“ศุลกากร” เตรียมซื้อเครื่องเอ็กซ์เรย์สินค้าเพิ่มอีก 2 เครื่อง หวังเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับสินค้านำเข้าโดยละเมิด สินค้าแบรนด์เนมสำแดงราคาต่ำหวังเลี่ยงภาษี หลังพบแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ฟุ้งยอดจัดเก็บรายได้ปีงบ 61 ฉลุยตามเป้าหมาย
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรเตรียมสั่งซื้อเครื่องเอ็กซ์เรย์สินค้าที่นำเข้ามาด้วยการจัดส่งไปรษณีย์ (อีคอมเมิร์ซ) จากต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 2 เครื่อง จากเดิมมี 1 เครื่อง เพื่อมาใช้ตรวจจับสินค้าที่นำเข้ามาโดยละเมิดกฎหมาย โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์เนมที่มีการสำแดงราคาเท็จ โดยแจ้งราคาต่ำกว่า 1.5 พันบาท เพื่อเลี่ยงการเสียภาษีขาเข้าจากกรมศุลกากร รวมถึงสินค้าที่เป็น ยาเสพย์ติด ยาไอซ์ ตลอดจนสินค้าต้องห้ามว่าด้วยอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส)
“ปัจจุบันยอดสั่งซื้อสินค้าอีคอมเมิร์ซของคนไทยขยายตัวเพิ่มอย่างรวดเร็ว โดยในแต่ละวันมีการสั่งนำเข้ามากกว่า 1 แสนรายการ และพบว่ามีความพยายามหลบเลี่ยงภาษีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมากกว่าครึ่งมักแจ้งเป็นสินค้าราคาต่ำกว่า 1.5 พันบาทเพื่อหลบภาษีแต่พอตรวจจับจริงกลับพบว่า เป็นของแบรนด์เนมชิ้นละหลายหมื่นบาทที่จัดส่งเข้ามา โดยที่พบมาเป็นแว่นตา กระเป๋า รองเท้า ก็มีการนำเข้ามาเยอะ ดังนั้นกรมศุลกากรจึงต้องเพิ่มระบบตรวจสอบเพื่อรองรับการใช้สินค้าอีคอมเมิร์ซ” นายกุลิศ กล่าว
นอกจากนี้กรมฯ ยังเพิ่มระบบการเปิดตรวจสินค้าอีคอมเมิร์ซ โดยหากพบว่าที่อยู่ใดมีการสั่งซื้อสินค้าเข้ามามากจะเปิดตรวจสินค้าทุกครั้งทันที ซึ่งเพิ่มจากเดิมที่จะยึดข้อมูลจากชื่อคนรับเป็นหลัก เนื่องจากพบว่ามีการหลบเลี่ยงด้วยการเปลี่ยนชื่อคนรับแทน ขณะเดียวกันจะเร่งเชื่อมโยงข้อมูลการตรวจสอบสินค้าอีคอมเมิร์ซตามด่านชายแดนทั่วประเทศ หลังพบมีขบวนการนำเข้าสินค้าแบบทรานซิส หรือนำเข้ามาทางสนามบินและส่งต่อไปประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นค่อยลักลอบนำเข้ามาทางรถยนต์ผ่านด่านชายแดน ซึ่งกรมศุลกากรจะประสานข้อมูลจากสนามบินไปด่านชายแดนเพื่อตามตรวจจับ ซึ่งที่ผ่านมาได้ตรวจจับได้ 2-3 ล้านบาท
ขณะเดียวกันกรมศุลกากรยังได้พัฒนาระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มอำนวยความสะดวกในเสียภาษีนำเข้าจากอีคอมเมิร์ซ โดยระยะแรกในเดือนม.ค.ปีหน้าจะเริ่มชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดที่ส่งมาพร้อมกับใบแจ้งรับสินค้าได้เลย จากนั้นให้นำใบรับพร้อมข้อมูลการจ่ายภาษีมารับของที่ไปรษณีย์ได้ แต่ในระยะต่อไปเดือนเม.ย.62 จะมีการพัฒนาระบบให้สามารถตัดรอบรายการที่เสียภาษีแล้วได้ จากนั้นจะนำของมาส่งให้ถึงบ้านได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปจ่ายภาษีหรือไปรับของที่ไปรษณีย์หลักสี่เลย
นอกจากนี้ กำลังพิจารณาออกประกาศกรมฯ เรื่องการยกเลิกการระงับการบังคับคดีการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายในชั้นศุลกากรกับ 3-4 ประเภท เช่น สินค้าเกษตรบางประเภท สินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สินค้าต้องห้ามของไซเตส เพื่อลงโทษผู้กระทำผิดซ้ำซากให้ได้รับบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น เพราะแต่เดิมหากมีการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายและถูกจับกุม ผู้ทำผิดก็จะยอมเสียค่าปรับและระงับคดีในชั้นศุลกากรจากนั้นก็กลับมาทำผิดใหม่ ดังนั้นต่อไปถ้ากฎหมายบังคับใช้ เมื่อกระทำผิดเป็นครั้งที่สองจะต้องส่งฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมายต่อทันที จะเสียค่าปรับอย่างเดียวไม่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะต้องมีการเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนก่อน เพื่อให้เกิดความรอบคอบเนื่องจากสินค้าหลายชนิดเป็นเรื่องอ่อนไหว และมีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก เช่น การนำเข้าสินค้าเกษตร หรือสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ถ้าบางครั้งมีการหิ้วมาใช้เองเพียงใบเดียว หากต้องนำไปดำเนินคดีก็จะต้องดูว่าเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่
สำหรับภาพรวมการเก็บภาษีของปีงบประมาณ 2561 จะได้ตามเป้าหมาย 1.08 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กระทรวงการคลังปรับลดลงมาจาก 1.1 แสนล้านบาท เนื่องจากมีการผู้นำเข้าใช้สิทธิอัตราภาษีนำเข้าต่ำ จากการข้อตกลงเขตเสรีการค้าอาเซียน (อาฟต้า) ส่วนปีงบประมาณ 2562 กรมฯ มีเป้าหมายเก็บภาษี 1.11 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากที่ผ่านมามีการเร่งประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีในหลายด้าน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |