ประชาธิปไตย...มันเป็นเช่นนั้นเอง


เพิ่มเพื่อน    

(1)

        ช่วงระยะนี้...ผู้คนในแวดวงการเมือง เขาออกจะคึกคัก โครมคราม ชุลมุน ชุลเก อยู่พอสมควร ซึ่งต้องถือเป็นเรื่องปกติธรรมดานั่นแหละทั่น ในเมื่ออั้นกันมานาน ปิดฝา ปิดกา มาเกือบ 4 ปี 5 ปี เมื่อต้องแง้มฝา เปิดฝา อะไรต่อมิอะไรมันย่อมต้องพลุ่งพล่าน พุ่งกระฉูด สาดกระเซ็น เลอะเทอะ เปรอะเปื้อน มากบ้าง น้อยบ้าง เป็นธรรมดา...

(2)

        และไม่ว่าผู้คนในแวดวงการเมือง หรือที่เรียกๆ กันว่า นักการเมือง เขาจะออกอาการไปในลักษณะไหน แบบใด ก็แล้วแต่ คงต้องพยายามทำใจให้เป็น กลางๆ ในเวลาจะมอง หรือในเวลาจะด่า เพราะแม้ว่าเขาจะออกไปทางทนมือ ทนตีน ด่าได้ ดุได้ ง่ายๆ สบายๆ กว่าบรรดาพวก ทหาร ทั้งหลาย ที่อุณหภูมิจุดเดือดค่อนข้างต่ำกว่ากันหลายเท่า แต่ไม่ว่าจะด่าแบบไหน ด่ายังไง คงต้องคิดๆ เอาไว้ด้วยว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว...บรรดา นักการเมือง ทั้งหลาย ก็คือ ภาพสะท้อน ของประชาชน อย่างมิอาจบิดพลิ้ว บิดเบน ไปเป็นอื่นได้เลยแม้แต่น้อย...

(3)

        เพราะด้วยความเป็น ตัวแทน หรือ ผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะได้มาโดยวิธีไหน จากราษฎรกลุ่มหนึ่ง กลุ่มใด ก็แล้วแต่ ย่อมมิอาจปฏิเสธได้ว่า ก็คือภาพสะท้อนของกลุ่มชนกลุ่มนั้นๆ นั่นแล คือถ้าหากบรรดาราษฎร หรือปวงชนทั้งหลาย เต็มไปด้วยความซื่อตรง ซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในคุณธรรม ศีลธรรม มีความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องบ้าน เรื่องเมือง แบบถ้วนทั่วไปด้วยกันทั้งหมด โอกาสที่นักการเมืองประเภทขี้โกง ฉ้อฉล ประเภทพล็อบๆ แพล็บๆ หรือประเภทเขี้ยวลากดิน เกล็ดแตกลายงา มีปีก มีหาง คงแทบไม่มีสิทธิ์โผล่หัว โผล่หาง เข้ามาในรัฐสภา หรือในแวดวงการเมืองได้ง่ายๆ และป่านนี้...ประชาธิปไตยเมืองไทย ย่อมพัฒนา ก้าวหน้า ไปในระดับไหนต่อไหนไปแล้วก็ไม่รู้ ไม่ต้องวนไป-วนมา อยู่ใน “วงจรอุบาทว์” เกือบๆ ร่วมศตวรรษเข้าไปแล้ว เหมือนอย่างเช่นทุกวันนี้...

(4)

        แต่บรรดา “ประชาชน” โดยทั่วไป...ท่านก็ยังคงเป็นประชาชนในแบบที่นักทฤษฎีเผด็จการ อย่างนาย นิโคโล แมคเคียวเวลลี เคยอธิบายเอาไว้ในหนังสือเรื่อง “เจ้า” หรือ “The Prince” เมื่อกว่า 500 ปีที่แล้วนั่นแหละ คือเป็นเพียง คนธรรมดาๆ ที่มักถูกครอบงำโดยความต้องการในปัจจุบัน เสียจนกระทั่งผู้ที่เก่งในการหลอกลวง จะสามารถพบผู้ที่พร้อมจะให้หลอกลวงได้เสมอๆ ความเป็นประชาธิปไตยตลอดช่วงระยะเวลาเกือบๆ ศตวรรษที่ผ่านมา มันจึงเป็นไปในแบบ หลอกกันไป-หลอกกันมา ในเมื่อประชาชนที่อยากให้หลอกยังมีอยู่เยอะแยะมากมาย นักการเมืองหลอกๆ หรือนักการเมืองที่เก่งในการหลอก ก็จึงไหลทะลักเข้ามาในรัฐสภา โดยอาศัยความไม่ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่ยึดมั่นอยู่ในคุณธรรม ศีลธรรม แถมปราศจากความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องการบ้าน การเมือง ของปวงชนทั้งหลายนั่นแหละ เป็นปัจจัยสำคัญ...

(5)

        แต่ทำไงได้...ในเมื่อหนทางแห่งความเป็นประชาธิปไตย ยังไงๆ มันย่อมต้องเป็นไปในรูปนี้นั่นแหละทั่น การหันไปด่านักการเมืองแม้ว่าจะด่าง่าย ด่าสบาย ด่าอีกก็ถูกอีก แต่สุดท้าย...ก็คงไม่ต่างอะไรไปจากการหันไปด่า ประชาชน หรือหันไปด่าพ่อแม่พี่น้องของตัวเราเองนั่นแล ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมากมาย เผลอๆ...ยังกลายเป็นการ เข้าทางเท้า, เข้าทางตีน ของพวก เผด็จการ ไปซะอีกต่างหาก ซึ่งถ้าหากเป็นประเภทเผด็จการดีๆ เผด็จการโดยธรรม ก็สมควรแล้ว...ที่จะให้เข้าทางเท้า ทางตีน ของบุคคลเหล่านี้ แต่เผด็จการบ้านเราโดยส่วนใหญ่ ไปๆ-มาๆ...ก็ออกจะพอๆ กับ นักการเมือง โดยทั่วไปนั่นเอง ไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันและกันซักกี่มาก-น้อย...

(6)

        ด้วยเหตุนี้...ก็คงต้อง ทำใจ กันเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ไม่ว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนับจากนี้ มันจะนำพาประเทศชาติบ้านเมืองไปในแนวไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาในอนาคตข้างหน้า คงต้องหันมา ด่าตัวเราเอง เอาไว้ก่อนนั่นแหละ ถึงจะ เข้าท่า ที่สุด ด่าที่เรายังไม่มีขีดความสามารถมากพอที่จะยกระดับความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องบ้าน เรื่องเมือง ให้มันแผ่ซ่านไปทั่วทั้งสังคมไทย ยังไม่สามารถ หว่านพืชธรรม ให้งอกเงย เจริญเติบโต ก่อนที่คิดจะ หว่านพืชประชาธิปไตย ไม่สามารถปลูกฝังความซื่อสัตย์ สุจริต คุณธรรม ศีลธรรม ที่จะช่วยให้ผู้คนพอ มองการณ์ไกล ไปจากความต้องการในปัจจุบัน จนสามารถขจัด ความเห็นแก่ตัว ทั้งหลายลงไปได้มั่ง...

(7)

        พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าอยากจะรู้คำตอบว่า ภายใต้บรรยากาศแห่งความคึกคัก โครมคราม ของการหันกลับมาสู่ประชาธิปไตยเที่ยวนี้ สุดท้าย...มันจะต้องวนไป-วนมา กลับไปสู่จุดเดิม กลับไปสู่วังวนแบบเดิมๆ อีกหรือไม่ อย่างไร ก็คงหนีไม่พ้นต้องหันไปตอบคำถามซะก่อนว่า มาถึง ณ ขณะนี้ หรือหลังจาก 4 ปี 5 ปีที่ผ่านมา...บรรดา ประชาชนที่มีธรรม ได้โผล่ผุดขึ้นมาในสังคมไทยมาก-น้อยเพียงใด อันนั้นนั่นแหละ...ที่จะสามารถคาดเดา ทำนาย ถึงอนาคตล่วงหน้า โดยไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์ ดูดวง หรือผูกดวงใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมต้องเป็นไปตามกฎเหล็กแห่งธรรมชาติ หรือกฎปฏิจจสมุปบาท อันว่าด้วย...ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นแล...


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"