"ธีระชัย" ร่อน จม.เปิดผนึกถึง "บิ๊กตู่" สั่งสอบคุณสมบัติ "เชฟรอน" ปมเลี่ยงภาษีน้ำมัน ก่อนยื่นซองประมูลเอราวัณ-บงกช "รสนา" ขู่ฟ้อง ป.ป.ช.เอาผิดรมว.พลังงาน ฐานละเว้นปฏิบัติมิชอบ ภาคประชาชนบุกทำเนียบฯ ลั่นปักหลักยาวจนกว่าชะลอประมูล
    นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กในช่วงค่ำวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นรายละเอียดจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องการเปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลปิโตรเลียม วันที่ 25 ก.ย.2561 ที่อาจผิดกฎหมาย โดยขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของเชฟรอนก่อนการเปิดให้ยื่นซองประมูล เนื่องจากมีกรณีที่เชฟรอนหลีกเลี่ยงภาษีน้ำมันที่นำไปใช้ในแท่นขุดเจาะจนถูกจับได้
    โดยรายละเอียดของจดหมายเปิดผนึกมีใจความว่า  ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนหลายฉบับ นายธรรมยศ ศรีช่วย ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการปิโตรเลียม ยังยืนยันขั้นตอนการประมูลเพื่อการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณและบงกช ที่จะหมดอายุในปี 2565-2566 โดยจะเปิดให้ผู้สนใจเป็นผู้ดำเนินการหลัก (โอเปอเรเตอร์) ยื่นประมูลเข้ามาในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ตามกำหนดการเดิมนั้น มีความเห็นว่าอาจจะเข้าข่ายผิดมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จึงขอแจ้งข้อมูลเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ทางราชการ ดังนี้
    ข้อ 1 เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) โดยตน และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ คปพ.135/13-2561 ลงวันที่ 5 ก.ย.2561 แจ้งให้ท่านทราบกรณีบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท เชฟรอน คอร์เปอเรชัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ได้รับสัมปทานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณในอ่าวไทย ได้เปลี่ยนวิธีการเสียภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นในการขนส่งน้ำมันดีเซลเชื้อเพลิงไปให้บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และบริษัท เชฟรอนออฟชอร์ จำกัด (เชฟรอน สผ.) เพื่อใช้ในการเดินเครื่องจักรที่แท่นขุดเจาะ จากเดิมที่เสียภาษีครบถ้วนแบบการขายภายในราชอาณาจักร และได้ดำเนินการมาเช่นนี้นับตั้งแต่ปี 2514 จนถึงปี 2554 รวมเป็นระยะเวลานานถึง 40 ปี กลับเปลี่ยนไปสำแดงเป็นการส่งออก โดยอ้างการหารือกับกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต 
    และต่อมาในปี 2557 กรมศุลกากรได้จับกุมและยึดน้ำมัน 1.6 ล้านลิตร มูลค่า 48 ล้านบาท ที่ด่านสงขลา และต่อมาได้ส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดินแล้วในปี 2561 โดยน้ำมันดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด และเชฟรอน สผ. จึงอาจจะเข้าข่ายเป็นการค้าน้ำมันเถื่อนได้ ดังนั้น เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) จึงได้เตือนท่านว่า มีประเด็นที่กระทรวงพลังงานจำเป็นต้องพิจารณาว่า (ก) เรื่องดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มบริษัทเชฟรอนขาดคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมประมูลสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอนาคตหรือไม่ รวมทั้ง (ข) เข้าข่ายที่ รมว.พลังงานจะต้องเพิกถอนสัมปทานทันทีหรือไม่ โดย คปพ.ได้ส่งสำเนาหนังสือฉบับนี้ให้แก่ รมว.พลังงาน ปลัดกระทรวงพลังงาน รมว.คลัง ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินด้วยแล้ว
    ข้อ 2 ในฐานะที่เคยเป็น รมว.คลัง ขอเรียนว่าการทำงานของกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตเกี่ยวกับเรื่องนี้มีลักษณะที่ไม่ชอบมาพากลบางประการ และในฐานะที่เป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศอังกฤษ เห็นว่าการทำงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินก็มีประเด็นที่น่าสงสัยด้วย โดยน้ำมันที่กรมศุลกากรได้จับกุมและยึดไว้ 1.6 ลิตรดังกล่าวนั้น ถือเป็นความผิดสำเร็จ และการที่ผู้กระทำผิดยินยอมให้กรมนำส่งเข้าเป็นรายได้แผ่นดินนั้น ย่อมถือเป็นการยอมรับความผิดอยู่แล้วโดยชัดแจ้ง รวมทั้งบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ได้สำแดงในใบขนว่า เป็นการขนส่งไปยังแท่นขุดเจาะกลางอ่าวไทย แต่ถ้าได้ขายน้ำมันดังกล่าวไปให้แก่บริษัทเดินเรือสนับสนุน แทนที่จะเป็นการใช้น้ำมันบนแท่นขุดเจาะ อาจเข้าข่ายเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อค้าน้ำมันเถื่อน และย่อมจะเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดต่อสาธารณประโยชน์หรือกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจหรือประโยชน์สุขของประชาชน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาสัมปทานที่ให้อำนาจรัฐมนตรีเพิกถอนสัมปทาน 
    "จึงขอเสนอแนะให้ท่านสั่งการให้กระทรวงพลังงานชะลอการให้ภาคเอกชนยื่นซองประมูลตามกำหนดวันที่ 25 ก.ย.นี้ออกไปก่อน และให้กระทรวงพลังงานทำการพิจารณาคุณสมบัติให้แล้วเสร็จก่อนเปิดให้มีการยื่นซอง  จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาว่าการกระทำโดยบุคคลที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามหลักของกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลหรือไม่" นายธีระชัยระบุ
     ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านพลังงาน ได้โพสต์ข้อความว่า การที่นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน ยืนยันจะเปิดซองประมูลของผู้ผ่านคุณสมบัติ 5 ราย ซึ่งมีเอกชนที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นขัดต่อข้อกำหนดที่ว่าต้องไม่มีพฤติกรรมขัดต่อสาธารณประโยชน์ หรือกระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจหรือประโยชน์สุขของประชาชน ย่อมแสดงว่ากระทรวงพลังงานไม่ได้พิจารณาคุณสมบัติต้องห้ามดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ยิ่งกว่านั้น หากการเปิดซองประมูลโดยรับรองคุณสมบัติของบริษัทเชฟรอน แล้วต่อมาต้องเพิกถอนคุณสมบัติของเชฟรอน อาจทำให้รัฐเสียค่าโง่ โดยถูกบริษัทเชฟรอนฟ้องร้องได้ในภายหลังใช่หรือไม่??? ทั้ง 2 กรณีย่อมทำให้รัฐมีความเสี่ยง และ รมว.พลังงานอาจจะเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติมิชอบ ที่ทำให้รัฐได้รับความเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ใช่หรือไม่ 
    "หากท่านยังคงยืนยันดำเนินการต่อไป ตนเองก็มีความจำเป็นต้องกล่าวโทษ รมว.พลังงาน ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป และหากท่านเชื่อมั่นว่ารัฐบาล คสช.จะมีอำนาจคุ้มครองท่านตลอดไป ก็ขอให้โปรดระลึกถึงคดีที่อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลที่แล้ว ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 และในอดีตก็เคยติดตามกรณีการทุจริตยาในกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลา 6 ปี และกล่าวโทษทำให้อดีต รมว.สาธารณสุข ในคดีทุจริตยา ถูกพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 15 ปีมาแล้ว" น.ส.รสนาระบุ
    วันเดียวกัน เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ ได้ออกแถลงการณ์จดหมายเปิดผนึกถึงพรรคการเมืองทุกพรรค และองค์กรภาคเอกชนทุกองค์กร เจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงเอกชนผู้ร่วมประมูล โดยมีเนื้อหาว่า ขอเชิญชวนตัวแทนพรรคการเมืองและภาคประชาชนทุกกลุ่ม มานัดหมายรวมตัวกันที่ทำเนียบรัฐบาลประตู 4 วันที่ 24 ก.ย. เวลา 10.00 น. เพื่อติดตามทวงถามและยื่นหนังสืออีกครั้งต่อนายกรัฐมนตรี ให้รัฐชะลอการจัดสรรปิโตรเลียมแหล่งบงกชเอราวัณไปก่อน โดยตั้งคณะกรรมการสามฝ่ายเพื่อแก้ไขทีโออาร์ให้เสร็จภายใน 3 เดือน หลังจากนั้นจะรอคำตอบที่สำนักงาน ก.พ.ร. จนกว่าจะบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ ขอให้เตรียมเสื่อ มุ้ง น้ำ อาหาร มาด้วย
    นอกจากนี้ ขอแจ้งบริษัทเอกชนที่ร่วมประมูลและเจ้าหน้าที่รัฐ หากเดินหน้าจัดสรรปิโตรเลียมในระบบแบ่งปันผลผลิตที่รัฐได้ต่ำกว่าเอกชน อาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติฮั้วประมูล พ.ศ.2542 มาตรา 4, 9, 10, 11 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 เฉกเช่นเดียวกับคดีจำนำข้าว.