ยูเอสทีอาร์ ขู่ไทยแก้มาตรฐานแรงงาน 7 ข้อให้สอดคล้องมาตรฐานสากล ไม่เช่นนั้น อาจกระทบโครงการจีเอสพีปี 63 พร้อมจี้เปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมู-เครื่องในที่มีสารเร่งเนื้อแดงตกค้าง ด้าน “พาณิชย์” ยันไทยแก้มาตรฐานแรงงานแล้ว 5 ข้อ อีก 2 ข้อกำลังดำเนินการ ส่วนเปิดตลาดหมู อีก 8 เดือนรู้ผลวิเคราะห์ความเสี่ยงมีผลดี-เสียต่อคนไทยหรือไม่
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของนายลูอิส คาเรช ผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ด้านแรงงานว่า ยูเอสทีอาร์มาสอบถามความคืบหน้าการดำเนินงานของไทยในด้านแรงงาน ภายหลังจากที่ยูเอสทีอาร์มีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปรับปรุงกฎหมายแรงงานใน 7 ประเด็น เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) ซึ่งหากไทยไม่ดำเนินการตาม อาจมีผลต่อการพิจารณาการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ของสหรัฐฯ ที่ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนาจากทั่วโลก รวมถึงไทยด้วย
ทั้งนี้ ได้ชี้แจงว่า ข้อเรียกร้องของยูเอสทีอาร์ทั้ง 7 ข้อ ที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิแรงงานในการรวมตัว และการร่วมเจรจาต่อรองนั้น ไทยดำเนินการไปแล้ว 5 ข้อเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของไอแอลโอ ส่วนอีก 2 ข้อ กระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนก่อน เพราะเป็นประเด็นละเอียดอ่อน และเกี่ยวข้องกับกฎหมายอื่นๆ
โดยทั้ง 2 ข้อ ได้แก่ การให้แรงงานต่างชาติในไทยสามารถจัดตั้งสหภาพแรงงานต่างชาติในไทยได้นั้น ตามกฎหมายแรงงานของไทยไม่ได้กำหนดไว้ แต่กระทรวงแรงงาน อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ส่วนประเด็นให้แรงงานต่างชาติในไทยมีสิทธิ์ที่จะพูด หรือแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีนั้น กระทรวงแรงงานได้หารือกฤษฎีกาแล้ว และได้คำตอบว่า อาจขัดกับกฎหมายอาญาของไทย เพราะการจะพูดอะไรก็ได้ในไทย ต้องไม่กระทบ หรือหมิ่นคนอื่นจนเกิดความเสียหาย
”ได้ชี้แจงไปแล้วว่า ใน 7 ข้อเรียกร้อง ไทยดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับไอแอลโอแล้วตั้ง 5 ข้อ ส่วนอีก 2 ข้อ อยู่ระหว่างดำเนินการ แต่ต้องหารือกับทุกภาคส่วนอย่างละเอียดรอบคอบที่สุดก่อน และขอให้ผู้ช่วยยูเอสทีอาร์ด้านแรงงาน ไปรายงานให้ยูเอสทีอาร์ด้วยว่า ไทยพยายามดำเนินการแล้ว ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย”
อย่างไรก็ตาม หากยูเอสทีอาร์จะตัดจีเอสพีที่ให้กับสินค้าไทย เพียงเพราะไทยไม่ทำตามที่ยูเอสทีอาร์เรียกร้องก็ไม่เป็นไร แต่กระทรวงพาณิชย์ จะพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อให้สหรัฐฯคงการให้สิทธิแก่สินค้าไทยต่อไป โดยขณะนี้ยูเอสทีอาร์อยู่ระหว่างการพิจารณาต่ออายุโครงการจีเอสพีประจำปี 63
นายบุณยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ยูเอสทีอาร์ยังได้สอบถามความคืบหน้าการเปิดตลาดนำเข้าเนื้อหมูและเครื่องในจากสหรัฐฯ ที่มีสารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีนในการเลี้ยงว่า ไทยยืนยันว่า จะทำตามผลการประชุมคณะกรรมการด้านการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐฯ (ทิฟา) เมื่อเดือนเม.ย.61 ที่ตกลงให้ทั้ง 2 ฝ่ายจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกันเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงจากการบริโภคเนื้อหมูและเครื่องในที่มีแรคโตพามีนตกค้าง ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 8 เดือน หรือประมาณต้นปี 62 ขณะนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ระหว่างการดำเนินการร่วมกัน และยูเอสทีอาร์ จะประชุมผ่านวิดิโอ คอนเฟอร์เรนซ์ วันที่ 17 ต.ค.นี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าจากกรมปศุสัตว์
”ยูเอสทีอาร์เรียกร้องให้ไทยยอมรับมาตรฐานองค์กรอาหารระหว่างประเทศ (โคเด็กซ์) ในเรื่องค่าสูงสุดที่อนุญาตให้มีได้ของสารแรคโตพามีนในเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ แต่ในไทยไม่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงเลย ที่สำคัญ โคเด็กซ์ กำหนดปริมาณสารตกค้างในเนื้อหมู และส่วนอื่นๆ ของหมู ซึ่งไม่ได้กำหนดในเครื่องใน ขณะที่คนไทยกินเครื่องในทุกส่วน จึงยังไม่รู้ว่า หากคนไทยกินเนื้อหมู และเครื่องใน ที่สามีสารเร่งเนื้อแดงตกค้างจะมีผลดี ผลเสียอย่างไร จึงต้องวิเคราะห์ความเสี่ยงให้ชัดเจนก่อน”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |