ปัดฝุ่นนายกปรองดอง สะพัด!พท.เดินเกมจับมือปชป.หนุน'ชวน'ร่วมสกัดทหาร


เพิ่มเพื่อน    

    “อิทธิพร” ยันความพร้อมถกพรรคการเมือง เตรียมตอบทุกข้อสงสัย “กกต.” เผยเก็บข้อมูลเรื่องดูดไว้แล้ว ทะแม่ง! บิ๊กป้อมระบุเพื่อไทยเตรียมตั้งพรรคสำรองไว้ก็ดี “พท.-ปชป.” เดินหน้าสกัดทหาร เผยต่อสายมานับปี รื้อแผนดึง “นายหัวชวน” นั่งนายกฯ ปรองดองปัดฝุ่น เพื่อแม้วคึกเปิดตัวยังบลัดที่ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานคนกันเอง “ภูมิใจไทย” โชว์พลังดูด ตระกูลตันเจริญ-อดีต รมต.เพื่อไทย กระทั่งนกหวีดก็ซบ กางปฏิทินสมัคร ส.ว.ตีเส้น 30 ธ.ค.! เลือกระดับอำเภอ 
    ในวันศุกร์ที่ 28 กันยายนนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้นัดประชุมพรรคการเมืองเพื่อชี้แจง
    แนวทางการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง หลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พ.ศ.2561 ประกาศใช้ และกรณีคำสั่งคลายล็อกของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  
    โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวว่า กกต.พร้อมตอบทุกคำถามกับพรรคการเมือง โดยได้เตรียมเนื้อหาการบรรยายอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการใช้สื่อออนไลน์ ซึ่งการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ กกต.จะมีเครื่องไม้เครื่องมือและกฎหมายใหม่ๆ มาช่วย ทั้งการสืบสวนไต่สวนคดีเลือกตั้ง หรือกรณียับยั้งการเลือกตั้ง ซึ่งในวันที่ 11 ธ.ค.2560 จะเป็นวันที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นวันแรกที่เริ่มนับกรอบเวลา 150 วันของการจัดเลือกตั้ง 
    “ที่ผ่านมา กกต.ได้แบ่งเขตไปแล้วในระดับจังหวัด คาดว่าจะประกาศรูปแบบการแบ่งเขต 3 รูปแบบ เพื่อให้พรรคการเมืองและประชาชนเสนอความคิดเห็นในสัปดาห์หน้า และ กกต.จะพิจารณาแล้วเสร็จภายในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ส่วนการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้น คัดเลือกไว้แล้ว 616 คน และกำลังตรวจสอบข้อร้องเรียน คาดว่าอีกไม่นาน กกต.จะสรุปได้”
    นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต. กล่าวว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งนี้ อยากให้มีการใช้เครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยไปรณรงค์ให้ประชาชนมาใช้สิทธิให้มาก และ กกต.จะทำหนังสือถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้แจ้งเวียนคำสั่งขอให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด เพราะการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ จำเป็นจะต้องบูรณาการทั้งภาครัฐและเอกชนทำเป็นเครือข่าย เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ที่จะทำให้วงจรอุบาทว์กลับมาอีก
    นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการ กกต. ยืนยันว่า กฎหมายการเลือก ส.ส.ได้กำหนดให้ กกต.เก็บข้อมูลการกระทำผิดไว้ทั้งหมด เพราะหากมีการร้องเรียน กกต.จะต้องตามล้างตามเช็ด โดยอนาคตหากมีคนร้อง ก็จะไปเอาข้อมูลนั้นมาสืบสวนมาไต่สวน ซึ่งกรณีการดูด ส.ส.ตามกฎหมายพรรคการเมืองระบุว่า ไม่ให้มีการเสนอให้ทรัพย์สินหรือเงินทองเพื่อแลกกับการให้มาเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หากมีการดำเนินการก็เป็นโทษ และหากเป็นการดำเนินการของกรรมการบริหาร มีโทษถึงยุบพรรค  
บิ๊กป้อมบอกเตรียมไว้ก็ดี
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย (พท.) มั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง และถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. กลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบก็บริหารประเทศไม่ได้ ว่าไม่ขอตอบ   ส่วนที่ประกาศไม่ยอมรับการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลนั้น ขอให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณา และตัดสินใจเองว่า จะให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ทำงานต่อหรือไม่ หากประชาชนไม่เอา ใครก็ทำอะไรไม่ได้  
    เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยกลัวถูกยุบพรรค และเตรียมตั้งพรรคเพื่อธรรมไว้นั้น พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่าแล้วทำผิดหรือเปล่า แต่เตรียมการไว้ก็ดีแล้ว 
    “เอาเปรียบยังไง ลงพื้นที่ไปดูแลประชาชนอยู่ดีกินดี ไม่ได้หาเสียง” พล.อ.ประวิตรโต้กรณี พท.กล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ ในการลงพื้นที่
    นายสุทิน คลังแสง สมาชิก พท. กล่าวถึงข้อกังวลในการยุบพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้ง 90 วันว่า เข้าใจว่าบางฝ่ายมีความคิดเช่นนั้น แต่ถ้าจะทำต้องได้รับความร่วมมือ ไม่รู้ว่าจะกล้าทิ้งระเบิดลูกใหญ่ลงประเทศอีกหรือไม่ เพราะถ้าทำจะเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติการเมือง 
    นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พท. กล่าวในเรื่องนี้ว่า เปรียบเหมือนการแข่งขันฟุตบอลโลก ทีมบราซิลได้เข้ารอบไปแล้ว แต่จะมาห้ามไม่ให้ลงเตะได้หรือ เป็นไปไม่ได้ แล้วผู้ชมจะยอมหรือไม่
    ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการ พท. กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ไล่นายเสนาะให้กลับไปพักผ่อนว่า อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์มีความสุขุม และเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น เพราะสิ่งที่นายเสนาะพูดไม่ได้เป็นการก้าวล่วงใคร หรือใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และสิ่งที่นายเสนาะพูด ก็เป็นข้อเท็จจริงที่สะท้อนความเห็นประชาชน ถือเป็นความสวยงามในระบอบประชาธิปไตย 
    นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สมาชิก พท. กล่าวในเรื่องนี้ว่า สิ่งที่นายเสนาะพูดเป็นความจริง เป็นสัจธรรมทางการเมือง เพราะงานในสภาผู้แทนราษฎร ส.ว.ไม่อาจมาลงคะแนนช่วยเหมือนตอนเลือกนายกฯ ได้ ซึ่งสิ่งที่นายเสนาะพูดนั้น มาจากประสบการณ์ และไม่ใช่ว่า พท.ไม่ได้เป็นนายกฯ แล้วจะก่อความวุ่นวายดังที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้าใจ เพราะไม่ใช่วิสัยของพรรค นอกจากนี้ได้คุยกับนายเสนาะ ก็ไม่คิดตอบโต้อะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เป็นประโยชน์ เพราะแก่แล้วจริงๆ ผู้ใหญ่จะลงไปทะเลาะกับผู้มีอายุคราวลูกก็ใช่ที่ เดี๋ยวจะถูกเด็กลูบหัวเอา
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษก พท.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์โชคดี ใครพูดอะไรไม่เข้าหู นึกอยากไล่ใครก็ไล่ได้ ไม่เหมือนคนไทยที่หากมองว่าผลงานรัฐบาลไม่เข้าตา เศรษฐกิจปากท้องมีปัญหา ถึงอยากไล่ก็ไล่ไม่ได้ ทำได้เพียงแต่รอว่าเมื่อไหร่จะปลดล็อกและเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
    รายงานข่าวจาก พท.แจ้งถึงแนวคิดเรื่องการจับมือกันของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร ว่ามีการส่งตัวแทนระดับแกนนำระดับสูงของพรรคไปหารือกันนานนับปีแล้ว
    และยังขยายไปถึงพรรคการเมืองอื่นที่เห็นด้วยกับแนวทางปรองดอง โดยจะเห็นได้ในเหตุการณ์ระยะหลัง 2 พรรคใหญ่ต่างมีทิศทางไปทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้ปลดล็อก และกรณีกฎหมายลูก  
รื้อแผนดึง "นายหัวชวน" 
    “2 พรรคเห็นพ้องว่าหากฝ่ายการเมืองไม่หันหน้าเข้าหากัน เท่ากับเปิดทางให้รัฐบาลทหารสืบทอดอำนาจได้ตามกติกาที่ออกแบบไว้ โดยได้ประเมินตัวเลข ส.ส.ออกมาแล้วว่า พท.น่าจะได้รับชัยชนะมี ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 200 เสียง ปชป.ประมาณ 100 ที่นั่ง และพรรคต่างๆ ที่ไม่ใช่ฝ่ายสืบทอดอำนาจที่พร้อมเข้ามาเป็นแนวร่วม อีก 70 ที่นั่ง จะสามารถคุมทิศทางการลงมติเลือกนายกฯ ได้แบบสูสี แม้ฝ่าย คสช.จะมีเสียง ส.ว. 250 เสียงก็ตาม ถือเป็นสูตรรัฐบาลแห่งความปรองดอง ไม่ต่างจากรัฐบาลแห่งชาติเลยทีเดียว” รายงานระบุ  
    รายงานแจ้งอีกว่า ปัญหาการหารือที่ยังไม่ลงตัวขณะนี้คือ บทสรุปว่าใครจะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ แม้ พท.จะยกตำแหน่งนายกฯ ให้ ปชป.  ซึ่งชื่อตอนแรกที่เหมาะสมที่สุดคือ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ แต่นายชวนปฏิเสธ จึงตกมาที่นายอภิสิทธิ์ แต่ก็ทำให้ พท.ตะขิดตะขวง เนื่องจากไม่สามารถอธิบายกับมวลชน โดยเฉพาะคนเสื้อแดงได้ จึงได้นำรายชื่อนายชวนกลับมาสู่วงเจรจาอีกรอบ เพราะนายชวนยังเป็นผู้ที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ต่างให้ความเคารพนับถืออย่างสูง
    ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ในหัวข้อ “วิบากกรรมประเทศไทย ย้อนรอยพฤษภา 35” โดยเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อปลดล็อก ครม.ปัจจุบันมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อป้องกันเสียงครหาใช้อำนาจรัฐบาลเอาเปรียบพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้กงล้อประวัติศาสตร์พฤษภา 2535 ได้ย้อนรอยกลับมาอีก
    “การตั้งพรรคการเมืองของคณะรัฐประหารไม่ใช่มีครั้งแรกในยุคนี้ และแต่ละยุคล้วนต่างมีจุดจบไม่สวยงามแม้แต่รายเดียว โดยหากอยากเป็นนายกฯ นี่ตรงไปตรงมาที่สุด ท่านก็เข้าทางตรอกออกทางประตูชัดเจน ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้ลงสมัครได้ และให้คนกลางมาทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองระยะเปลี่ยนผ่านที่จะมีการเลือกตั้งนี้ ถ้ากรรมการเป็นผู้เล่น แม้ได้ชัยชนะก็ตาม แต่โลกติเตียน” นายจตุพรกล่าว และว่า ที่เสนอเรื่องดังกล่าว เพราะไม่ต้องการให้บ้านเมืองของเราบอบช้ำไปมากกว่านี้ และคนไทยเดือดร้อนกันมากมาย 
      พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิก พท. กล่าวถึงความกังวลต่อการทำหน้าที่ของ พล.อ.อภิรัตช์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.ว่า เชื่อมั่นว่า พล.อ.อภิรัชต์เป็นทหารมืออาชีพ มีระเบียบวินัย ซึ่ง พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ บิดา พล.อ.อภิรัชต์ ถือเป็นเจ้านายเก่า มีความคุ้นเคยกันดี ในวันที่ พล.อ.อภิรัชต์เกิดยังได้ไปร่วมแสดงความยินดี และเคยไปอุ้มกับมือมาแล้ว
    วันเดียวกัน หลายพรรคการเมืองเต็มไปด้วยความคึกคักในการเปิดตัวสมาชิกใหม่ หรือการดึงอดีตนักการเมือง โดยที่พรรคเพื่อไทยได้เปิดตัวกลุ่มคนรุ่นใหม่ของพรรคประมาณ 30 คน ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการและลูกหลานของสมาชิกพรรค พท. อาทิ นายต้น ณ ระนอง บุตรชายนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และนายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นต้น
    นายภูมิธรรมกล่าวว่า คนรุ่นใหม่ที่มาสมัครสมาชิกส่วนหนึ่งจะลง ส.ส.เขต อีกส่วนจะมาทำงานเชิงนโยบาย และช่วยงานการเมืองในทุกมิติ ส่วนกรณีข่าวว่าตระกูลสะสมทรัพย์จะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย (ภท.) นั้น ยังเป็นแค่กระแสข่าว เพราะนายอนุชา สะสมทรัพย์ ก็ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และในหลังวันที่ 3 ต.ค. แกนนำพรรคจะเริ่มลงพื้นที่ติดต่อประสานงาน พบปะรับฟังความคิดเห็นประชาชนและติดตามการทำงานของสาขาพรรค 4 สาขา ในจังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี นครศรีธรรมราช และสมุทรปราการ
ภท.คึกดูดทุกฝ่าย
    แหล่งข่าวจากพรรคภูมิใจไทยระบุว่า หลังพรรคเตรียมเปิดตัวตระกูลสะสมทรัพย์ นำโดยนายไชยา สะสมทรัพย์ พร้อมด้วยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทย และนายพลพีร์ สุวรรณฉวี อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา บุตรชายว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ในวันที่ 2 ต.ค. ในการประชุมคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคนั้น ล่าสุด นายชาดาได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการแล้ว     
แหล่งข่าวแจ้งอีกว่า ล่าสุด นายสุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้าน ส.ส.ริมน้ำ กลุ่ม 16 ที่ใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ ได้นำทีมตันเจริญมาร่วมงานกับพรรคหลังจากก่อนหน้ามีกระแสข่าวไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รวมทั้งนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร  อดีต รมช.คมนาคม พรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้ก็จะย้ายไป พปชร. มาสังกัด ภท.เช่นกัน รวมถึงนายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี ปชป., พล.ร.อ.สุรพล จันทน์แดง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และนายจรูญ ยังประภากร อดีต ส.ว.สมุทรปราการ ที่เคยเดินทางไปมอบนกหวีดและดอกไม้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงการชุมนุมของ กปปส.ในปี 2556
    “สาเหตุที่อดีตรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.ย้ายมาสังกัดภูมิใจไทย เพราะมั่นใจมีโอกาสเป็นรัฐบาลสูง ที่สำคัญพรรคยังมีภาพและเรื่องท่อน้ำเลี้ยง ก็ไม่เป็นรองใครจากกระเป๋านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ซิโน-ไทยฯ และกลุ่มบุรีรัมย์ ที่มีคิงเพาเวอร์หนุนหลัง พร้อมคอนเน็กชั่นทางการเมืองของนายเนวินที่ต่อสายกับผู้ใหญ่ คสช.ได้” แหล่งข่าวระบุ
    ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตรยอมรับว่า มีผู้ที่สนใจมาร่วมงานกับกลุ่มสามมิตรเป็นจำนวนมาก ทำให้ในอนาคตหากไปสังกัดพรรคการเมืองนั้น เกรงว่าอาจเกิดปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนของผู้สมัครส.ส.ได้ โดยเฉพาะในภาคอีสาน จึงอาจต้องมีการทำโพล รวมทั้งต้องใช้เวลาพิจารณาพอสมควร เพื่อความละเอียดรอบคอบ ทำให้การเข้าสังกัดพรรคการเมืองของกลุ่มสามมิตรนั้น อาจต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง
นายปรพล อดิเรกสาร อดีต ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะทำงานนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมใหญ่ พปชร. ในวันที่ 29 ก.ย.ว่า ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค เพราะยังมีเวลา 
    ขณะเดียวกัน ที่อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้จัดประชุมสัมมนาเพื่อเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการได้มาซึ่ง ส.ว.และการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และผู้บริหารระดับจังหวัดทั่วประเทศ ประมาณ 1,300 คน ร่วมประชุม  
กกต.กางปฏิทิน ส.ว.ลากตั้ง
    โดยนายอิทธิพรกล่าวถึงกระบวนการเลือก ส.ว.ว่าจะเริ่มขึ้นเมื่อมีพระราชกฤษฎีกาการเลือก ส.ว. คาดว่าจะมีผลใช้บังคับประมาณวันที่ 30 พ.ย. จากนั้นจะประกาศวันรับสมัครผู้เข้ารับการคัดเลือก ส.ว.ประมาณวันที่ 5 ธ.ค. ส่วนการคัดเลือกแบ่งเป็น  3 ระดับ คือ ระดับอำเภอคัดเลือกประมาณวันที่ 30 ธ.ค. จากนั้นอีก 7 วัน จะคัดเลือกในระดับจังหวัด คือประมาณ 6 ม.ค.2562 ต่อจากนั้นอีก 10 วัน ก็คัดเลือกระดับประเทศ  โดยคาดว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จในวันที่ 16 ม.ค.2562 จากนั้นในวันที่ 22 ม.ค.2562 กกต.ก็เสนอรายชื่อ 200 คนให้ คสช.ต่อไป
    นายอิทธิพรยังกล่าวถึงข้อกังวลถึงกำหนดวันสรรหา ส.ว.ระดับอำเภอจะมีขึ้นในวันที่ 30 ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวสิ้นปี ว่าเป็นเพียงตารางที่ กกต.กำหนดไว้เบื้องต้น ซึ่งเผื่อเวลาเอาไว้ไม่ให้เกินวันที่ 30 ธ.ค. ซึ่ง กกต.เองก็คาดหวังว่าจะสามารถจัดให้เร็วขึ้นได้ อาจไปไม่ถึงวันที่ 30 ธ.ค. ซึ่งกำหนดให้เป็นวันสุดท้าย
    นายธวัชชัยยอมรับว่า การเลือกระดับอำเภอที่วางปฏิทินไว้ในช่วง 30 ธ.ค. อาจเป็นปัญหากระทบกับกระทรวงมหาดไทยที่ติดภารกิจเรื่อง 7 วันอันตราย ซึ่ง กกต.ก็จะไปหารือให้ปรับแผนให้เหมาะสม   
    ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวในประเด็นนี้ว่า ต้องดูความเหมาะสมเรื่องวัน เวลา ทาง กกต.จะพิจารณาอีกครั้ง คงต้องถามทาง กกต. เพราะไม่ใช่คนกำหนด หากชัดเจนแล้วว่าเป็นวันเวลาไหน ก็ไม่มีปัญหา และพร้อมดำเนินการ สื่ออย่าถามให้เป็นประเด็นเลย ประเทศชาติจะเดินไปอย่างไร
    ขณะที่นายณัฏฐ์กล่าวเตือนสื่อมวลชนว่า ให้ระวังการทำข่าวและเสนอข่าวเกี่ยวกับการเลือก ส.ว. โดยเฉพาะในช่วงการเปิดรับสมัคร ส.ว.ระดับอำเภอ ที่จะต้องรอให้ปิดรับสมัครก่อน จึงจะสามารถรายงานจำนวนได้ เพราะกฎหมายกำหนดห้ามเปิดเผย เนื่องจากเกรงจะทำให้ผู้สมัครรู้ว่ากลุ่มองค์กรใดยังจำนวนน้อยหรือมีใครสมัครในกลุ่มใดบ้าง อาจเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ  รวมทั้งไม่ควรไปสัมภาษณ์ผู้สมัคร หรือนำเสนอประวัติของผู้สมัคร เพราะกฎหมายห้ามผู้สมัครหาเสียง ทำได้เพียงแต่การแนะนำตัว ซึ่งผู้สมัครจะสามารถแนะนำตัวกันเองได้เท่านั้น และจะใช้โซเชียลฯ แนะนำตัวเองไม่ได้ ซึ่งการที่กฎหมายไม่ให้หาเสียง เพราะผู้สมัคร ส.ว.ต้องมีต้นทุนทางสังคมสูงมาก ไม่ใช่โนเนมแล้วจะมาสมัคร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"