ศาลชลบุรีพิพากษาจำคุกลุงวิศวะ 15 ปี คดียิงวัยรุ่นตายที่อ่างศิลา จากเหตุอีกฝ่ายจอดรถปิดทางออกแล้วไม่มีใครยอมใคร ระบุหากจำเลยมีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจ คดีนี้คงไม่เกิด แต่เป็นเพราะจำเลยพกปืนจนเกิดความฮึกเหิม บ่งชี้เจตนาสมัครใจจะทะเลาะวิวาท จึงมิใช่การป้องกันสิทธิตามกฎหมาย แต่จำเลยไม่มีจิตใจโหดเยี่ยงโจรผู้ร้าย และมิได้หลบหนี ปรานีลดโทษเหลือจำคุก 10 ปี และให้ชดใช้สินไหมทดแทน 3.4 แสนบาท
ที่ศาลจังหวัดชลบุรี วันที่ 27 กันยายนนี้ มีการอ่านคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำ 2941/2560 ระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ น.ส.มณีพร ผึ่งผาย โจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 50 ปี อาชีพวิศวกร เป็นจำเลยในความผิดฐานพกพาอาวุธปืน ฆ่าคนตายโดยเจตนา กรณีก่อเหตุยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นที่ล้อมรถเก๋งและพยายามทำร้าย เป็นเหตุให้กระสุนถูกนายนวพล หรือปอน ผึ่งผาย อายุ 17 ปี เสียชีวิต ซึ่งจำเลยให้การต่อสู้ว่าเป็นการป้องกันตัว เหตุเกิดบริเวณสามแยกถนนอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าจำเลยพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง ส่วนปัญหาที่ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เห็นว่า เหตุคดีนี้สืบเนื่องมาจากพวกของผู้ตายซึ่งเป็นคนขับรถยนต์ตู้ จอดรถที่หน้าร้านขายของฝากกีดขวางทางออกของจำเลย ทำให้มีปากเสียงกัน แต่เหตุวิวาทจบลงไปภายหลังจากพวกของผู้ตายขับรถยนต์ตู้และรถยนต์เก๋งออกไป โดยมิได้ท้าทายจำเลยอีก หากจำเลยมีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจ จอดรถรอสักพักหนึ่งก่อน เพื่อให้โทสะคลายลงแล้วค่อยขับรถออกไป เหตุคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นแน่นอน แต่จำเลยกลับขับรถตามรถทั้ง 2 คันไปในทันที ขับแซงรถยนต์ตู้ บีบแตรยาวใส่ แล้วขับไปอยู่ด้านหน้า ชะลอความเร็วลงจนเกือบจะหยุดรถให้ชนท้าย ทั้งภริยาจำเลยใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ถ่ายภาพรถยนต์เก๋งพวกผู้ตายไว้อีก เช่นนี้ย่อมเป็นการท้าทายผู้ตายกับพวกให้เกิดโทสะและเข้ามาวิวาทกับจำเลย
"เหตุที่จำเลยมีความฮึกเหิมกล้าท้าทาย ก็เนื่องจากจำเลยพกพาอาวุธปืน ซึ่งบรรจุกระสุนปืนไว้แล้วติดตัวไปด้วย และเตรียมอาวุธไว้ตั้งแต่ที่หน้าร้านขายของฝาก บ่งชี้ถึงเจตนาของจำเลยว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาท"
คำพิพากษาระบุต่อไปว่า เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาถึงที่เกิดเหตุ จำเลยหักหัวรถอย่างกะทันหันไปในลักษณะปาดหน้า และขัดขวางมิให้รถยนต์เก๋งของพวกผู้ตายขับต่อไปได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาวิวาทกับผู้ตายกับพวกมาตลอดเส้นทาง จนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนที่จะยิงกัน จำเลยก็ยังมีเจตนาวิวาทอยู่ เมื่อจำเลยเห็นว่าผู้ตายกับพวกมากันหลายคน ก็เริ่มเกิดความขลาดกลัว แต่ยังคงพูดกับผู้ตายกับพวกด้วยน้ำเสียงและคำพูดในลักษณะไว้ท่าทีว่าจะเอาเรื่อง มิใช่คำพูดในทำนองขอโทษในการกระทำของตน หรือแสดงให้เห็นว่าไม่อยากมีเรื่อง หรือให้เลิกแล้วกันไป ประกอบกับจำเลยเตรียมอาวุธปืนไว้พร้อมยิงต่อสู้กับฝ่ายผู้ตาย จำเลยจะอ้างว่ายิงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตนไม่ได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ตายกับพวกทำร้ายมารดา ภริยา และหลานที่มากับจำเลย จึงมิอาจอ้างได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะมาถึง
จำเลยจึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้อง แต่เนื่องจากจำเลยมิได้มีจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงโจรผู้ร้าย เพียงแต่ขาดสติยับยั้งชั่งใจในการควบคุมตน จำเลยยิงปืนไปเพียง 1 นัด หลังเกิดเหตุมิได้หลบหนีไปไหน และยอมรับกับเจ้าพนักงานตำรวจในทันทีว่าเป็นคนยิงผู้ตาย ประกอบกับผู้ตายมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด เห็นสมควรลงโทษจำเลยสถานเบา ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 15 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืนฯ ปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี และปรับ 2,000 บาท ยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของ น.ส.มณีพร ผึ่งผาย มารดาผู้ตาย และให้ถือว่า น.ส.มณีพรอยู่ในฐานะผู้ร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น
ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
ต่อมาทนายของนายสุเทพได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงิน 670,000 บาท ขอประกันตัวนายสุเทพ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วให้ประกันตัว
นายสหภาพ วงศ์ธรรมเจริญ พ่อของนายนวพล ผู้ตาย กล่าวว่า พอใจในตัดสินของศาล จึงอยากฝากไปถึงดวงวิญญาณของน้องปอนว่าทำสำเร็จแล้ว ให้คนผิดได้รับโทษ และขอขอบคุณในความยุติธรรม
คดีนี้ เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 4 ก.พ.60 ตำรวจ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่บริเวณสามแยกตลาดอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมืองชลบุรี ตรวจสอบพบนายนวพล ผึ่งผาย หรือปอน อายุ 17 ปี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่บริเวณราวนมซ้ายกระสุนฝังใน อาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนมือปืนคือนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 50 ปี นั่งอยู่ในรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า ทะเบียน ฌต 5079 กรุงเทพมหานคร มีบาดแผลคิ้วแตก ตามร่างกายมีรอยถลอกและฟกช้ำ โดยมีปืนพกสั้น รูเกอร์ SR9c .308 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน 5 นัด จึงคุมตัวสอบสวนดำเนินคดี
นายสุเทพให้การว่า ขับรถมาเที่ยวชายหาดบางแสนพร้อมกับครอบครัว ประกอบด้วย ภรรยา มารดาและหลานชาย แล้วมีปากเสียงกับกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 13 คน ที่จอดรถขวางทางออกบริเวณสะพานปลาอ่างศิลา หลังจากนั้นจึงได้เดินทางจะกลับบ้าน เมื่อขับรถมาตามถนนสายอ่างศิลา พบกลุ่มวัยรุ่นคู่กรณีได้ขับรถเก๋งตามมา นายสุเทพจึงเปิดกระจกรถ ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นก็พบรถของหน่วยกู้ภัยจอดอยู่ข้างทาง จึงได้จอดรถให้ภรรยาลงไปขอความช่วยเหลือ แต่กลุ่มวัยรุ่นกรูกันเข้ามาเปิดประตูรถ พร้อมทั้งทำร้ายร่างกายตน จึงใช้ปืนที่พกมายิงสุ่มไป 1 นัดเพื่อป้องกันตัว กระสุนถูกผู้ตายเสียชีวิตดังกล่าว
สำหรับกลุ่มเพื่อนของนายนวพล คือนายณัฐวุฒิ โสมทัศน์, นายอดิศร แสนศักดิ์ และนายกมล แจ่มวัย ตกเป็นผู้ต้องหา ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงาน และร่วมกันทำร้ายผู้อื่น ทั้งหมดรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ศาลจังหวัดชลบุรีพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน แต่ผู้ต้องหารับสารภาพ และยังเป็นเยาวชน โทษจำให้รอลงอาญา คุมประพฤติเป็นเวลา 2 ปี ส่วนนายนิพนธ์ ทองสี คนขับรถตู้ ถูกฟ้องในข้อหาจอดรถลักษณะกีดขวางการจราจร ปรับ 1,000 บาท.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |