองรับ ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้ช่วยกันเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้องเลิกสืบทอดอำนาจ ส่วนบรรดาพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างๆ ก็เลิกคิดเรื่องเช็กบิลแก้แค้นกันด้วย เพื่อให้ คสช.ลงจากอำนาจอย่างราบรื่น ทั้งนี้ เพื่อขจัดเงื่อนไขความขัดแย้งรอบใหม่ให้ได้อย่างแท้จริง หากยังดันทุรังอยู่ในอำนาจทั้งที่เปิดหน้าไพ่ออกมาหมดแล้ว ก็จะมีเสียงต่อต้านและมีความขัดแย้งไม่มีที่สิ้นสุด"  
    ส่วนข้อเสนอให้มีการถวายคืนพระราชอำนาจจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง นายอดุลย์ กล่าวว่า เห็นด้วยในหลักการสร้างความปรองดอง แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องทำเช่นนั้น เพราะขณะประเทศกำลังเดินไปสู่การเลือกตั้ง ทุกฝ่ายกำลังรอคอยรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ แม้ทุกฝ่ายจะกังวลว่าหลังการเลือกตั้งแล้วจะเกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ก็สามารถร่วมกันหาทางออกตามแนวทางประชาธิปไตยได้อยู่แล้ว โดยให้พรรคการเมืองใหญ่ที่เคยเป็นคู่ขัดแย้งร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเพื่อชาติ 
    นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กหัวข้อเรื่อง พลังประชารัฐซ้ำรอยสามัคคีธรรม บิ๊กตู่ซ้ำรอยบิ๊กสุ โดยระบุว่า หลังการรัฐประหารปี 2534 โดย รสช. พล.อ.อ.เกษตร (บิ๊กเต้) ให้เพื่อนสนิท ฐิติ นาครทรรพ ประสานนักการเมืองจัดตั้งพรรคสามัคคีธรรม เพื่อเป็นฐาน ส.ส.สนับสนุน พล.อ.สุจินดา (บิ๊กสุ) เป็นนายกรัฐมนตรี "คนนอก" หลังรัฐประหารปี 2557 รัฐบาล คสช. ให้รัฐมนตรีในรัฐบาลไปจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นฐาน ส.ส. สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี "คนนอก" หลังการเลือกตั้ง ในยุค รสช. การรวบรวม ส.ส. เพื่อตั้งพรรคสามัคคีธรรมไม่โจ่งแจ้งเท่าไหร่  ยังมีความละอายอยู่บ้าง ในยุค คสช. การรวบรวม ส.ส. เป็นไปอย่างโจ่งครึ่ม ทำกันแบบด้านๆ ไม่แคร์ ไม่อาย 
    "บิ๊กสุ เริ่มถูกต่อต้านขับไล่หลังกลับคำ "เสียสัตย์เพื่อชาติ" มาเป็นนายกฯ คนนอก บิ๊กตู่ถูกต่อต้านอย่างต่อเนื่องเรื่องการสืบทอดอำนาจ ยิ่งจะขยายตัวและรุนแรงมากขึ้น กระจายไปทั่วประเทศ ทันทีที่บิ๊กตู่รับเป็นนายกฯคนนอก มวลชนที่ต่อต้านจะเปลี่ยนเป็นมวลชนขับไล่บิ๊กตู่ จำนวนมวลชนจะเพิ่มมากขึ้นจากการสนับสนุนของพรรคการเมืองต่างๆ ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับบิ๊กตู่และ คสช.  สถานการณ์ประเทศเข้าสู่ขั้นวิกฤติอีกครั้งอาจจบลงด้วยบิ๊กตู่ลาออก แล้วให้รัฐสภาเลือกนายกฯ คนใหม่ เหมือนหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 35 หรืออาจจบแบบจอมพลถนอมต้องเดินทางออกนอกประเทศหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ยังไม่มีใครทราบได้ แต่ที่แน่ๆ บิ๊กตู่และพรรคพลังประชารัฐพร้อมลูกสมุนบริวารจะถูกประชาชนกวาดตกเวทีการเมืองไทยแน่นอน" นายไทกรระบุ
    นายจักษ์ พันธ์ชูเพชร ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมด้วยกองงานโฆษกพรรค  ร่วมกันแถลงข่าวขอให้ประชาชนผู้มีเจตจำนงที่จะร่วมเป็นเจ้าของพรรคทุกท่าน เสียสละเงินวันละ 1 บาท ปีละ 365 บาท เพื่อเป็นค่าบำรุงพรรคเช่นเดิม ในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2561 เวลา 13.00 น. พรรคจะลงพื้นที่ ณ ตลาดปัฐวิกรณ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ประชาชนที่มีความประสงค์จะแสดงเจตจำนงเป็นสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย สามารถยื่นสมัครกับเจ้าหน้าที่ของพรรคได้โดยตรง 
     ที่โรงแรมเชียงใหม่ออคิด อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อธรรม นำโดย พล.ต.ต.จรัญ ธิตะปัญญา รักษาการหัวหน้าพรรค ประชุมใหญ่สามัญประจำปี  ก่อนเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกฯ และอดีต ส.ส.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่, นางนลินี ทวีสิน เป็นรองหัวหน้าพรรค, นายพงศกร อรรณนพพร เลขาธิการพรรค เป็นต้น 
    จากนั้นนายสมพงษ์แถลงว่า พรรคเพื่อธรรมไม่ได้เป็นพรรคสำรองเพื่อไทย เหตุที่มาประชุมที่เชียงใหม่ เพราะว่ามีสมาชิกพรรคมากที่สุดในประเทศ กว่า 800 คน ส่วนเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า อาจส่งผู้สมัครลงครบ 350 เขตทั่วประเทศ ซึ่งพรรคทำงานการเมือง ก็ต้องทำให้เพื่อธรรม ไม่ใช่เพื่อไทย ต่างคนต่างทำ ส่วนอุดมการณ์การเมืองอาจคล้ายกัน สามารถเป็นพันธมิตรทางการเมืองได้ หากพรรคเพื่อไทยประสบปัญหาทางการเมือง สามารถมาร่วมกับเพื่อธรรมได้ เราจะไม่ดูดใคร แต่จะรับเข้าพรรคแทน หากมีแนวทางและอุดมการณ์ตรงกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"