24 ก.ย.61-นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ของนายสุรบถ หลีกภัย หรือปลื้ม บุตรชายว่า เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของบุตรชาย โดยไม่ได้มีการชักจูงให้เข้ามาเป็นนักการเมืองแต่อย่างใด เพราะเรื่องอาชีพและเส้นทางการเมืองนั้นแต่ละคนต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะเป็นความผูกพันที่จะต้องทำหน้าที่ไปอีกยาวไกล ยิ่งงานการเมืองถ้าเราได้คนที่มีความตั้งใจและรักในงานนั้น เวลามีปัญหาจะได้ไม่ท้อถอย เพราะถือว่าเราเลือกเอง ซึ่งตนก็ยึดถือหลักการนี้เช่นเดียวกัน เมื่อตอนตัดสินใจเป็นนักการเมือง
“พ่อเป็นข้าราชการก็อยากให้ผมเป็นข้าราชการ แต่ผมตัดสินใจมาเป็นนักการเมืองด้วยตัวเอง เมื่อเลือกเองก็ต้องพร้อมฟันฝ่ากับทุกอุปสรรคที่จะตามมา ผมไม่เคยไปยุให้เขามาเล่นการเมือง แต่น้องปลื้มเรียนรู้อะไรมามากพอสมควรจากการที่เป็นลูกนักการเมืองไม่มากก็น้อย และเขาก็จำสิ่งที่ผมบอกเขาได้เสมอในเรื่องการทำงาน ทำอะไรก็ตามจะต้อง 1.ทำด้วยใจ 2.ความซื่อตรง และ3.สุจริต ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ฉะนั้นถ้าเขาสนใจจะเล่นการเมือง สิ่งที่ผมจะให้เขาได้คือการให้กำลังใจให้เขาทำงานประสบความสำเร็จ แต่ต้องคิดให้รอบคอบว่าพร้อมที่จะมาทำงานด้านนี้หรือไม่ และอย่าคิดว่าจะมาหาความร่ำรวยจากงานการเมือง ซึ่งเขารู้ดีเรื่องนี้เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีของผมก็ไม่ได้สร้างมรดกอะไรให้เขามากมาย นอกจากให้เขาได้เรียนรู้ว่าต้องทำเพื่อประชาชน ส่วนวันข้างหน้าเขาจะเดินไปอย่างไร เชื่อว่าคนรุ่นนี้ก็มีสติปัญญาที่จะคิด แต่ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร สิ่งที่ควรยึดถือคือรักประชาชนและรักประชาธิปไตย ผมในฐานะพ่อก็ให้กำลังใจ”
ถามว่า เล็งเห็นศักยภาพใดในตัวนายสุรบถในการลงเล่นการเมือง นายชวน กล่าวว่า นายสุรบถมีประสบการณ์อยู่บ้าง เพราะผ่านเรื่องราวหลายด้าน เจอปัญหามาพอสมควร เนื่องด้วยความเป็นลูกของตนซึ่งเป็นอดีตนายกฯ และนายสุรบถ ยังเคยได้ร่วมงานกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมัยเป็นรมว.วัฒนธรรม ซึ่งเปรียบเป็นคุณครู และญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งที่สอน ให้แง่คิด แต่หลายเรื่องก็ยังคงต้องเรียนรู้ต่อไปในการทำงานให้กับบ้านเมือง
ต่อข้อถามถึงตำแหน่งที่เหมาะสมในพรรคประชาธิปัตย์และการดึงฐานเสียงคนรุ่นใหม่ของนายสุรบภ นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคที่จะมอบหมายหน้าที่ให้ แต่การทำงานกับพรรคการเมืองจะต้องทำได้หลายบทบาทหน้าที่และรู้รอบด้าน สิ่งแรกคือต้องเข้ามาช่วยพรรคเท่าที่จะสามารถทำได้ก่อน ส่วนเรื่องการเรียกฐานเสียงจากกลุ่มวัยรุ่นนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งเพราะนายสุรบถเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ความจริงแล้วไม่สามารถแยกกลุ่มได้ เพราะประเทศชาติอยู่ได้ด้วยคนทุกรุ่น และสังคมเราต้องเรียนรู้จากทั้งอดีตและปัจจุบัน โดยต้องยอมรับศักยภาพของคนทุกฝ่ายด้วยโดยเฉพาะคนรุ่นเก่าที่มีประสบการณ์และต้องสร้างให้คนรุ่นใหม่ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยเดียวกัน จึงจะสามารถเดินหน้าไปได้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |