เคยมีคำกล่าวว่า ...วันไหนๆ พี่ไทยก็เมาได้..จนมีการแต่งเพลงล้อไปกับพฤติกรรมแบบไทยๆ จนโด่งดัง ..

      วันตรุษพี่ไทยก็เมา วันสารทพี่ไทยก็เมา

วันโกนพี่ไทยก็เมา วันพระพี่ไทยก็เมา

วันไหนไหน พี่ไทยก็เมา

      ปีใหม่พี่ไทยก็เมา ปีเก่าพี่ไทยก็เมา

โกนจุกพี่ไทยก็เมา วันเกิดพี่เมากว่าใคร

ขึ้นบ้านใหม่ละ พี่ไทยก็เมา

      ตกงานพี่เราก็เมา ได้งานพี่ก็ยิ่งเมา

แม่ดุเมียด่าก็เมา เปียแชร์ไม่ได้ก็เมา

เปียได้แล้ว ก็ยังแกร่วไปเมา........

      แต่ได้ข่าวว่า เดี๋ยวนี้พฤติกรรมพี่ไทยเมาทุกเทศกาล แม้กระทั่งงานศพนั้น เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยนะกับ การปฏิรูปประเทศไทย หรือหมุนตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 แต่เกิดจากการรณรงค์ของเครือข่ายเลิกเหล้า ทำให้มีการออกกฎหมายบังคับใช้ ..ห้าม..การขายและดื่มเหล้าในวัด และสถานที่ราชการต่างหากล่ะ

      ก็คงต้องยกมือ...สาธุ อนุโมทนา

      ข่าวดีมีมาบอกด้วยว่า บรรดากรรมการหมู่บ้าน อบต. อบจ. ก็ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพราะยังมีงานบุญอีกหลายอย่างที่คนไทยนิยมจัดกันที่บ้าน ในกรณีแบบนี้ กรรมการหมู่บ้านจะคุมเข้ม เรียกว่า ถ้าใครฝ่าฝืน เงินสนับสนุนจากกองทุนหมู่บ้าน หรือเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจศพก็จะไม่อนุมัติจ่ายออกไป

      ดีจังค่ะ เพราะจำได้ว่าบรรดาแม่บ้านที่เป็นชาวอีสาน กลับบ้านไปงานบุญ ไม่ว่าจะเป็นผ้าป่า กฐิน สงกรานต์ งานบวช งานศพทีไร ...บ่นกันเป็นหมีกินผึ้งทุกที ว่า "หมดตัว" ประมาณคนตายทำให้คนเป็นหนี้สินร้นพ้นตัว เพราะพี่น้องมาช่วยงานบุญ งานบวช หรือแม้แต่งานศพนั้น วัฒนธรรมอันดีงามของเจ้าบ้านก็ต้องเลี้ยงไม่อั้น ล้มวัว ล้มควาย ฆ่าหมูกันเป็นตัวๆ

      สงสัยว่า ทำกันแบบนี้จะได้บุญกันอย่างไร?!?

      ความสำเร็จในการเลิกเหล้าเข้าพรรษา จนถึงไม่กินเหล้าในงานบวช งานบุญ และทุกงานในวัด ได้ช่วยกู้ชีพให้กับบรรดาคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องทิ้งบ้านมาค้าแรงงานในกรุงเทพมหานครอย่างมากเลยทีเดียว เพราะพวกเธอไม่ต้องเหนื่อยทำงานหาเงินมาใช้หนี้ไม่รู้จบอีกต่อไป

      เมากันพอหอมปากหอมคอ และมีความพอเพียงตามกำลังที่มีอยู่ ก็ไม่เสียหาย จริงไหมคะ.

                                                        "ป้าเอง"