ในช่วงเวลา 12 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับรัฐประหาร 2 ครั้ง วันที่ 19 กันยายน 2549 และ 22พฤษภาคม 2557 ก่อให้เกิดกลุ่มมวลชน แบ่งแยกเป็นหลายสีเสื้อ ตามความเชื่อทางอุดมการณ์ คนละจุดยืนทางการเมือง บทเรียนที่ผ่านมา ผู้นำเปลี่ยนหน้า อำนาจเปลี่ยนมือ ข้าราชการย้ายขั้ว เป็นสัจธรรม วังวนอำนาจ เกิดขึ้น สลับฉาก ความวุ่นวายทางการเมืองต่างๆ นานา การต่อสู้จากแนวความคิด ไปจนถึงการฟาดฟัน ไม่ว่าสีอะไร ฝ่ายไหน ต่างบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
ถ้า บิ๊กบัง-พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ถูกค่อนขอด ทำให้ "รัฐประหารเสียของ" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังรอคำนิยามใหม่ อนาคตการเมืองจะยังเดินในเส้นทางอำนาจต่อไปหรือไม่ เจ้าตัวคงตัดสินใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่ประกาศออกมา เช่นเดียวกับผลงานตลอดการเป็นรัฐบาลร่วม 5 ปี ที่มีผลงานออกมา มีทั้งผู้ให้คะแนนสอบผ่าน-สอบตก
"กลุ่มอำนาจเก่า" ผู้สูญเสียอำนาจเดิม นักการเมือง ยังแบ่งความคิดเป็น 2 พวก ที่ยังเห็นควรให้ประเทศอยู่ภายใต้การนำของรัฐบาลทหารต่อไป พร้อมสนับสนุนผ่านการเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะที่อีกฝ่ายไม่พอใจ ไม่เพียงการสูญเสียอำนาจไป แต่ยังสร้างผลกระทบมาถึงปัญหาปากท้องประชาชน ประเทศเสียโอกาสที่จะเจริญเติบโตไปได้มากกว่านี้ รอวันทวงอำนาจคืนผ่านการเลือกตั้ง
ในวันครบรอบรัฐประหาร 19 กันยายน ได้เห็นนักการเมืองชักแถวออกมาแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะผู้ที่สูญเสียอำนาจ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ นายใหญ่คนแดนไกล พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งจากเกิดกับตัวเองและน้องสาวนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลยขอระบายความในใ ผ่านเฟซบุ๊กตอนหนึ่ง
‘ในโอกาสครบรอบ 12 ปีนี้ ผมขอเปิดอกว่าผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นผมต้องสูญเสียความสุข ความอบอุ่นในครอบครัวผม ที่พ่อแม่ลูกเราอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นมาตลอด ต้องมาพรากจากกัน ผมเสียใจที่คนที่รักผม สนับสนุนผมถูกรังแก แต่คงไม่เสียใจเท่าประเทศที่ผมรัก แผ่นดินที่ผมเกิด และเติบโตมา ซึ่งครั้งหนึ่งได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ต้องมาตกอยู่ในสภาวะแบบนี้
เสียดายประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 12 ปีที่ออกมา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ 12 ปี แล้วยังไม่ลืม ยังส่งผ่านความรักความปรารถนาดีมาถึงกันเสมอมา สุดท้ายนี้ขออโหสิกรรมให้กับทุกคนที่ให้ร้ายกลั่นแกล้งผมมา ณ ที่นี้ด้วย’
พรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองขนาดกลาง ขนาดเล็ก พยายามทวงถามความชัดเจนวันเลือกตั้งจาก พล.อ.ประยุทธ์ ถึงแม้ คสช.เปิดรูระบาย ประกาศ คลายล็อกการเมืองให้พรรคการเมือง จัดการงานธุรการภายในพรรค แม้จะไม่โดนใจ เพราะสิ่งที่อยากได้คือการปลดล็อก 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถจัดชุมนุม เดินสายปราศรัยหาเสียงได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ผลจากการคลายล็อกการเมือง กฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ทำให้มั่นใจได้ว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน กุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2562 โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย แม้นาทีนี้ยุทธศาสตร์ยังคลุมเครือ ตามหน้าฉาก องคาพยพ เครือข่ายทักษิณ ต่างมั่นใจ นับนิ้วรอวันทวงอำนาจผ่านการเลือกตั้ง
ในการประชุมคณะรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรค กางปฏิทินการเมืองในช่วง 2 เดือนนี้ พร้อมเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
25 ก.ย. เปิดรับสมัครสมาชิกพรรค 26 ก.ย. เชิญอดีตรัฐมนตรี สมาชิกพรรค อดีต ส.ส. มารับฟังข้อบังคับพรรคฉบับใหม่ 28 ก.ย. ส่งตัวแทนไปร่วมหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมขอความชัดเจน พรรคการเมืองทำสิ่งใดได้-ไม่ได้บ้าง
วันที่ 3 ต.ค. ประชุมใหญ่พรรคเพื่อรับรองข้อบังคับพรรค พร้อมกับตั้งสาขาพรรค 4 สาขาแต่ละภูมิภาค ตามที่กฎหมายกำหนด โดยแกนนำพรรคพร้อมเดินทางไปรับสมัครสมาชิกพรรคด้วยตัวเอง วันที่ 28 ต.ค. จัดประชุมเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่อีก 21 คน
กางปฏิทินการเมือง เดินหน้าไปทีละสเต็ป แน่นอน มองกันเบื้องต้น เหมือนว่าพลพรรคเพื่อไทย เครือข่ายพร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้งในปีหน้า แต่ขณะเดียวกัน ยังมีเครื่องหมายคำถาม ทักษิณพร้อมสู้เต็มร้อยผ่านสนามเลือกตั้ง พร้อมทวงอำนาจกลับคืนมาจริงหรือไม่ ตัวเลขทางสมการความคิด คาดการณ์จำนวน ส.ส.ที่จะได้มาเกินกว่า 200 เสียง กับความเป็นจริง ยังต้องรอวันพิสูจน์ ระหว่างทางเลือกตั้ง ทักษิณ พรรคเพื่อไทย สมาชิกพรรค อดีต ส.ส. จะเผชิญวิบากกรรมทางคดี หรือเรื่องอื่นใดบ้าง ยังไม่มีใครรู้
รัฐธรรมนูญ กฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เต็มไปด้วยอุปสรรคขวางกั้น การทวงอำนาจไปพร้อมกับ กฎระเบียบยิบย่อย "กับดัก" หากเดินพลาดเพียงก้าว มีสิทธิถูกจัดการอย่างเด็ดขาด
องคาพยพอื่น อำนาจเปลี่ยนมือ ข้าราชการย้ายขั้ว การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยอยู่ในสภาพถูกรุมกินโต๊ะ ฝ่ายต่อต้านพร้อมจับมือเป็นพันธมิตร สกัดกั้นเพื่อไทยทุกวิถีทาง ทุกรูปแบบ
เป็นเพียงปัจจัยเบื้องต้นที่อาจทำให้เพื่อไทยไปไม่ถึงฝั่งฝัน ยังไม่นับรวมกระแสข่าวจากวอร์รูมคนใกล้ชิดนายใหญ่ ที่ "มองเกมยาว" ของจริงค่อยไปสู้กันภายหลัง และหลังเลือกตั้ง 2562 ในสมัยหน้าโน่นเลย โดยปล่อยให้กระแสแห่งการบริหารเละเทะ ที่จะเกิดแน่นอนทั้งประเด็นลำพองอำนาจ สุ่มเสี่ยงต่อการคอร์รัปชัน ไปพร้อมกับเสียงผู้แทนปริ่มน้ำ (ตามการคาดการณ์) เป็นอุปสรรคคอยเขย่ารัฐบาล ที่ไม่น่าจะยืนระยะได้ครบเทอม ในเมื่อของใหม่ไม่ได้ดีกว่าเดิม เป็นธรรมดา ผู้มีสิทธิเลือกตั้งย่อมหวนถึง พรรคเก่าที่เคยมีผลงานเป็นที่ประจักษ์
ประกอบกับการแสดงท่าทีซ่อนนัย ทักษิณและคนใกล้ชิด ลูกสาวทักษิณ โพสต์ภาพขณะดูดน้ำด้วยหลอดเหลือง แดง พร้อมกับคำพูดผู้พ่อ ‘พ่อบอกหลอดแดงเหลืองกลมเกลียวกันสวยงาม ทางเราก็ไม่ติด เลยทำตัวกลมไปด้วยตามกระแส’ ก่อนหน้านี้ในงานเสวนา “อนาคตประเทศไทย ตายหรือตันก่อนการเลือกตั้ง” สหายสุภาพ-จาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุตอนหนึ่ง ‘ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยไม่ควรรีบตัดสินใจแต่เนิ่นๆ ว่าจะจับมือกับพรรคใด หรือไม่จับมือกับพรรคใด เพราะยังไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตัดสินใจ
แต่การจะร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยคงยังไม่เกิดขึ้น ถ้า คสช.เป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน แล้วพรรคประชาธิปัตย์เกิดเป็นฝ่ายค้านด้วย ผมสามารถร่วมกับนายจุรินทร์เป็นวิปฝ่ายค้านได้’
เช่นเดียวกับ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่เปลี่ยนท่าที เน้นย้ำเรื่องความปรองดอง เชิญชวนให้ทุกฝ่ายมาจับมือทำสัญญาประชาคม ไปพร้อมกับการหาหนทางเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จะได้ไม่เกิดความขัดแย้งเหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีก
มาล่าสุด โภคิน พลกุล มือกฎหมายมือฉมังเพื่อไทย และอีกหนึ่งคนใกล้ชิดทักษิณ ออกมาเผยผ่านแทบลอยด์ไทยโพสต์ ไม่ปฏิเสธหนทางการพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ และแม้จะไม่ยอมรับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ในการเคยไปพูดคุยกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว
แน่นอน สูตรนี้อาจถูกมองพรรคการเมืองจับมือต้าน รัฐบาลทหาร แต่ในอีกแง่มุม หนทางปรองดอง ไม่ว่าจะโดยวิธีไหน ทักษิณยากปฏิเสธ หากมันช่วยทำให้ได้กลับบ้านแบบเท่ๆ ตามที่ตั้งหวัง
กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ยังมีเวลามองทิศทางลม ก่อนตัดสินใจรบสุดตัวผ่านสนามเลือกตั้ง หรือเพียงสู้ประคองรักษาพรรค ล้วนมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น!!!.
ทีมข่าวการเมือง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |