"อัจฉริยะ" ลุยแหลก แพร่คลิปเสียงหญิงทวงเงิน 4.5 แสน ขณะที่คนถูกทวงที่ถูกระบุเป็นทนาย บอกขอเวลารวบรวมเงินก่อน หอบหลักฐานมอบให้ กก.สอบข้อเท็จจริงที่ ผบช.น.แต่งตั้งหลังร้องเรียนมีตำรวจและพลเรือนรวม 5 คนเป่าข้อหาดาราสาว "เอมี่" ค้ายาเสพติด ย้อนถามทนายตั้มเกี่ยวอะไรด้วย ถึงร้อนตัวออกมาเคลื่อนไหว ขณะที่เจ้าตัวเรียกร้องหากตรวจสอบไม่เป็นความจริง ขอให้ตำรวจ อัยการเอาผิดคนร้อง

    เช้าวันที่ 21 กันยายน ที่สำนักงานกฎหมายษิทรา เบี้ยบังเกิด อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ชี้แจงสื่อมวลชนว่า เย็นวันเดียวกัน ตนพร้อมด้วย น.ส.อาเมเรีย จาคอป หรือเอมี่ นักแสดงสาวจากละคร "ธิดาวานร" จะเดินทางไปยื่นเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ใช้ในการต่อสู้คดีของ น.ส.อาเมเรีย ซึ่งคัดถ่ายมาจากทางศาล ให้คณะกรรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของ น.ส.อาเมเรีย ว่ามิได้มีการติดสินบนในคดียาเสพติดที่ น.ส.อาเมเรียตกเป็นผู้ต้องหา ดังที่มีความพยายามใส่ร้ายป้ายสีตามที่เป็นข่าว
    ก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เข้าร้องเรียน พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ว่าได้รับการร้องเรียนจากพลเมืองดี ว่าคดียาเสพติดที่ น.ส.อาเมเรียตกเป็นผู้ต้องหา มีตำรวจหลายฝ่ายร่วมกันทุจริตในการช่วยเหลือให้ น.ส.อาเมเรียหลุดพ้นคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดในชั้นศาล คงเหลือแต่คดีเสพยาเสพติด ซึ่งต่อมา พล.ต.ท.ชาญเทพได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดจับกุม รวมทั้งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีว่ามีข้อบกพร่องในการทำสำนวนหรือไม่
    มีความเคลื่อนไหวจากนายอัจฉริยะเช่นกัน โดยเพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เผยแพร่คลิป ระบุว่า "คลิปเสียงหลอกผู้เสียหายวิ่งเต้นอัยการได้ ทางชมรมฯ ไม่ยืนยันว่าเป็นเสียงใคร และมีการจ่ายเงินให้ใคร ขอให้ทุกท่านที่ได้ฟังพิจารณากันเอาเอง"
    ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวเป็นเสียงสนทนาของชายหญิงคู่หนึ่ง โดยฝ่ายหญิงทวงเงิน 4.5 แสนบาท ในช่วงท้ายฝ่ายชายที่ถูกระบุว่าเป็นทนาย บอกว่าต้องรวบรวมเงินก่อน แต่ฝ่ายหญิงพยายามเร่งรัดให้เร็วที่สุด ทำให้ฝ่ายชายพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า เร่งไม่ได้ "ผมต้องหามาคืนตามที่พี่ต้องการ ผมคืนแล้วพี่จะเอาอะไรอีกล่ะครับ"
    จากนั้นไม่นาน เพจษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ก็โพสต์ข้อความว่า
"หากตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริงตามที่ร้องเรียน ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการที่เสียหาย ดำเนินการให้จริงจัง ไม่อย่างนั้นก็จะมีการสร้างเรื่องเรื่อยๆ เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ทั้งที่คดีนี้ได้มีการตรวจสอบแล้วด้วยศาลสถิตยุติธรรม"
    ต่อมา นายอัจฉริยะเข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติม และให้ปากคำต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่มี พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. เป็นประธาน นายอัจฉริยะระบุว่า มีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีการวิ่งเต้นคดีกับตำรวจ  และมีตัวกลางเป็นทนายความดำเนินการเรื่องนี้ในลักษณะไม่ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด และผู้ต้องหาจะได้ลดโทษ นอกจากนี้มีข้อมูลว่ามีการเบิกเงินสดจำนวนหลักสิบล้านบาทออกจากบัญชีในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นที่อยู่ของครอบครัว น.ส.อาเมเรียด้วย ส่วนคนที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเป็นตำรวจและพลเรือนประมาณ 5 คน  
    นายอัจฉริยะกล่าวว่า สาเหตุที่ออกมาเปิดโปง ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่มีปัญหากับทนายความรายนี้ เพราะที่ผ่านมาตนเองได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมมานานหลายเดือน ประกอบกับได้รับการร้องเรียนจากประชาชนถึงพฤติกรรมของทนายความ ที่มักจะทำคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และมีพฤติกรรมลักษณะส่อไปในทางเดียวกัน นอกจากนี้จะยื่นหนังสือขอเปลี่ยนตัวคณะกรรมการบางรายในทีมสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้ เพราะทีมสอบสวนไม่ควรมีตำรวจ สน.สายไหม เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุร่วมอยู่ด้วย ซึ่งอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม
    ผู้สื่อข่าวถามว่า หนักใจหรือไม่ที่นายษิทราจะเดินทางมาพบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเช่นกัน นายอัจฉริยะกล่าวว่า ก็เรื่องของเขา เพราะตนร้องเรียนตำรวจ ทำไมเขาต้องร้อนตัว อย่างไรก็ตาม ตนกับเขาคงไม่เจอกัน เพราะไม่รู้จะเจอไปทำไม 
    "มันผิดปกติอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้ร้องเรียนเขา เขาเกี่ยวข้องอะไรด้วย"
    ด้าน พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. ในฐานะประธานสอบสวนข้อเท็จจริง กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขอคัดคำพิพากษาฉบับเต็มจากศาล โดยยังไม่ได้เรียกชุดจับกุมหรือพนักงานสอบสวนมาสอบถาม ส่วนนายอัจฉริยะและนายษิทราจะเข้าให้ข้อมูล ถือเป็นสิ่งที่ทำได้ และคณะกรรมการฯ จะนำข้อมูลที่ได้มาประกอบการพิจารณา หากพบความบกพร่องเกิดขึ้นในการทำคดี จะดำเนินการทางวินัยและทางอาญาทันที โดยไม่ละเว้นและปกป้อง แต่หากผลการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงออกมาว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ผู้ที่กล่าวหาก็ต้องรับผิดชอบ.