ธปท. วอนอย่าเข้าใจผิดไทยจ่อขยับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องเหมือนเฟด แจงมีการพิจารณาข้อมูลแต่ละช่วงเวลาก่อนตัดสินใจ มองระยะปานกลางนโยบายการเงินยังต้องอยู่ในระดับผ่อนคลายต่อเนื่อง พร้อมระบุเฟดขยับดอกเบี้ยอีกรอบ ไม่กระทบตลาดเงินตลาดทุนโลกรุนแรง
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ระบุว่า นโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อไป แต่การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในระดับปัจจุบัน จะทยอยลดความจำเป็นลงนั้น การสื่อความหมายดังกล่าวไม่ได้หมายความว่านโยบายการเงินจะเปลี่ยนทิศทางจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายไปเป็นนโยบายการเงินแบบตึงตัว โดยยังเชื่อว่าในระยะปานกลางยังมีความจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ อย่าไปเข้าใจผิดว่าถ้าปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้วจะต้องปรับขึ้นตลอดไปเรื่อย ๆ เหมือนกรณีเฟด แต่ของเราใช้หลัก Data Dependent คือประเมินในแต่ละช่วงเวลาของการตัดสินใจ ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าเมื่อปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้วจะมีการเปลี่ยนแนวนโยบายจากผ่อนคลายไปเป็นนโยบายแบบตึงตัว และในระยะปานกลางก็ยังมองว่านโยบายการเงินยังต้องอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าดูคำแถลงของ กนง.ในการประชุมล่าสุด จะเห็นว่ามีกรรมการ 2 คนให้ขึ้นดอกเบี้ย แต่กรรมการทั้งหมดยังเห็นตรงกันว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ยังจำเป็นสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เพียงแต่กรรมการ 2 คนเห็นว่าการผ่อนคลายที่มากเป็นพิเศษนั้นอาจมีความจำเป็นน้อยลง และเศรษฐกิจไทยก็มีความเข้มแข็งมากขึ้นแล้ว รองรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ แต่เมื่อมองในระยะยาว ยังเชื่อว่าเรายังมีความจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย” นายวิรไท กล่าว
“ความเสี่ยงด้านหนึ่งที่ธนาคารกลางทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้น คือ ความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพระบบการเงิน ซึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน ทำให้คนประเมินความเสี่ยงทางการเงินต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และมีพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยไม่เข้าใจความเสี่ยงอย่างแท้จริง นี่จึงทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับความเสี่ยงเรื่องเสถียรภาพระบบการเงินมากขึ้น เพราะเสถียรภาพของเงินเฟ้อไม่ได้เป็นความเสี่ยงที่จะกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจในระยะยาวเหมือนแต่เดิม” นายวิรไท กล่าว
สำหรับอัตราเงินเฟ้อในปีนี้และปี 2562 คาดว่าจะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1-4% โดยมองว่ายังเป็นกรอบที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ในภาวะที่ต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายมากขึ้นนั้น ธนาคารกลางทั่วโลกยังต้องให้ความสำคัญกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ เพียงแต่เป็นกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการขยายช่วงของเงินเฟ้อให้กว้างขึ้น หรืออาจเป็นการขยายระยะเวลาให้ยาวขึ้นในการกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ มองในระยะปานกลางมากขึ้นกว่าที่จะมองเป็นรายปี แต่ประเด็นที่สำคัญมากกว่านั้นคือ การนำเรื่องเสถียรภาพระบบการเงินเข้ามาเป็นอีกปัจจัยในการวางกรอบนโยบายการเงินอย่างมีระบบ ซึ่งมีหลายแนวคิดที่ขณะนี้ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเช่นเดียวกับที่ ธปท.กำลังศึกษา เพื่อจะรวบรวมปัจจัยเรื่องเสถียรภาพการเงินเข้ามา
อย่างไรก็ดี ธปท. พร้อมเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายรอบด้านในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยทุกครั้งที่ผ่านมาจะมีกระบวนการเก็บข้อมูลจากฐานราก ทั้งประชาชน ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ ตลอดจนนักวิเคราะห์ และนักวิชาการต่าง ๆ ส่วนประเด็นเรื่องสินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ กนง. แสดงความเป็นห่วงมาอย่างต่อเนื่องในระยะหลังนั้น ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าวว่า ธปท. จะหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะออกนโยบายใดๆ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |