24 ก.ย.61 - ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นำตัวแทนคณะนักกีฬา ผู้ฝึกสอน และเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เข้ารับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ก่อนออกเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขัน โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า การแข่งขันหากสำเร็จจะแสดงให้เห็นถึงการรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกัน การแข่งขันกีฬาแสดงให้เห็นโลกของเราไม่มีการแบ่งแยกและกีดกั้น และเราจะต้องเดินหน้าประเทศให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก นั่นเป็นส่ิงที่คนไทยต้องเรียนรู้ร่วมกัน ในการพาประเทศชาติไปสู่ความสงบ สันติ และยั่งยืน อย่างมีอนาคต ไม่ใช่ลุ่มๆดอนๆไปเรื่อยๆ ทั้งที่ศักยภาพเรามีมาก นักกีฬาพาราเกมส์ถือมีส่วนร่วมด้วย

นายกฯกล่าวว่า อยากให้ทุกคนช่วยเผยแพร่สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นใปประเทศไทย หลายอย่างคนอาจไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วันนี้หลายอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่สงบเรียบร้อย กระทั่งทุกคนสามารถเข้าถึงการทำงานของรัฐบาลได้ในเวลานี้ นั่นคือโอกาสของความเท่าเทียม ที่เร่ิมมาจากความสงบสุขและความเรียบร้อยของบ้านเมือง อย่าให้วาทะกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศชาติสับสนอลหม่านไปอีกเลย เราต้องใช้ความอดทน ใช้การเดินหน้าก็เหมือนกับการเล่นกีฬาที่เร่ิมจากเล่นไม่เป็นจนเล่นเป็น ขอให้ใช้กีฬาสร้างภาพลักษณ์ เหมือนกับตนเวลาไปต่างประเทศในฐานะผู้นำ ก็ระมัดระวังที่สุดในการทำอะไรที่ไม่ให้เสียหายกับประเทศ ไม่เคยไปเดินที่อื่นที่มันมีปัญหา 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่บ้านเรามีปัญหาอย่างเดียวคือการปล่อยปละละเลย การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทำให้ทุกอย่างมันแย่ไป แต่ขนาดว่าแย่เรายังมาถึงขนาดนี้ เศรษฐกิจเราก็ดี ถือว่าดีกว่าหลายประเทศในโลก หรือประเทศรอบบ้านของเรา อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดถ้าเราไปเทียบกับต่างประเทศ เราอาจมองว่าทำไมประเทศเราน้อย วันนี้เศรษฐกิจเราโตขึ้นมา 4-5 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเยอะในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่หลายคนบอกตัวเลขนี้ไม่ใช่ตัวชี้วัด ก็ไม่ใช่ โดยตัวเลขตรงนี้ทำให้ต่างประเทศเชื่อมั่นไว้วางใจในการลงทุนซื้อสินค้า ทั้งนี้ สิ่งที่ทำวันนี้ทำเพื่ออนาคตและจะเป็นประวัติศาสตร์ของเราในวันหน้า ว่าเราได้ทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมา และแต่ละคนอายุมากขึ้น ก็ต้องวางแผนชีวิตจากนี้จะเป็นอย่างไร รัฐบาลก็ทำหน้าที่นี้เหมือนกัน ต้องวางอนาคตจะแก้ปัญหาของเดิมอย่างไร ทำวันนี้อย่างไร สร้างอนาคตอย่างไร เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายในขณะที่มีปัญหาอยู่เดิมมากมาย ถ้าเริ่มจากสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ไม่ยาก เพราะฉะนั้น ขอให้คิดตามที่นายกฯ พูดด้วยนะ ไม่ได้พูดเพื่ออะไรทั้งสิ้น พูดเพื่อให้เข้าใจว่าประเทศไทยกำลังเดินหน้าไปอย่างไร

ทั้งการแก้ปัญหาข้างหลังที่ทับซ้อนหลายอย่างด้วยกัน

“อย่าให้การเมืองอย่างเดียวนำพาประเทศชาติไป การเมืองสำคัญแต่ต้องเป็นการที่มีธรรมาภิบาล ไม่ใช่พูดขัดแย้งไปเสียทั้งหมด แล้วหลายอย่างทำให้ประชาชนสับสนอลหม่านไปหมด ทุกคนต้องการให้มันดีขึ้น แล้วจะดีได้อย่างไรถ้าไม่ช่วยกันทำ นายกฯก็ทำไม่ได้ หัวหน้าคสช.ก็ทำไม่ได้ มาตรา 44 ก็ทำไม่ได้ เพราะทั้งหมดคือคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ต้องมีหิริโอตัปปะ ความละอายเกรงกลัวต่อบาป ทำอะไรไม่ดี ได้เงินจากสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” นายกฯกล่าว

นายกฯกล่าวว่า วันนี้หลายคนก็บ่นว่าทำมาหากินได้ไม่ดีนัก รายได้น้อยลง ถามว่าเดิมที่ทำอยู่ทำอะไร ถูกกฎหมายหรือเปล่า ถ้าถูกกฎหมายก็โอเค รัฐบาลรับว่าต้องทำให้ดีขึ้น แต่ถ้าเดิมทำผิดกฎหมายแล้ววันนี้ไม่ได้ทำแล้วมาบอกรายได้น้อย แบบนี้ไม่ใช่ เพราะฉะนั้น หลักการสำคัญมันต้องมีตัวนี้ คือหลักการของโลก ศาสนาที่ทุกคนนับถืออยู่คือการปรองดองสมานฉันท์ อยู่อย่างสันติ คนไม่ดีต้องปรับตัวเอง ให้โอกาส ทุกคนก็คือคนไทยทั้งสิ้นเว้นแต่บางคนไม่อยากเป็นคนไทย ไม่อยากจะใช้โอกาสตรงนี้ช่วยกันทำมันก็ลำบาก ไปไม่ได้หรอก

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนขอฝากไว้ว่าทุกคนคือประเทศไทย ทำอะไรก็คือประเทศไทยทั้งสิ้น ขอให้ได้เพื่อน ได้ความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ทุ่มเทให้เต็มที่ ผลออกมาประการใดคนไทยก็ชื่นชมอยู่แล้ว ตนก็ติดตามทุกชนิดกีฬาผ่านโทรทัศน์มาโดยตลอด ให้กำลังใจทุกคน การแพ้วันนี้ก็อาจจะชนะวันหน้า หรือชนะวันนี้ก็อาจจะแพ้วันหน้าก็ได้ โอกาสเป็นไปได้ทั้งสิ้น ทั้งหมดอยู่ที่ใจตัวเองว่าจะทุ่มเทแค่ไหน อย่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้แข่ง ต้องมีจิตใจว่าชนะตั้งแต่วันนี้ ถ้าคิดว่าชนะมันก็มีโอกาสมากขึ้น เราต้องคิดแบบนี้ถึงจะดี ต้องคิดในทางที่ดีให้กับตัวเราให้ประเทศแล้วจะประสบชัยชนะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายนายกฯ กล่าวกับนักกีฬาว่า ดีใจที่ใส่เนคไทสีเหลืองมาพอดี ทุกคนก็ใส่สีเหลืองอยู่พอดี ปกติก็ใส่หลายๆสี วันนี้ไม่รู้อย่างไรตั้งใจใส่สีเหลือง เหมือนใจเราตรงกันนะ ก็ขอให้ประสบความสำเร็จทุกคน