"อ๋อย" ร่ายยาว! รัฐบาลน่าละอาย ส่ง4 รมต.เปิดหน้าชัดตั้งพรรค


เพิ่มเพื่อน    

 

"อ๋อย" ร่ายยาว! รัฐบาลน่าละอายหลัง 4 รมต.เปิดหน้าชัดตั้งพรรค พปชร.  ดัก อย่าหว่านงบ

เมื่อวันที่ 30 ก.ย.นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีในรัฐบาลเปิดตัวลงพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นที่รู้กันล่วงหน้ามานานแล้ว มีคนพบเห็นอยู่เป็นประจำหารือเตรียมตั้งพรรคการเมืองกันในทำเนียบรัฐบาล ทำให้เห็นว่าคนที่เคยมาพูดเรื่องเหล่านี้และถูกต่อว่ากล่าวหาว่าใส่ร้าย กลายเป็นสิ่งที่พูดกันเป็นความจริงทั้งหมด เวลานี้ทำให้มีประเด็นคนมักจะใช้ให้ความสนใจ คือเมื่อมีรัฐมนตรีคนสำคัญไปตั้งพรรคการเมืองอย่างนี้แล้ว จะทำอย่างไรให้เกิดความถูกต้อง เป็นธรรม ซึ่งปกติแล้ว การที่นายกฯหรือรัฐมนตรีจะเป็นหน้าที่รักษาการณ์เป็นเรื่องที่ทำได้ตามระบบ แต่โดยทั่วไปเมื่อมีการยุบสภาคณะรัฐมนตรี(ครม.)สิ้นสุดลง รัฐบาลรักษาการณ์อยู่ภายใต้ข้อห้ามสำคัญๆที่จะไม่เอาเปรียบการเลือกตั้ง  เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย การใช้งบประมาณ การตั้งงบประมาณผูกพัน

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นคราวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลเกิดจาการยึดอำนาจไม่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพราะยุบสภามานานแล้ว ปัจจุบันเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)และรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้ว่า ถ้านายกฯและรัฐมนตรีจะลงแข่งด้วยจะทำยังไง ซึ่งเข้าใจว่าผู้มีอำนาจตั้งใจเปิดช่องนี้เอาไว้ โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่คาดคิดว่าทั้งนายกฯและรัฐมนตรีในรัฐบาลคสช.จะทำกันอย่างนี้ ดังนั้นส่ิงที่รัฐบาลนี้ควรทำคือควรปฏิบัติรัฐบาลรักษาการณ์ คือคนสำคัญในรัฐบาลจะลงแข่งในการเลือกตั้งที่จะมาถึง เวลาที่ชัดเจนคือเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่รัฐมนตรีมาประกาศตั้งพรรคการเมือง ส่ิงที่รัฐมนตรีไม่ควรทำคือไม่เที่ยวไปหว่านงบประมาณหาเสียง ไม่อนุมัติโครงการใหญ่ หรือโครงการที่มีการผูกพัน ควรชะลอการแต่งตั้งโยกย้าย หรือถ้าบริสุทธิ์ควรส่งให้ กกต.ดู

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เนื่องจากนายกฯซึ่งเป็นที่รู้กันแล้วได้รับสนับสนุนจากพรรคที่ตั้งขึ้น เพื่อให้เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งอีก เนื่องจากนายกฯมีตำแหน่งหัวหน้าคสช.ดังนั้นส่ิงที่ถูกต้องพล.อ.ประยุทธ์ ควรลาออกจากหัวหน้าคสช.แต่การเรียกร้องให้ลาออกจากนายกฯและหัวหน้าคสช.คงยากมาก พล.อ.ประยุทธ์คงตั้งใจเป็นหัวหน้าคสช.จนกว่ารัฐบาลเข้ามารับหน้าที่ และตั้งใจเป็นนายกฯอย่างนี้เรื่อยไปจนอีก 10 ปี ดังนั้นเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ถ้าไม่ลาออกจากหัวหน้าคสช.จะต้องประกาศไม่ใช้อำนาจมาตรา 44 ที่อาจให้คุณให้โทษต่อการเลือกตั้งในทุกกรณี รวมทั้งคนที่เล่นงานคสช.และรัฐบาล และต้องไม่ก้าวก่ายการเลือกตั้ง โดยดูแลให้พรรคการเมืองและผู้สมัครทำตามกฎหมายพรรคการเมืองเมือง และกฎหมายเลือกตั้ง อยู่ในการดูแลของกกต.เพียงองค์กรเดียวตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ

แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนการหาเสียงจากนี้ไปจะไม่มีทางแยกออกว่าส่ิงที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ พูดถึงนโยบายรัฐบาลหรือกำลังหาเสียงให้พรรคของตนเอง แต่ทางออกไม่ใช่ห้ามพรรคการเมืองพูดเรื่องนโยบาย หรือห้ามหาเสียง แต่ทางออกคือการเปิดทางให้พรรคการเมืองและประชาชนมีเสรีภาพแสดงความคิดเห็นให้เต็มที่ รวมทั้งการทำนโยบาย เสนอนโยบาย วิพากษ์วิจารณ์นโยบาย ทั้งของรัฐบาลและของพรรคการเมืองต่างๆ

จริงๆการหาเสียงโดยประเพณีหาเสียงได้ตลอดเวลา แต่เมื่อมีประกาศพ.ร.ฎ.เลือกตั้งแล้วเขาจะห้ามกระทำการบางอย่าง ไม่ใช่เปิดหาเสียงในตอนนั้น เพราะหาเสียงได้ตลอดเวลา แต่ส่ิงที่คสช.ทำห้ามหาเสียงในตอนนี้ เป็นคำที่คุมเครือและกลายเป็นการปิดปากพรรคการเมือง และนักการเมืองท้ังหมด แต่กลับเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีตัวเองหาเสียงได้ตลอดเวลา และเป็นการหาเสียงที่จะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลด้วย เพราะฉะนั้นทางออกต้องปลดล็อกและเปิดให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์

"ถือเป็นการเอาเปรียบกันตั้งแต่ต้น เพราะนโยบายประชารัฐเป็นการใช้งบประมาณของรัฐ ใช้การเชื่อมโยงระหว่างรัฐบาลแะเอกชนหลายใหญ่ และมาให้คุณ แจกจ่ายประโยชน์ให้ประชาชน และพอมาตั้งชื่อพรรคนี้คือเอางบประมาณไปทำโครงการ โดยวางแผนล่วงหน้าสร้างพรรคการเมืองให้ได้อนิสงค์จากตัวโครงการที่ใช้งบประมาณจากภาษีประชาชน มันก็ไม่ยุติธรรม"นายจาตุรนต์กล่าว

แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า โดยพื้นฐานแล้วจากนี้ไปไม่มีทางแยกออกได้ว่าเวลาพูดถึงนโยบายประชารัฐคือกำลังหาเสียงให้พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ แต่ทางออกเราคงห้ามไม่ได้ แต่รัฐบาลต้องหยุดใช้งบฯในลักษณที่เป็นประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองตัวเองในการเลือกตั้ง และเปิดโอกาสคนอื่นวิจารณ์คุณได้ ไม่ใช่พอไปวิจารณ์ไปดำเนินคดีพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไปฟังความเห็นประชาชนก็ไปจับเขาชุมนุมมั่วสุมทางการเมืองเกิน 5 คน เมื่อรัฐมนตรีทั้ง 4 คนประกาศตั้งพรรคการเมือง ควรทำตัวเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ได้แล้ว และเมื่อนายกฯพูดจนเป็นที่เข้าใจแล้วว่าจะแข่งเป็นนายกฯต้องเลิกใช้อำนาจในฐานะคสช.ได้แล้ว และต้องเร่ิมแต่ตอนนี้ เพราะตอนนี้เหมือนรัฐบาลรักษาการณ์หลังยุบสภา ภาวะปกติไม่ได้บอกรัฐบาลรักษาการณ์ทำตามข้อห้ามต่างๆเมื่อมีพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง เมื่อยุบสภารัฐบาลต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างรัฐบาลรักษาคือห้ามทำโน้นห้ามทำนี้อะไรต่างๆ แต่รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้เพราะไม่นึกจะทำกันอย่างนี้ แต่เมื่อทำอย่างนี้ต้องมีความละอาย ทำให้การเลือกตั้งน่าเชื่อถือก็คือมีความเสรีเป็นธรรม ไม่ใช่ทำการเลือกตั้งแบบชกข้างเดียว ปิดหูปิดตาประชาชนรู้ข่าวสารเลย อาจเลวร้ายไม่ต่างกับการลงประชามติที่ผ่านมา


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"