25 ก.ย.61-นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษานปช.  กล่าวผ่าน  Facebook Live  ว่า คสช. – กปปส. แยกกันเดิน...รวมกันตี!!! ถามว่าตีใคร? ก็ตี “เพื่อไทย” หรือ “ระบอบทักษิณ” นั่นเอง

นางธิดากล่าวว่า ถ้าอ่านรายละเอียดตามข่าวในผู้จัดการออนไลน์เมื่อวันที่ 23 ก.ย. มีการบอกประมาณว่าถ้าหมอวรงค์ได้เป็นหัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่ก็จะได้รับเงินสนับสนุน เพราะว่าเทพเทือกนั้นไม่ธรรมดา ดูได้จากการทำโรงเรียนที่เกาะสมุย คนที่ลงเงินให้มีทั้งซีพี, ปตท. และนายทุนใหญ่ยักษ์ทั้งหลาย ที่สำคัญคือมีนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวด้วย

ดังนั้นเทพเทือกในฐานะอดีตเลขาธิการพรรคปชป.ก็มีความพยายามที่จะยึดพรรคปชป.ได้โดยผ่านบุคลากรกปปส.ที่เข้าไปอยู่ในพรรคปชป.และยังสามารถขู่ในเรื่องของทุนได้อีกด้วย

เมื่อเรามองภาพการเมืองขณะนี้ คสช. ถือเป็นตัวละครสำคัญในฐานะเจ้าของรัฏฐาธิปัตย์ แล้วล่าสุดวันนี้เขาก็บอกแล้วว่าเขาสนใจการเมือง แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรยังไม่พูด และถ้าเราดูโพล เราจะเห็นว่าเกมต่อรองก็คือเขาคงต้องให้แน่ใจว่าพรรคพลังประชารัฐสามารถไปดึงส.ส.มาจากปชป.ส่วนหนึ่งและมาจากพรรคการเมืองเก่าอื่น ๆ อีกส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้นคะแนนเสียงของพลังประชารัฐต้องเชื่อมั่นว่าได้ส.ส.มากพอที่ พล.อ.ประยุทธ์จึงจะสามารถมาเป็นนายกฯ ก๊อก 1 ได้

แต่หากพรรคปชป.ได้คะแนนเสียงมากกว่าพลังประชารัฐและยังมีนายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ

“แยกกันเดิน” ในทัศนะของอ.ธิดาหมายความว่า ด้านหลักสำคัญคือคสช. โดยคสช.ตั้งพรรคพลังประชารัฐ โดยไปดึงคนมาจากพรรคพท.เป็นจำนวนมากและพรรคปชป.อีกส่วนหนึ่ง นี่เป็นการกระทำของคสช.ในการตั้งพรรคการเมือง ซึ่งคสช.นั้นเดินเต็มที่และเดินแรงด้วยโดยเฉพาะในการดูดคน-ดึงคน!

ด้านรองคือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งก็คือกปปส.นั่นเอง 

โดยกปปส.นั้นแยกย้ายไปอยู่ในพลังประชารัฐจำนวนหนึ่ง ส่วนกปปส.ที่อยู่ในพรรคปชป.เป็นจำนวนมากนั้นถือว่ามีฤทธิ์เดชพอสมควร ถึงขนาดจะยึดพรรค-ยึดตำแหน่งหัวหน้าพรรค-รองหัวหน้าพรรคเลยทีเดียว ส่วนตัวนายสุเทพก็ได้แยกไปทำพรรคพลังประชาชาติไทย (รปช.) และโฆษณาว่าอย่างไรเสียก็ต้องเป็นพรรครัฐบาล นี่จึงเป็นการให้ความเชื่อมั่นกับคนที่จะมาและทุนที่สนับสนุนด้วย

ในภาพรวมดูเหมือน คสช. ก็เดินของคสช. ส่วนกปปส.ก็เดินของกปปส.

บทบาทการยึดพรรคปชป.และการที่หมอวรงค์ออกมาดูเหมือนเป็นหน่วยกล้าตาย ใครก็บอกว่าบารมีสู้กันไม่ได้ แต่ข้างหลังของหมอวรงค์นั้นไม่ธรรมดาและไม่เล็ก ในขณะที่ข้างหลังของนายอภิสิทธิ์ก็คือภูมิหลังของพรรคปชป., นายชวน หลีกภัย และถ้าดูศักดิ์ศรีอะไรต่างๆ ดูเหมือนจะดีกว่าหมอวรงค์

สรุปว่าแม้หมอวรงค์อาจจะแย่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคไม่ได้ แต่มันจะเกิดปรากฎการณ์ของการที่ส.ส.แสดงออกถึงการไม่เอาระบอบทักษิณสูงมาก จนกระทั่งการแข่งขันก็แข่งว่าใครไม่เอาระบอบทักษิณมากกว่ากัน

ลักษณะการ “แยกกันเดิน รวมกันตี” จึงนำไปสู่เป้าหมายเดียวกันก็คือ รัฐบาลจะต้องอยู่ฟากฝั่งที่คสช.ยังอยู่ในอำนาจต่อ ร่วมมือกับกปปส. ที่อุตส่าห์ก่อชนวนทำให้คสช.มายึดอำนาจได้ กระบวนการของการสร้างทำให้เกิดการยึดอำนาจตั้งแต่พรรคปชป.ล้มเวทีรัฐสภา กปปส.ออกมาถล่มนอกถนน และคสช.มายึดอำนาจ ทั้ง 3 ส่วนนี้ก็ยังอยู่ในกระบวนเดียวกันก็คือภารกิจจะไม่สำเร็จเลยถ้าหากว่าพวกเขาไม่สามารถรวมกันแล้วเป็นรัฐบาลได้ 

ถามว่าทำไมคสช.ต้องตั้งพรรค เพราะคสช.ไม่เชื่อว่าพรรคปชป.จะเอาชนะพรรคพท.ได้ ต่อให้กปปส.ไปตั้งพรรคก็ตาม นี่จึงเป็นเหตุผลว่าคสช.ตั้งเดินเอง และถึงแยกกันเดินแต่ในที่สุดก็ต้องรวมกันตีเพื่อสู่เป้าหมายเดียวกัน ดังนั้นภาพเฟส 2 ของการทำรัฐประหารก็คือปชป.ล้มเวทีรัฐสภา ปชป.แปลงร่างเป็นกปปส.ออกมานอกถนน ในที่สุดมีการทำรัฐประหาร

นี่คือภาคต่อไปหลังจากยึดอำนาจ พันธมิตรเหล่านี้ก็ยังต้องจับมือกันเพื่อรวมกันในการขจัด “ระบอบทักษิณ” แต่ถามว่าจะขจัดได้หรือเปล่าเพราะปรากฎว่านิมิตหมายที่ดีคือพรรคอนาคตใหม่ก็กำลังดีวันดีคืน เรตติ้งขึ้นมาสูง

ในฐานะพรรคการเมือง พรรคอนาคตใหม่ + พรรคเพื่อไทย ก็ต้องถึงว่าปีกหนึ่ง

แต่พรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคหลักที่สามารถร่วมมือ และถ้าสามารถได้คะแนนเสียงมากกว่าพรรคปชป.ก็จะง่าย ส่วนปชป.ก็จะเล็กลง ดังนั้นใคร ๆ ก็เลยมองว่าปชป.อาจจะต่ำร้อย อ.ธิดาแสดงความเห็นว่าก็มีความเป็นไปได้ เพราะว่าถูกดึงไปส่วนหนึ่งและถูกทุบอีกส่วนหนึ่ง

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าการ “แยกกันเดิน รวมกันตี” แบบนี้จะได้ผลหรือเปล่า?