ไทยโพสต์ 0 สนข.ร่อนหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงยันยังไม่ตัดสินปรับลดความเร็วรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ ระบุยังอยู่ในกระบวนการเปรียบเทียบความเหมาะสม เผย6ก.พ.61เตรียมหารือกับญี่ปุ่น ถึงรูปแบบโครงการเน้นต้องมีความเหมาะสมและเกิดความคุ้มค่าสูงสุดในการลงทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2561 สำนักงานนโยบาบและแผนจราจร หรือสนข. สังกัด กระทรวงคมนาคม ได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงประเด็นโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ตามที่ได้มีรายงานข่าวจากประเทศญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลไทยต้องการประหยัดงบประมาณ จึงมีการปรับเปลี่ยนโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ใช้ระบบเดียวกับ ‘ชินคันเซ็น’ มาเป็นรถไฟความเร็วปานกลาง
โดยระบุว่าขณะนี้ประเทศไทยกำลังเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เนื่องจากไม่ได้ลงทุนโครงการใหญ่ๆ สำคัญๆ มานานหลายปี ทำให้ไม่สามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในการแข่งขันได้ รัฐบาลนี้เห็นความสำคัญของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่ออนาคตประเทศไทยในระยะยาว จึงตัดสินใจลงทุนพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงหลายเส้นทาง รวมถึง สายเหนือระบบชินคันเซ็นด้วย แต่โครงการรถไฟความเร็วสูงใช้เงินลงทุนสูง คมนาคมจึงต้องพิจารณา การลงทุนรถไฟสายนี้ ว่าหากจะปรับระบบเป็นความเร็วปานกลางจะเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการเปรียบเทียบ ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจเปลี่ยนเป็นความเร็วปานกลางแต่อย่างใด
ส่วนความคืบหน้าโครงการนั้น กระทรวงคมนาคม และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) ได้ร่วมลงนาม ในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (MOC) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยได้เริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 แล้วเสร็จเดือน พฤศจิกายน 2560 ปัจจุบัน กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินโครงการร่วมกับฝ่ายญี่ปุ่น เพื่อพิจารณาหารูปแบบการดำเนินโครงการที่มีความเหมาะสมและเกิดความคุ้มค่าสูงสุดในการลงทุน ทั้งนี้ การประชุมหารือดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561
สำหรับ ผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) มีรายละเอียดสรุป ดังนี้ ในด้านรายละเอียดข้อมูลโครงการ นั้น แนวเส้นทางจากสถานีบางซื่อ-พิษณุโลก ระยะทางรวม 380 กิโลเมตร ใช้เทคโนโลยี : ชินคันเซ็น/ความเร็วสูงสุดในการเดินรถ
300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง/ขนาดราง 1.435 เมตร/สถานี 7 สถานี ประกอบด้วย บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร และพิษณุโลก/เวลาในการเดินทางจากบางซื่อ-พิษณุโลก 1 ชั่วโมง 58 นาที
ด้านผลการวิเคราะห์การคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารนั้นกรณีไม่มีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทาง ปี 2568 ที่เปิดบริการคาดจะมีปริมาณผู้โดยสารจำนวน 29,000 คน-เที่ยว/วัน และเพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คน-เที่ยว/วัน ในปี 2598 ส่วนกรณีมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทาง และเปิดให้บริการปี 2568 คาดจะมีปริมาณผู้โดยสารจำนวน 29,000 คน-เที่ยว/วัน และเพิ่มขึ้นเป็น 73,200 คน-เที่ยว/วัน ในปี 2598
ส่วนมูลค่าโครงการเบื้องต้น ตามผลการศึกษาของฝ่ายญี่ปุ่นพบว่า มีมูลค่าการลงทุน ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก 276,226 ล้านบาท และเมื่อวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ แล้งรวมผลประโยชน์จาก การพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางเท่ากับ 14.7% ส่วนกรณีที่ไม่รวมผลประโยชน์จากการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางเท่ากับ 7.2%
ทั้งนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ฝ่ายไทยต้องจัดทำแผนระดับชาติและแผนพัฒนาภูมิภาคตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เพื่อประโยชน์สูงสุดทางด้านเศรษฐกิจและ การลงทุน รวมทั้งจำเป็นต้องจัดทำแผนคมนาคมขนส่งที่ครอบคลุมเพื่อให้การเชื่อมต่อการเดินทาง มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ฝ่ายไทยไม่ควรพิจารณาเพียงการสร้างรถไฟความเร็วสูง แต่ควรพิจารณาว่าจะใช้รถไฟความเร็วสูงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเมืองในภูมิภาค ได้อย่างไร
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |