เดือด! “ประวิตร-ทักษิณ” แลกหมัด ป้อมซัดตัวทำบ้านเมืองวุ่นวาย ไล่ไปเคลียร์คดีก่อนปรองดอง “แม้ว” ทวีตโต้ไม่นุ่มนวลเหมือนตอนขอเก้าอี้ ผบ.ทบ.เลย “นิพิฏฐ์” ชี้ตรรกะบิดเบี้ยวให้จงรักภักดีแม้กลายเป็นโจร ส่วน “โอ๊ค-เสี่ยไก่” เฮโลขยี้ซ้ำเพจกองทัพก๊อบปี้สโลแกน “ปชป.” ชี้ 4 ปี คสช.เสียเปล่าไม่แจงความจริง ทำให้สัมภเวสีหยิบมาหาประโยชน์ เชื่อจะหนักกว่านี้แน่
เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ยังคงมีความร้อนแรงในกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีสถานะนักโทษหนีคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งจำคุก 2 ปี ซึ่งหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ได้โพสต์ครบรอบ 12 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า บ้านเมืองที่วุ่นวายอยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะใคร ไม่ใช่พวกเราแน่นอน เพราะพวกเราไม่ได้เกี่ยวข้อง เราออกมาแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ ส่วนกรณีที่นายทักษิณระบุพร้อมพูดคุยปรองดองนั้น เขายังมีเรื่องที่ทำผิดกฎหมายอยู่ ขอให้ไปเคลียร์ตรงนั้นให้ได้ก่อน
หลังจากนั้นไม่นาน นายทักษิณได้ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ตอบโต้ว่า "ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.เลย"
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในประเด็นนี้ว่า ต้องดูการกระทำของแต่ละคน ถ้านายทักษิณทำผิดพลาดตอนเป็นนายกฯ แล้วประเทศชาติเสียหาย ถึงแม้ได้ดิบได้ดีจากนายทักษิณ ก็มีสิทธิ์หันหลังให้นายทักษิณได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องจงรักภักดี ไม่ว่าจะผิดหรือไม่ถูก เอาตรรกะอย่างนั้นไม่ได้ คนเขาจะเข้าใจผิด อย่างเรามีเพื่อนเป็นตำรวจ เราทำผิดเขาก็ต้องจับ เราจะไปโกรธเขาได้อย่างไร
ขณะเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ได้ทวีตข้อความว่า "พ่อซื้อเพจกองทัพไปแล้วเหรอครับ?" ซึ่งเกิดขึ้นจากเพจศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก ซึ่งเป็นเพจเฟซบุ๊กที่สนับสนุนรัฐบาล คสช.และกองทัพได้จัดทำอินโฟกราฟฟิก "4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง" ประกอบภาพถ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ซึ่งคำว่า "4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง" เป็นสโลแกนหนึ่งในยุคนายทักษิณคุมพรรคไทยรักไทยเคยใช้หาเสียงเลือกตั้ง
ต่อมานายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ทวีตข้อความเช่นกันว่า "4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง” เป็นคำขวัญเลือกตั้งของไทยรักไทยเมื่อปี 2548 ถ้าคิดจะลอกเลียนทุกอย่าง ลองหัดลอกเลียนสมองทักษิณดีกว่าบ้านเมืองจะได้ไม่บรรลัยแบบนี้ จริงมั้ยครับลุงเสิ่นเจิ้น
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีการโพสต์ของนายทักษิณ ว่าเป็นคนที่ไม่ชอบแนวทางการได้มาซึ่งอำนาจจากการยึดอำนาจ แต่เชื่อเช่นกันว่าคนไทยไม่เคยลืมพฤติกรรมอันเป็นที่มาแห่งการยึดอำนาจ ทั้งการใช้ระบบเผด็จการเสียงมาก การทุจริตคอร์รัปชัน เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง การเลือกปฏิบัติแบ่งแยกประชาชน การทำลายความน่าเชื่อถือของอำนาจฝ่ายตุลาการและกระบวนการยุติธรรม และพฤติกรรมการไม่เคารพกฎหมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้คนที่ยึดอำนาจมาต้องอธิบายเพราะรู้ดีที่สุด
อัด คสช.เสียเปล่า 4 ปี
“เคยเตือนเสมอว่า คสช.ต้องอธิบายทำความเข้าใจต่อสังคม ไม่เช่นนั้นความจริงจะถูกนำไปบิดเบือน จากคนที่เป็นจำเลย เขาจะกลับกลายมาเป็นโจทก์ ซึ่ง 4 ปีกว่าที่ผ่านมา คสช.ไม่เคยอธิบายสิ่งเหล่านี้ต่อสังคมอย่างจริงจัง และวันข้างหน้าจะเข้าสู่การบิดเบือนเต็มรูปแบบ และคงไม่ต้องคร่ำครวญว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น คสช.สอบตกในเรื่องนี้จริงๆ นายกรัฐมนตรีอธิบายได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้” นายราเมศกล่าว
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.กล่าวว่า เมื่อได้ทำใจที่เป็นกลางแล้ว เห็นว่าทั้งนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติจริง เป็นการใช้ระบบเผด็จการรัฐสภา มาเปลี่ยนแปลงสังคมไทยที่เคยร่มเย็นเป็นสุขเป็นสังคมแห่งการแบ่งแยกรุนแรง รบราฆ่าฟัน และใช้อาวุธสงครามเผาบ้านเผาเมือง รวมทั้งทุจริตคอร์รัปชันอย่างมหาศาล
“ที่ผ่านมาไม่มีกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตราใดหรือฉบับใดบัญญัติห้ามนายทักษิณพำนักอยู่ในราชอาณาจักร แต่นายทักษิณกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ เพราะหลบหนีคำพิพากษาและหมายจับของศาลฎีกา แล้วนายทักษิณจะมาคร่ำครวญถวิลหาความอบอุ่นของครอบครัวไปทำไม” นายวัชระกล่าว
นายวัชระกล่าวต่อว่า 12 ปีที่ผ่านมานายทักษิณยังพร่ำเพ้อว่าถูกกลั่นแกล้ง อโหสิกรรมให้ทุกคน แล้วคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีต่างๆ ของนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น กลั่นแกล้งตรงไหน ในเมื่อนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์จ้างทนาย นำพยานหลักฐานเข้าต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ แต่กลับหนีศาล และไม่ยอมรับคำพิพากษา
“รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ต้องให้ความรู้กับประชาชนด้วยว่าระบอบทักษิณสร้างความเสียหายอะไรไว้กับประเทศชาติ ไม่ใช่แค่เรื่องจำนำข้าวเท่านั้น ยังรวมถึงการคอร์รัปชันทางนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน การแทรกแซงสั่งการองค์กรอิสระ ซึ่งน่าเสียดายเวลาและโอกาส 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ไขความจริงเหล่านี้ให้กับพี่น้องประชาชน และดูเสมือนว่าหลายอย่างรัฐบาลกำลังเดินซ้ำรอยระบอบทักษิณ ประเทศชาติจะเดินหน้าไปสู่สังคมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างไร” นายวัชระกล่าว
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "ครบรอบ 12 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เรื่องที่ทักษิณไม่ได้โพสต์ ไม่ได้พูดและแกล้งลืมว่า นายทักษิณพูดถึงเฉพาะวันรัฐประหารและหลังวันรัฐประหาร แต่ไม่พูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้ารัฐประหารว่าเกิดอะไรขึ้น และรัฐบาลในขณะนั้นชอบธรรมหรือไม่ หลังเผชิญปัญหาการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เงื่อนงำการขายหุ้นชินคอร์ป นโยบายปราบปรามยาเสพติดเกิดการฆ่าตัดตอน 2,500 ศพ รวมทั้งการใช้ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น
“นายทักษิณบอก 12 ปีหลังรัฐประหาร บ้านเมืองเสียโอกาสและไม่พัฒนา วิ่งตามหลังประเทศอื่น ประเด็นคือ ถ้าทักษิโณมิกส์ยังเรืองอำนาจอยู่ถึงวันนี้ เศรษฐกิจของประเทศ ทิศทางการพัฒนาของประเทศจะดีกว่านี้จริงหรือ และใครได้ประโยชน์กันแน่ เพราะช่วงรัฐบาลทักษิณผลพวงจากประชานิยมทำให้หนี้ต่อครัวเรือนสูงขึ้นมาก เกิดเอ็นพีแอลรากหญ้า กลุ่มทุนผูกขาดเริงร่า ช่องว่างความเหลื่อมล้ำไม่ได้ลดน้อยถอยลงยังอยู่ในสภาวะรวยกระจุกจนกระจาย” นายสุริยะใสโพสต์
ซัดใครกันแน่ถูกกลั่นแกล้ง
นายสุริยะใสโพสต์อีกว่า นายทักษิณมักย้ำเสมอว่าถูกกลั่นแกล้งใส่ร้าย แต่ไม่ได้ระบุตรงๆ ว่าเป็นกลุ่มไหนหรือใคร แต่ที่แน่ๆ ในช่วงที่หนีคดีไปต่างประเทศ นายทักษิณก็ยังไล่ฟ้องคนเห็นต่าง อย่างนี้เข้าข่ายกลั่นแกล้งคนอื่นหรือไม่ กระบวนการยุติธรรมไทยที่นายทักษิณโจมตีวิพากษ์วิจารณ์จะมีความยุติธรรมเมื่อตัวเองและเครือข่ายชนะคดี ส่วนกรณีนายทักษิณบอกเสียใจกับคนที่รักเขาชอบเขาแต่ถูกรังแก แต่ไม่เคยรับผิดชอบใดๆ ต่อมวลชนที่ชี้นำ หว่านล้อม ให้พวกเขามาชุมนุมเพื่อตัวเอง นำไปสู่ความรุนแรงทางการเมืองหลายครั้งก็ยังไม่เห็นนายทักษิณรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น
“นายทักษิณพูดโจมตีการรัฐประหารและผลพวงการรัฐประหารว่าทำให้ประเทศเสียหาย แต่ไม่พูดว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดรัฐประหารหรือไม่ ทั้งการรัฐประหาร 2549 และรัฐประหาร 2557 ถ้ารัฐบาลมีธรรมาภิบาลจริง และไม่คิดนิรโทษกรรมสุดซอย การรัฐประหารจะเกิดขึ้นได้หรือไม่" นายสุริยะใสโพสต์ทิ้งท้าย
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า 12 ปีที่ผ่านมา มีการรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชนไปถึง 2 ครั้ง เหตุผลในการทำรัฐประหารอ้างว่าเพื่อสร้างความรักความสามัคคี สร้างความชอบธรรมให้กับประชาชนทุกฝ่าย แต่ 12 ปีผ่านไป ความแตกแยกยังคงอยู่หรือไม่ ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นหรือไม่ ถ้าการทำรัฐประหารดีจริง ป่านนี้ไทยคงกลายเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ถ้าคนอยู่ดีกินดีขึ้น ทำไมถึงมีคนจนมากถึง 11.4 ล้านคน ประเทศไทยจะไปถึงไหนแล้วถ้าไม่มีการยึดอำนาจ ทั้งที่ในอดีตไทยเคยเป็นผู้นำในภูมิภาค ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เรื่องสิทธิเสรีภาพในภูมิภาค แต่ภายหลังการรัฐประหารปี 2549 ความเป็นผู้นำในด้านต่างๆ ของไทยในอาเซียนลดน้อยถอยลง จนหลายด้านอยู่ในอันดับรั้งท้าย การพัฒนาประชาธิปไตยหยุดชะงัก ส่งผลกระทบถึงการพัฒนาประเทศ ประชาชนและประเทศชาติเสียโอกาสหรือไม่
“ถ้าเรายังอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจะอยู่ดีกินดีมากกว่านี้หรือไม่ ประเทศจะได้รับความเชื่อมั่นมากกว่านี้ถ้าไม่มีการยึดอำนาจหรือไม่ มองย้อนกลับไป ถ้าประเทศไทยไม่มีการยึดอำนาจ ประเทศอาจจะก้าวไกลไปเกินกว่ายุคไทยแลนด์ 4.0 กลายเป็นไทยแลนด์ 5.0 เข้าสู่ยุค 5G ไปแล้วก็ได้” นายอนุสรณ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |