'ผู้พิพากษา'ค้าน! 'ชีพ'โอนคดีมรดก ครอบครัวชำนาญ


เพิ่มเพื่อน    

    ปธ.ศาลฎีกาสั่งโอนคดีมรดกเจ้าปัญหาของครอบครัว "ชำนาญ" ไปศาลแขวงสมุทรปราการแล้ว   "ชีพ" แจงอาจเกิดผลกระทบต่อประโยชน์ที่สำคัญในการอำนวยความยุติธรรม หึ่ง! กลุ่มผู้พิพากษาไม่เห็นด้วย โอนคดีแลกกับการไม่ดำเนินคดี ก.ต.ชี้กระบวนการพิจารณาเสร็จสิ้นและนัดฟังคำพิพากษาแล้ว 
    เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งประธานศาลฎีกา และนัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2177/2559 ที่ น.ส.เยาวมาลย์ จิระเลิศพงษ์ เป็นโจทก์ ฟ้องนายชนะ จิระเลิศพงษ์ เป็นจำเลย ข้อหายักยอกทรัพย์ ซึ่งคดีนี้คู่ความทั้งสองนั้นเป็นพี่น้องกลุ่มทายาทธุรกิจกาแฟเขาช่องยื่นฟ้องกันเอง โดยมีนายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา และกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.) ในศาลฎีกา ซึ่งมีความสัมพันธ์เป็นสามีของพี่สาวโจทก์และเป็นพี่ชายของนายชลิต รวิวรรณพงษ์ ทนายโจทก์ 
    อันเป็นมูลเหตุกรณีผู้พิพากษาจำนวน 1,734 คน ยื่นขอถอดถอนนายชำนาญพ้นตำแหน่ง ก.ต. ด้วยข้อกล่าวหาแทรกแซงข่มขู่การพิจารณาคดีของผู้พิพากษาในคดีนี้ โดยเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา นายชำนาญได้ส่งเอกสารคำชี้แจงปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดว่าเป็นความเท็จ ซึ่งจะมีการประกาศผลการลงมติจากผู้พิพากษาทั่วประเทศให้ถอดถอนนายชำนาญหรือไม่ ในวันที่ 26 ต.ค.นี้
    โดยในวันนี้ จำเลยและทนายจำเลยเดินทางมาศาล ส่วนโจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา ศาลจึงได้อ่านคำสั่งประธานศาลฎีกาให้จำเลยฟัง และถือว่าได้อ่านคำสั่งให้โจทก์ฟังตามกฎหมาย 
    ตามคำสั่งนั้น นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา มีคำสั่งให้โอนคดีนี้ไปยังศาลแขวงสมุทรปราการ เนื่องจากนายชีพ ประธานศาลฎีกา เห็นว่ากรณีอาจเกิดผลกระทบต่อประโยชน์ที่สำคัญในการอำนวยความยุติธรรมของศาลยุติธรรม อันเป็นองค์กรของรัฐตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 จึงอนุญาตให้โอนคดีไปยังศาลแขวงสมุทรปราการตามขอ ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราจึงให้งดอ่านคำพิพากษา และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความของศาลนี้ 
    สำหรับร่างคำพิพากษาซึ่งอธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ได้ตรวจแล้วนั้น ให้เก็บไว้ในตู้นิรภัยของศาลนี้ พร้อมทั้งรวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งไปยังศาลแขวงสมุทรปราการเพื่อพิจารณาต่อไป โดยให้นัดพร้อมที่ศาลแขวงสมุทรปราการ ในวันที่ 19 พ.ย.2561 เวลา 09.00 น. และให้รายงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 ทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว ให้คัดถ่ายสำเนาคำสั่งประธานศาลฎีกาและรายงานกระบวนพิจารณาฉบับนี้แนบไปด้วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเอกสารคำชี้แจงของนายชำนาญ ที่ส่งเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา รวม 13 หน้า 9 ประเด็น ในประเด็นที่ 4 ที่นายชำนาญได้ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า "ผมแจ้งให้ ก.ต.ทราบว่าเป็นการไต่สวนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ดำเนินการไต่สวนให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ ก.ต.ยังคงฝ่าฝืน ผมจึงแจ้งว่าจะดำเนินคดีทั้ง ก.ต.และอนุ ก.ต. แต่สุดท้ายผมเห็นว่าหากดำเนินคดี ก.ต. ซึ่งรวมทั้งประธานศาลฎีกาด้วย เพียงเพื่อตำแหน่งรองประธานศาลฎีกา จะทำให้ภาพลักษณ์ของศาลยุติธรรมเสียหาย ผมจึงตกลงกับประธานศาลฎีกาว่า หากประธานศาลฎีกาโอนคดีตามที่โจทก์ขอให้โอนคดีจากศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะผู้พิพากษาศาลจังหวัดฉะเชิงเทราร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตั้งแต่นายสืบพงษ์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2, นายวราวุธ ถาวรศิริ รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค 2, นายพัลลอง มั่นดี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา, น.ส.มณี สุขผล และองค์คณะกับเจ้าของสำนวนใหม่ ตามบันทึกเหตุการณ์การปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2561 ของผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ที่ผมได้แจ้งให้ ก.ต.ทราบด้วยแล้ว ผมจะไม่ดำเนินคดีกับ ก.ต."
    มีรายงานว่า ก่อนสั่งโอนคดีดังกล่าวมีกลุ่มผู้พิพากษาจับตาดูผลคำสั่งของนายชีพ ประธานศาลฎีกาในวันนี้ โดยหลังจากมีคำสั่งให้โอนคดีดังกล่าวไปยังศาลแขวงสมุทรปราการ ก็มีกลุ่มผู้พิพากษามีปฏิกิริยาไม่เห็นด้วยต่อคำสั่งโอนคดีดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ากระบวนการพิจารณาคดีดังกล่าวของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรานั้น มีการสืบพยานของคู่ความทั้งสองเสร็จสิ้นกระบวนความจนมีการนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้แล้ว แต่ก็มีคำสั่งให้โอนคดีไป สอดคล้องกับคำชี้แจงของนายชำนาญ ที่ระบุว่ามีการพูดคุยกันในที่ประชุม ก.ต.ว่ามีการตกลงกับนายชีพในเรื่องการโอนคดี แลกกับการไม่ดำเนินคดีกับ ก.ต.ซึ่งตามกฎหมายแล้ว มติของ ก.ต.ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้
    สำหรับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 26 บัญญัติว่า หากว่าตามลักษณะของความผิด ฐานะของจำเลย จำนวนจำเลย ความรู้สึกของประชาชนส่วนมากแห่งท้องถิ่นนั้น หรือเหตุผลอย่างอื่น อาจมีการขัดขวางต่อการไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา หรือน่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายอย่างอื่นขึ้น หรืออาจเกิดผลกระทบต่อประโยชน์ที่สำคัญอื่นของรัฐ เมื่อโจทก์หรือจำเลยร้องขอหรือศาลที่คดีนั้นอยู่ระหว่างพิจารณาทำความเห็นเสนอต่อประธานศาลฎีกาขอให้โอนคดีไปศาลอื่น ถ้าประธานศาลฎีกาเห็นควรอนุญาต ก็ให้สั่งโอนคดีไปยังศาลดังที่ประธานศาลฎีการะบุไว้ คำสั่งของประธานศาลฎีกาให้เป็นที่สุด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"