“เดวีส์” เผยสหรัฐพร้อมร่วมมือทางทหารเต็ม 100% หลังมีรัฐบาลเลือกตั้ง แม้ 4 ปีครึ่งความสัมพันธ์สองชาติยังแข็งแกร่ง “พ.ท.จอห์น” ย้ำมะกันดูแลเรื่องยุทโธปกรณ์ให้ต่อเนื่อง รับสินค้า US แพง ไทยจึงต้องหันพึ่งชาติอื่นบ้าง

ที่สำนักงานจัสแม็กไทย เมื่อวันที่ 21 ก.ย. คณะที่ปรึกษาทางทหารสหรัฐประจำประเทศไทย (จัสแม็กไทย) จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 65 ปี พร้อมจัดพิธีเกียรติยศเนื่องในวันเชลยศึกและทหารผู้สูญหายในสงคราม โดยมี นายกลิน ที. เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นประธาน ซึ่งพิธีมีการบรรเลงเพลงชาติของทั้งสองประเทศโดยวงดุริยางค์ทหารบกไทย การกล่าวสุนทรพจน์ และเล่าประวัติย่อของจัสแม็กไทย ที่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2496 
สำหรับพิธีรำลึกถึงเชลยศึกและทหารที่สูญหายในสงคราม ได้จัดโต๊ะอาหารเป็นโต๊ะกลม ปูผ้าสีขาว ตั้งเก้าอี้ว่างไว้โดยรอบ ตั้งคำภีร์ไบเบิลไว้บนโต๊ะ ผ่าเช็ดมือสีดำ ดอกกุหลาบ 1 ดอกใส่ไว้ในแจกัน เทียนสีเหลืองผูกริบบิ้นสีเหลือง มะนาวฝาน เกลือโรยลงบนจาน แก้วไวน์คว่ำ โดยมีตัวแทนเป็นทหาร 5 นายยืนทำพิธี มีอ่านคำกล่าวสดุดี โดยระหว่างนั้นตัวแทนทหารที่สวมใส่เครื่องแบบแต่ละเหล่าทัพได้เดินมาวางหมวกไว้บนโต๊ะจนครบทุกนาย 
นายกลิน ที. เดวีส์ กล่าวว่า จัสแม็กไทยก่อตั้งขึ้นที่ กทม.เมื่อ 65 ปีที่แล้ว หลังสงครามเกาหลี ซึ่งทหารไทยและสหรัฐได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันภายใต้การบัญชาการขององค์การสหประชาชาติ นอกจากนั้นยังมีกองทัพอีก 19 ชาติร่วมรบ เราภาคภูมิใจอย่างสูงยิ่งในพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่างชาติทั้งสอง วันนี้ยังเป็นการมารวมตัวกันเพื่อยกย่องผู้เสียสละต่อสู้เพื่อเสรีภาพ เหมือนดั่งที่ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น กล่าวไว้ว่า "ชาติใดที่ไม่เชิดชูเกียรติเหล่าวีรบุรุษ วีรสตรี ของชาติ พวกเขาชาตินั้น จะดำรงอยู่ได้ไม่นาน" 
ทั้งนี้ ในพิธียังมีพิธีเปิดอนุสาวรีย์จัสแม็กไทย 65 ปี  โดยเป็นหินบะซอลต์ก้อนใหญ่ ซึ่งจังหวัดเชียงรายมอบให้คณะของทหารสหรัฐที่เข้าร่วมภารกิจที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเป็นที่ระลึก โดยจัสแม็กฯ ได้นำมาติดแผ่นป้าย เขียนว่า "หินที่นำมาจากจังหวัดเชียงรายก้อนนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 65 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่างทหารไทยและทหารสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะในสนามรบ ภารกิจด้านมนุษยธรรม หรือปฏิบัติการช่วยชีวิต ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะแข็งแกร่ง เปรียบดังหินก้อนนี้” 
นายเดวีส์ยังกล่าวถึงความร่วมมือทางด้านการทหารระหว่างไทยและสหรัฐว่า หลังจากที่ไทยยืนยันการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้านั้น เชื่อว่าความร่วมมือจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเต็ม 100% แม้ความร่วมมือทางด้านการทหารระหว่างสองชาติค่อนข้างแข็งแกร่งมาตลอด  4 ปีครึ่งที่ผ่านมา และยังคงทำงานใกล้ชิด และแก้ไขปัญหาที่ท้าทายไปพร้อมๆ กัน มีทั้งการฝึกร่วมผสมภายใต้รหัสคอบร้าโกลด์ และการฝึกร่วมโปรแกรมอื่นๆ ยังเดินไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งทหารจากฐานทัพที่โอกินาวา 
"แม้สหรัฐเพิ่งมีรัฐบาลใหม่ มีนโยบายใหม่ แต่ยังเน้นย้ำเหมือนเดิมในการส่งเสริมความเป็นศูนย์กลางของประเทศอาเซียน มุ่งมั่นจะร่วมมือกับไทยและประเทศในภูมิภาคนี้ และเมื่อไม่นานมานี้ ก็เพิ่งประกาศนโยบายอินโด-แปซิฟิก ขยายขอบเขตยุทธศาสตร์ในภูมิภาคนี้ เรายังคงทำงานร่วมกับไทย และจะเพิ่มเติมในรายละเอียดต่อไป" นายเดวีส์กล่าว
ด้าน พ.อ.เวย์น เทิร์นบุลล์ นายทหารอาวุโสประจำสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย กล่าวว่า สหรัฐพร้อมเสมอที่จะสนับสนุนกองทัพไทยในการพัฒนาความสามารถด้านความมั่นคงเพื่อจัดการกับการท้าทายที่ซับซ้อน การพัฒนาเหล่านี้ก่อให้เกิดหลักประกันว่าภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกจะเปิดเสรี เปิดกว้างในศตวรรษที่ 21 และจากนั้นอีกยาวนาน 
พ.ท.จอห์น บะซีล ผู้อำนวยการแผนกฝึกร่วม-ผสมจัสแม็ก กล่าวว่า ความร่วมมือทางทหารที่ผ่านมาจะเน้นเรื่องการบรรเทาสาธารณภัย เช่น อู่ตะเภา เป็นฐานทัพช่วยเหลือประเทศที่ได้ความเสียหายจากแผ่นดินไหวที่เนปาล รวมไปถึงภารกิจการช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี 
“ความร่วมมือด้านการทหารในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ในด้านยุทโธปกรณ์ สหรัฐยังคงร่วมมือในการปรับปรุงเครื่องบิน F-16 ทั้งระบบสื่อสาร ระบบตรวจจับให้ทันสมัยมากขึ้น นอกจากนั้นยังร่วมมือกับกองทัพเรือไทยเรื่องระบบควบคุมบังคับบัญชา และระบบเรดาร์ตรวจจับรอบบริเวณน่านน้ำ รวมถึงโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ของ UH-72 ของกองทัพบก จรวดฮาร์พูนของกองทัพเรือ เป็นต้น”  พ.ท.บะซีลกล่าว และว่า กรณีไทยจัดหาอาวุธจากจีนมากขึ้นนั้น อาวุธจากสหรัฐอาจราคาแพงเกินไป เลยต้องมองหาจากที่อื่น แต่ก็ยังยืนยันว่าสหรัฐมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดในแง่ความร่วมมือด้านการทหารและยุทโธปกรณ์ 30-40 ปีที่ผ่านมา ถือว่ากองทัพไทยได้ซื้อยุทโธปกรณ์จากสหรัฐเข้าประจำการเกือบทั้งหมด แต่ตอนนี้ก็เลือกซื้อจากประเทศอื่นด้วย ไม่เฉพาะจีน แต่มีทั้งสิงคโปร์และเกาหลีใต้.