‘ศึกษาโคราช’ขู่ ไล่ออกผอ.ฉาว เจ้าตัวโพสต์ชิล


เพิ่มเพื่อน    

  ผอ.ล่อลวง ม.2 โพสต์ชิลๆ นั่งชมวิวที่ผาตรอมใจ แถมเขียนข้อความ "เหตุการณ์ใกล้ปกติ" แต่ยังคงหัวซุนหนีอาญาแผ่นดิน ศึกษาธิการจังหวัดตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง โทษถึงไล่ออก ยันเร่งให้เร็วเพราะเป็นคดีฉาว ด้าน นร.รุ่นพี่อนาจารรุ่นน้องในโรงแรมที่ชุมพร ผบก.ลงพื้นที่ กำชับลูกน้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน พร้อมส่งกำลังอารักขาผู้เสียหาย

    จนถึงวันศุกร์ที่ 26 มกราคมนี้ นายณฐาภพ บุญทองโท ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านป่าตองท่าเนินสามัคคี อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ที่ถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมชู้สาวกับนักเรียนหญิงชั้น ม.2 และผลสอบของคณะกรรมการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 ระบุว่ามีมูล ก็ยังไม่ยอมเข้าให้ปากคำใดๆ และไม่ทราบว่าหลบอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 ม.ค. มีผู้เห็นผู้ใช้ชื่อว่า “Natapop B.” ซึ่งเป็นชื่อไลน์ของนายณฐาภพ บุญทองโท ส่งข้อความเข้าไปในแชตไลน์ของกลุ่มบิ๊กไบค์กลุ่มหนึ่ง ระบุว่า "เหตุการณ์ใกล้ปกติ..เย็นนี้ที่ไหนดีครับ" พร้อมกับสติกเกอร์ วิถี Biker และมีภาพถ่ายนายณฐาภพ นั่งและยืนชมวิวอยู่บริเวณป้ายชื่อสถานที่ "ผาตรอมใจ" ซึ่งเป็นจุดชมวิวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก โดยเป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนว่า นายณฐาภพชื่นชอบขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นประจำ โดยมีรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์คู่ใจ 1 คัน ยี่ห้อฮอนด้า CB500X สีขาว-ดำ ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ในราคาประมาณ 220,000 บาท ยังไม่ติดป้ายทะเบียน จึงคาดว่าช่วงนี้อยู่ระหว่างหลบหนีไปพักเลียแผลใจตามสถานที่ท่องเที่ยว
    ด้านนายสุวิทย์ ศรีฉาย รักษาราชการแทนศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้รับรายงานผลการสอบสวนเบื้องต้นนายณฐาภพแล้ว และเมื่อได้รับรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรในวันเดียวกัน คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมาก็จะสั่งพักราชการนายณฐาภพไว้ก่อน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป โดยใช้ระยะเวลาสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน ซึ่งหากพบว่าผิดจริง มีโทษถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออกจากข้าราชการ เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ การสอบสวนผิดวินัยร้ายแรงจะครอบคลุมใน 2 ประเด็น ทั้งกรณีใกล้ชิดกับนักเรียนจนผิดจรรยาบรรณ เข้าข่ายประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และกรณีกระทำอนาจาร ส่วนจะถึงขั้นกระทำชำเราหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจตรวจสอบ
    ส่วนนายศุภพงษา จันทรังษ์ รอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 6 กล่าวว่า ตามบทกฎหมายแล้ว กรณี ผอ.โรงเรียนมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับเด็กนักเรียนหญิง ม.2 อายุ 14 ปี ถือเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง ผอ.ในฐานะผู้ดูแลลูกศิษย์ จะไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกศิษย์ไม่ได้เด็ดขาด อีกทั้งลูกศิษย์ก็อายุยังไม่ถึง 15 ปี ถือว่าเป็นเด็กที่ยังด้อยวุฒิภาวะ ถึงแม้เด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้มีบทลงโทษร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกสถานเดียว รวมทั้งมีความผิดทางอาญาด้วย ในส่วนของนายณฐาภพ จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ เนื่องจากไม่ยอมมาโรงเรียน และปิดโทรศัพท์มือถือ
    นายธีร์ ภวังคนันท์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน (ฉก.ชน.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า หลัง สพป.นครราชสีมา เขต 6 ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง สรุปว่าการกระทำของ ผอ.คนดังกล่าวมีมูลความผิดจริง ส่วนกรณีที่มีการวิจารณ์ว่าทำไม สพฐ.ถึงรับ ผอ.คนดังกล่าวเข้ามาปฏิบัติงาน หลังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับนักเรียนชั้น ป.6 มาก่อนหน้านี้ สาเหตุเพราะมีการตรวจสอบในช่วง 3 ปี ไม่พบการกระทำผิดของ ผอ.คนดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคดีเกิดขึ้นนานกว่า 3 ปี เเต่ชาวบ้านยังจำได้ หรือเป็นกรณีที่ญาติเเละ ผอ.สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ จึงยังไม่ได้ร้องเรียนเข้ามายังเขตพื้นที่การศึกษา ทำให้ไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานใดๆ
    สำหรับเหตุการณ์ที่จังหวัดชุมพร นักเรียนรุ่นพี่ 6 คน ล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนรุ่นน้อง มีรายงานความคืบหน้าเมื่อวันศุกร์ว่า พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ  ผบก.ภ.จ.ชุมพร ลงพื้นที่ สภ.หลังสวน เชิญผู้ปกครอง 3 คน และเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.2 ทั้ง 3 คน เข้าพบที่ห้องทำงานของ พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู ผกก.สภ.หลังสวน โดยมีนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าร่วมพูดคุยทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการทำงานของตำรวจ เนื่องจากเป็นคดีเด็กและเยาวชน ที่ต้องมีฝ่ายสหวิชาชีพและหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกันสอบปากคำเด็กทั้งหมด ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.สนธิชัยได้กำชับให้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ซึ่งทั้งผู้ปกครองและเด็กนักเรียนผู้เสียหายต่างก็เข้าใจกันด้วยดี
    ต่อมา พล.ต.ต.สนธิชัยได้เชิญผู้อำนวยการโรงเรียน ครูฝ่ายปกครองอีก 2 คน ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหลังสวนที่เด็กนักเรียนทั้งหมดเรียนอยู่ มาให้ข้อมูลเพิ่ม และสอบข้อเท็จจริงนักเรียนที่หลบหนีออกจากโรงเรียนในวันเกิดเหตุ ว่ามีกี่คน เนื่องจากผู้ปกครองยังคลางแคลงใจ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากแนวทางการสืบสวนสอบสวน และจากการรวบรวมพยานหลักฐาน พยานบุคคล ทั้งจากฝ่ายผู้เสียหาย ฝ่ายผู้ก่อเหตุ และครู อาจารย์ของโรงเรียนดังกล่าว พบว่า วันเกิดเหตุ ทางโรงเรียนได้มีการกวดขันเรื่องระเบียบวินัยนักเรียน ทั้งการแต่งกายและทรงผม ทำให้นักเรียนชายหญิงจำนวนหนึ่งมีทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่จำนวน 17 คน ต่างพากันหลบหนีไม่เข้าโรงเรียน เนื่องจากกลัวถูกทำโทษทางวินัย แต่ละกลุ่มได้ชักชวนกันไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งไม่ได้ไปรวมอยู่ที่เดียวกันทั้ง 17 คน ส่วนกลุ่มนักเรียนที่ก่อเหตุได้แยกกันไปเช่าห้องพักโรงแรมรวม 9 คน ซึ่งอยู่ห้องเดียวกัน เป็นชาย 5 คน หญิง 4 คน บางคนก็เข้าไปเล่นเกมโทรศัพท์มือถือ แต่นักเรียนชายบางคนในกลุ่มมีพฤติกรรมหยอกล้อลวนลามนักเรียนหญิงบางคน โดยมีเพื่อนที่ถูกจับกุมทั้ง 6 คน พูดจายุยงส่งเสริมด้วยความคึกคะนอง จนกระทั่งรู้ถึงผู้ปกครองและไปแจ้งความดำเนินคดี  
    พล.ต.ต.สนธิชัยกล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้เสียหายและจากหลักฐานต่างๆ พบมีผู้ก่อเหตุเพียง 6 คน ไม่ได้มากถึง 17 คนตามที่เป็นข่าว ซึ่งได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและนักเรียนผู้เสียหายแล้วเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด พูดกันไปมาจนส่งผลกระทบกับทุกฝ่าย ส่วนกรณีโรงแรมปล่อยให้นักเรียนเข้าไปใช้บริการนั้น ขณะนี้ตนประสานไปยังนายอำเภอหลังสวน ฝ่ายปกครอง เพื่อตรวจสอบรวมรวมพยานหลักฐาน หากพบว่าปล่อยปละละเลย ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอยู่แล้ว ในส่วนนักเรียนชาย 5 คน นักเรียนหญิง 1 คน ที่ก่อเหตุ ได้แจ้งข้อกล่าวหา นำตัวส่งศาลเด็กและครอบครัวจังหวัดชุมพรไปแล้ว ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว และตนได้สั่งกำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง และให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ให้ความคุ้มครองผู้ปกครองและนักเรียนผู้เสียหายทั้งหมดด้วย เพื่อให้เกิดความสบายใจ.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"