"สมคิด"ขีดเส้น3 เดือนจี้บินไทยเสนอแผนยุทธศาสตร์ด้านบินไทยตั้งเป้าเพิ่มรายได้นอนคอร์ หวังแก้ขาดทุนภายใน 2 ปี จับมือทีมไทยแลนด์ดึงลูกค้าเพิ่ม ฝันติดท็อป 5 ของโลกใน 5 ปี ขู่ก่อนเลือกตั้งมีเวลาโยกย้าย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายในงานเสวนา “สานพลังงานพันธมิตรเพื่อไทยก้าวไกลอย่างยั่งยืน ว่าได้มอบนโยบายให้การบินไทยเร่งจัดแผนยุทธศาสตร์การเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้แล้วเสร็จพร้อมเสนอฝ่ายนโยบายภายใน 3 เดือนทั้งการลงทุนจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 1 แสนล้านบาทว่าจะจัดซื้อทีละเท่าไหร่ มีขั้นตอนอย่างไร รวมถึงการปรับเส้นทางการบินเพิ่มรายได้ตลอดจนแผนพัฒนาบุคลากรและคุณภาพบริการขององค์กรให้สามารถแข่งขันได้ในสภาวะตลาดการบินที่รุนแรง ดังนั้นการบินไทยจำเป็นต้องมองหาพันธมิตรอื่นมาเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ สิ่งสำคัญที่จะต้องดำเนินการหลังจากนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมกันไม่ว่าสหภาพฯ หรือพนักงานทุกคนต้องร่วมมือ เพื่อให้องค์กรพลิกฟื้นกลับมาเข้มแข็ง
เชื่อว่าสถานการณ์ขององค์กรยังเดินต่อได้ ถ้าการบินไทยไปได้ทุกคนจะไปได้ ไม่มีการทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ต้องทำให้การบินไทยเป็นสายการบินที่ทุกคนภูมิใจ การขาดทุนไม่ใช่เรื่องใหญ่ต้องสู้ที่ยุทธศาสตร์และการหารายได้เพิ่ม เครืองบินต้องดี รีบวางแผนเส้นทางบินให้เสร็จเพื่อตัดสินใจในการซื้อฝูงบินต่อไป
"การเริ่มกระบวนการใหม่ภายใน 3 เดือนนี้ผมต้องการคำตอบ อาหารทำอย่างไรให้อร่อย ที่เขาคุยว่าดีแบบเจ้ไฝ ไม่มีไฝก็ได้ ให้มันอร่อย น้ำซุปต้องร้อน คือพูดแล้ว ผมทำจริงๆ ไม่มีการพูดเล่นๆ เวลา 2-3 เดือนก่อนเลือกตั้งมีเวลาเหลือเฟือในการโยกย้าย ทำให้ได้อย่างที่พูดมา และอย่าคิดว่าเป็นสายการบินรัฐวิสาหกิจแล้วจะเจ๊งไม่ได้ เพราะเคยเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนแต่องค์กรจำเป็นต้องช่วยตัวเองให้รอดเสียก่อน"นายสมคิดกล่าว
ด้านนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าหลังจากนี้การบินไทยจะเร่งเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Business) ให้มีสัดส่วน 15-20% จากปัจจุบัน 10% ควบคู่ไปกับรายได้เสริมให้มีสัดส่วน 5-20% จากปัจจุบัน 2.2% โดยมีแหล่งรายได้หลักจากธุรกิจครัวการบินและศูนย์ซ่อมอากาศยาน ส่วนธุรกิจทางการบินนั้นจะต้องเพิ่มปริมาณบรรทุกผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 80%ควบคู่ไปกับการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น
นายสุเมธ กล่าวต่อว่า ตั้งเป้าว่าภายในสองปีหรือในปี 2563 การบินไทยจะต้องหยุดขาดทุนให้ได้จากนั้นในปี 2565 จะต้องล้างขาดทุนสะสมและพยายามพลิกกลับมาทำกำไรให้ได้ ขณะที่เรื่องการซื้อเครื่องบินนั้นตนย้ำว่าจำเป็นต้องมีเครื่องบินใหม่เข้ามาเพื่อแข่งขันในตลาดที่รุนแรงเพราะคู่แข่งต่างเร่งเพิ่มฟลีทเที่ยวบินช่วงชิงโอกาส จากสถิติพบว่าในปี 2558 การบินไทยส่วนแบ่งทางการตลาด 37% โดยมีเครื่องบิน 100 ลำ ในปี 2561 องค์กรมีเครื่องบินเพิ่ม 3 ลำ ส่วนแบ่งลดลงเหลือ 27.3% ทั้งนี้ หากการบินไทยไม่มีการซื้อเครื่องบินมาเพิ่มจะทำให้ส่วนแบ่งของสายการบินแห่งชาติลดลงเหลือ 10% และจะหายไปในที่สุดการบินไทยตั้งเป้าหยุดขาดทุนในปี
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการการบินไทย กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) อนุมัติแผนฟื้นฟูการบินไทยและกำหนดเป้าหมายขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต เพื่อให้เป็นสายการบินชั้นนำ 1 ใน 5 ของโลกภายในปี 2565 และเป็นสายการบินแห่งชาติระดับพรีเมี่ยม (International Premium Airlines) ซึ่งการผลักดันไปสู่เป้าหมายดังกล่าวนอกจากพัฒนาองค์กรตนเองแล้วจำเป็นต้องมีพันธมิตรร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องนโยบายรองนายกรัฐมนตรีที่ให้รัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ประกอบด้วย การบินไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ธนาคารกรุงไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกันเป็นพันธมิตร เพื่อแชร์ข้อมูลหรือบิ๊กดาต้าใช้ประโยชน์ร่วมกัน นอกจากทำให้การบินไทยพลิกฟื้นกลับมาเข้มแข็งแล้วยังส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของประเทศอย่างยั่งยืน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |