"แม่น้องเกด-พ่อน้องเฌอ" บุกทำเนียบฯ จี้ “บิ๊กป้อม” ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีข่าวทหารยศนายพลแทรกแซงคดีสลายม็อบปี 53 ให้เป็น "คดีมุมดำ" หรือคดีที่หาผู้กระทำความผิดไม่ได้ ลั่นหากไม่ชี้แจงถือว่ามีส่วนได้เสียกับคดีนี้ ด้านทนาย นปช.ร้องอัยการสูงสุด เร่งคดีชันสูตรพลิกศพสลายม็อบ 98 ศพ ด้วย
ที่บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 20 กันยายน นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด พร้อมด้วยนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของ นายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่ปรากฏข่าวว่ามีนายทหารยศนายพลพยายามเข้ามาแทรกแซงกระบวนการสอบสวนในคดีดังกล่าว ตามที่ปรากฏข่าวในหนังสือพิมพ์ และขอให้มีการแถลงข่าว มิเช่นนั้น จะถือว่า พล.อ.ประวิตรเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับคดีนี้ ซึ่งเป็นที่แคลงใจของสังคมอยู่แล้ว
โดยนางพะเยาว์กล่าวว่า คดีของผู้เสียชีวิต 98 ราย ในการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ได้มีการส่งสำนวนชี้มูลความตายแค่กว่า 20 รายเท่านั้น ส่วนที่เหลือคดียังค้างอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งภายหลังการรัฐประหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เปลี่ยนคณะกรรมการใหม่ และมีคำสั่งระงับการสอบสวน ตนอยากให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 98 คน ได้รับการชี้มูลความตายทั้งหมด เพราะหนึ่งในนั้นศพที่เหลือมี พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และนายทหารคนอื่นๆ ที่เสียชีวิตเช่นกัน
“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าลูกน้องเสียชีวิตเพราะอะไร และเพราะใคร เราเองก็อยากจะทราบ ไม่เช่นนั้นคำว่าชายชุดดำก็ยังถูกใช้เป็นตุ๊กตาตั้งอยู่อย่างนั้น ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นหนังสือตอบรับหรือการแถลง ไม่ว่าอะไรก็ตาม ขอให้ชี้แจงให้พวกเราได้ทราบ ไม่อย่างนั้นเราจะมาทวงคำตอบอีกครั้ง” นางพะเยาว์กล่าว
ด้านนายพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความพยายามของนายทหารชั้นนายพลเพื่อทำให้คดีนั้นเป็นคดีมุมดำ หรือเป็นคดีที่หาผู้กระทำความผิดไม่ได้ ซึ่งในข้อเท็จจริงกรณี 6 ศพที่พบในวัดปทุมวนารามฯ ที่ศาลไต่สวนการตาย ได้ชี้ให้เห็นว่ากระสุนปืนที่ทำให้เสียชีวิตมาจากทหาร ตนจึงอยากให้เดินหน้าคดีนี้ต่อไป รวมถึงคดีอื่นๆ ด้วย และอยากให้ชี้แจงประชาชนด้วยว่าตกลงจะเอาอย่างไรกับคดีนี้
ทั้งนี้ นายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนในการรับหนังสือ พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะได้รับเรื่องและส่งต่อให้สำนักงานของ พล.อ.ประวิตร ดำเนินการต่อไป
บ่ายวันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายองอาจ คำทอง ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด ขอให้เร่งรัดดำเนินคดีเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 98 ราย เมื่อปี 2553 และขอคัดค้านการยุติชันสูตรพลิกศพ โดยมีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับเรื่อง
นายองอาจเปิดเผยว่า เนื่องจากมีการนำเสนอบทความของสื่อมวลชนเกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า จะงดการทำสำนวนคดีดังกล่าว โดยกระทำให้ผู้เสียชีวิต 98 รายหาตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ จึงมีความกังวลว่าคดีจะมีความผิดปกติ และจะไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งกฎหมายบัญญัติให้การตายโดยผิดธรรมชาติ ให้พนักงานอัยการทำคำร้องขอต่อศาล เพื่อให้ศาลทำการไต่สวนและทำคำสั่งว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ใด เมื่อใด สาเหตุการตายคืออะไร จึงอยากให้อัยการดำเนินการสอบสวนคดีต่อไป
"ที่ผ่านมาศาลได้ดำเนินการไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิตไปเกือบ 20 คดี แต่ยังเหลือสำนวนคดีอีก 70 คดีที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า หวังว่าอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรม สำหรับคดีดังกล่าว ก่อนหน้านี้ทนายความคดีหลัก และกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตได้มายื่นเรื่องขอให้อัยการเร่งดำเนินคดีไปแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าคดีเพิ่ม ซึ่งทางอัยการมีการตั้งคณะทำงานเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไรทางกลุ่ม นปช.ไม่เคยทราบ"
นายองอาจกล่าวถึงคดี นปช.ก่อการร้ายด้วยว่า ตนเป็นทนายความในส่วนของคดีที่อัยการยื่นฟ้องแกนนำ นปช.รวม 24 คน ในความผิดฐานก่อการร้าย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบพยานจำเลย แต่เนื่องจากคดีมีรายละเอียดมาก และมีพยานบุคคลหลายปาก ดังนั้น คู่ความจึงตกลงรับกัน ให้จำเลยส่งบันทึกคำเบิกความแทนการสืบพยานจำเลยส่งศาล เพื่อส่งต่อให้อัยการทำคำคัดค้าน ซึ่งจะเป็นการประหยัดเวลา คาดว่าคดีน่าจะเสร็จการพิจารณาประมาณเดือน ก.ย.2562
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชน 98 ราย ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 ว่า ดีเอสไอได้สรุปสำนวนคดีดังกล่าวและคดีก่อการร้ายของชายชุดดำให้อัยการไปแล้ว แต่บางสำนวนอัยการสั่งสอบเพิ่มเติม ซึ่งดีเอสไอได้สอบสวนในประเด็นต่างๆ เสร็จสิ้น และส่งกลับไปที่อัยการเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ยังมีคดีบางส่วนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งกลับมาให้ดีเอสไอ ขณะนี้กำลังสอบสวน
ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เดินทางมาพร้อมมวลชนจำนวน 6 คน เพื่อจะยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อนำนายไสว ทองอ้ม มวลชนแนวร่วม นปช. ที่ถูกยิงได้บาดเจ็บสาหัสจนแขนข้างซ้ายพิการในช่วงสลายชุมนุมของ นปช.ที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อปี 52 และได้ฟ้องร้องค่าเสียหายจากกองทัพบก ต่อมาศาลสั่งยกฟ้องและตัดสินให้นายไสวชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าธรรมเนียมศาลและค่าทนายความเป็นเงิน 212,114 บาท ให้กับกองทัพบก แต่นายไสวไม่มีเงินจ่าย จึงถูกยึดที่ดินทำกิน นอกจากนี้ นายไสวได้ร้องเรียนต่อกระทรวงกลาโหมแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า
จากนั้น พ.อ.วิชิต คล้ายทอง นายทหารเวร ออกมารับหนังสือ โดยนายไสวกล่าวว่า ในวันนี้มายื่นหนังสือให้ทาง ผบ.ทบ. เพื่อติดตามผลการดำเนินงานจากกองทัพบกในเรื่องที่ร้องขอความเป็นธรรม และขอให้กองทัพบกยุติการยึดที่ดินทำกินของตน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |