26 ม.ค. 61 - นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติขยายเวลาการบังคับใช้ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หลังลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาไป 90 วัน ว่า ยังถือว่ากระบวนการยังไม่สิ้นสุด เพราะต้องขึ้นอยู่กับสามฝ่าย ที่เกี่ยวข้องคือ กรรมาธิการ กกต. รัฐบาล จะต้องหารือกันอีกครั้ง เพราะถ้าไม่เห็นด้วยต้องตั้งกรรมการร่วมสามฝ่ายขึ้นพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง 

"ทุกคนต่างมีเหตุมีผลด้วยกันทั้งสิ้นในการที่ขยายเวลาออกไป 90 วัน บางคนให้เหตุผลว่าเพื่อให้กกต. มีโอกาสทำงานได้ทัน เพื่อให้พรรคการเมืองมีโอกาสเตรียมตัวได้ทัน แต่นั่นเป็นความปรารถนาดีและคิดไปเองข้างเดียว เพราะอย่างน้อยที่สุดน่าจะให้เกียรติสอบถามบ้าง ไม่ใช่ไปคิดแทนเขา ควรถามกกต.ว่าทำทันหรือไม่ ถามพรรคการเมืองว่าถ้าเป็นแบบนี้ทำทันหรือไม่ แต่นี่กลับไปคิดแทนแล้วมาบอกว่าเป็นความปรารถนาดี ซึ่งไม่รู้ว่าความปรารถนาดีนั้นประสงค์ร้ายหรือไม่"นายสมศักดิ์ กล่าวและว่าวันนี้สังคมไทยและสังคมโลกกำลังจดจ่ออยู่กับ เรื่องการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตามโรดแมป ภายในเดือน พ.ย.61 นี้ ซึ่งทุกคนต่างเตรียมตัวเตรียมใจ โดยเฉพาะพรรคการเมืองและกกต. ก็เตรียมความพร้อม ทันทีที่ประกาศปลดล็อกจะได้เร่งดำเนินการในส่วนที่พรรคการเมืองจะต้องทำ 

แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่าวันนี้ท่าทีของสหรัฐอเมริกาที่มีออกมาก็น่าเป็นห่วง ไทยไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวในโลก แต่การที่สหรัฐอเมริกาและอียู ออกมาให้สติ ก็น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจได้ แต่เมื่อลงมติไปแล้วโดยครูที่ล้วนมีวุฒิภาวะทั้งสิ้น ก็เชื่อว่าหากเกิดผลกระทบต่อประเทศไทยขึ้นอย่างไร ทุกคนก็ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบตรงนั้นด้วย การเลื่อนเลือกตั้งออกไปจะเกิดผลแน่นอนคือเรื่องความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรี ที่ได้ยืนยันโรดแมปในทุกเวที ทุกประชาคม 

"อันที่จริงสนช. ควรที่จะต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีก่อน ถึงแม้ว่านายกฯจะให้เกียรติโดยระบุว่าไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ แต่ในฐานะ ที่เป็นองคาพยพหนึ่ง ของแม่น้ำ 5 สาย และของกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยคือฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร จึงควรต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อปรึกษาหารือ และการที่ล่าสุดนายกฯ ออกมาระบุโดยยืนยันว่าตนเองไม่ได้ส่งสัญญาณเลื่อนการเลือกตั้งนั้นเราทุกคนก็ต้องเชื่อในคำพูดของนายกฯ เพราะพูดด้วยความปรารถนาดี เมื่อไม่หารือกันก่อนอย่างนี้เปรียบเหมือนกับลงเรือแป๊ะลำเดียวกัน แต่จ้ำไม่พร้อมกัน พายไม่พร้อมกัน แต่เมื่อนายกฯยืนยันเช่นนี้เราก็ต้องเชื่อ ถ้าไม่เชื่อนายกฯแล้วจะไปเชื่อใคร เหมือนที่ท่านได้บอกว่าจะเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ทุกคนก็เชื่อหมด ถึงได้ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง" 

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่าเมื่อสนช. พิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้วว่าควรเป็นอย่างนี้ เราในฐานะนักการเมืองที่มีใจเป็นนักกีฬา เมื่อเขาออกกติกามาอย่างไรเราพร้อมเราก็ลงเล่น ถ้าไม่พร้อมก็ไม่ต้องลงไปเล่น อย่างไรก็ตามตนยังหวังว่ายังไม่ใช่ก๊อกสุดท้าย เพราะสุดท้ายอยู่ที่กรรมาธิการ กกต. และรัฐบาล 3 ฝ่ายนี้ ที่จะต้องมาพิจารณาว่าเห็นด้วยตามมติที่ประชุมสนช.หรือไม่ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องตั้งกรรมาธิการร่วมขึ้น ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งตรงนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าสามฝ่ายเขาจะเอาอย่างไร.