29 ก.ย.61-ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์ผ่านเพจ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ระบุว่า เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ดีที่เมื่อวันนี้วันที่ 27 กันยายน 2561 ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขโดยท่านรองปลัดและมีเจ้าหน้าที่จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และจากกรมวิชาการเกษตรได้ออกมาให้ข้อมูลว่า จากการสุ่มตรวจพืชผักผลไม้ถึงการตกค้างของยาฆ่าแมลงไม่พบว่าอยู่ในเกณฑ์ผิดปรกติมากและนอกจากนั้นการล้างก็จะทำให้เกิดความปลอดภัย จากข้อมูลการประกาศเช่นนี้ต้องทำการเทียบเคียงกับการสุ่มตรวจเป็นระยะขององค์กรอิสระที่ทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่าตัวเลขที่ได้น้อยลงหรือมากขึ้นกว่าที่เคยสำรวจมาก่อนนั้นเป็นประการที่หนึ่ง
ประการถัดมาคือเรื่องของการล้างต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ว่าการล้างนั้นจะสามารถล้างที่ติดอยู่ที่ผิวหรือที่เปลือกได้เท่านั้น แต่ในกรณีที่สารเคมีเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าไปโดยตรงจะไม่สามารถล้างออกได้ ประการที่สามเป็นที่รับทราบกันตั้งแต่ปี 2012 ถึงเรื่องของสารเคมีค่ายาและแมลงว่า การได้รับเข้าสู่ร่างกายแม้จะเป็นเพียงปริมาณที่น้อยกว่าค่าที่กำหนดแต่ได้รับในระยะเวลานานจะทำให้เกิดโรคอย่างที่มีปรากฏชัดเจนในเรื่องของโรคทางสมองและที่สำคัญก็คือเกิดโรคในเด็กที่อยู่ในท้องแม่และเมื่อคลอดออกมาจะมีสมองผิดปกติและมีเชาว์ปัญญาด้อยไปหรือพูดง่ายง่ายว่าไม่ฉลาดซึ่งเป็นที่รับทราบกันทั่วไปและมีหลักฐานทางวิชาการแน่นหนา
ประการที่สี่โภชนาการ 2018 ตามที่แพทย์ต้องการโดยเฉพาะหมอเองที่เป็นหมอทางสมองโดยที่ต้องการให้บริโภคผักและผลไม้ที่จะได้ประโยชน์นั้นจะอยู่ในปริมาณ 375 กรัมถึง 500 กรัมต่อวัน โดยที่ถ้าปริมาณมากกว่านั้นจะไม่ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นดังนั้นการที่ออกมายืนยันถึงความปลอดภัย ตรงนี้ปลอดภัยจริงหรือหรือเป็นการผลัก ให้คนไทยอมโรคมากขึ้นและในที่สุดเกิดโรคต่างๆและเป็นที่ยืนยันแล้วว่าสารเคมีจะไปรบกวนสมดุลของการควบคุมการอักเสบตั้งแต่ในลำไส้จนกระทั่งถึงในกระแสเลือดและส่งผลไปถึงเส้นเลือดและส่งผลไปถึงการทำงานของไตและแน่นอนคือสมอง และเป็นสาเหตุที่สำคัญของมะเร็ง
แหล่งข่าวจากเครือข่ายปราชญ์ชาวบ้าน กล่าวว่า ยืนยันว่าขณะนี้มีสารทดแทนที่จะใช้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ซึ่งหากกรมวิชาการเกษตรหรือหน่วยงานใดบอกว่ายังมีความจำเป็นต้องใช้สารเคมี ขอยืนยันว่าไม่มีสารเคมีระดับไหนที่ไม่อันตราย ท้าว่าให้เอาข้อมูลมาคุยกันได้เลย โดยเรื่องนี้หน่วยงานรัฐต้องมีการแสดงบทบาทเพื่อช่วยกันปกป้องประชาชน หรือหากคนในรัฐบาลที่พยายามยื้อไม่ให้มีการแบนสารเคมี เพื่อต้องการผลประโยชน์ที่จะหนุนพักการเมือง ขอบอกว่าตอนนี้เกษตรกรซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นส่วนสำคัญในการเลือกตั้งนั้น มีความรู้ระดับปริญญาทั้งนั้น ไม่ใช่ยุคที่จบแค่ ป.4 หากไม่เลือกผลประโยชน์ประชาชน เราก็จะปฏิเสธอย่าหวังว่าเราจะเลือก นอกจากนี้ในส่วนของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง จะมีการขยายเวลาการทำงานเพิ่มอีก 60 วัน เพื่อให้มีการพิจารณาเรื่องสารเคมี 3 ชนิดอย่างรอบคอบ เราก็ไม่ทราบว่าจะต้องรอบคอบและใช้เวลาขนาดไหนในเมื่อข้อมูลต่างๆ ทั้งเรื่อสารทดแทน และผลกระทบสุขภาพประชาชนชัดเจน และเห็นว่าถ้ายังมัวทำแบบนี้ภาคประชาชนและหน่วยงานที่สนับสนุนให้มีการแบนจะขอกดดันรัฐบาลให้ใช้ม.44 ปลดล็อกการแก้ปัญหานี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |