อย่าประมาท...นายใหญ่!!!


เพิ่มเพื่อน    

        โดยวัย-โดยสังขาร...โดยอายุ อานาม ของ นายใหญ่ ช่วงนี้ ก็น่าจะประมาณ 69 ย่าง 70 ปี ถ้าเทียบกันตาม มาตรฐานมหาธีร์ นายกรัฐมนตรีที่แก่สุดในโลกแห่ง เสือเหลือง-มาเลย์ ก็น่าจะยังมีเวลาเหลืออีกถึง 23-24 ปี พอที่จะสู้ตาย หรือสู้จนกว่าจะหมดลมปราณ ตามเจตนารมณ์และปณิธาน ว่าด้วยเรื่อง วอร์ และ แบทเทิล ที่เคยว่าๆ เอาก่อนหน้านี้...

                                -----------------------------------------------------

        คือท่านนายกฯ มหาธีร์ นั้น...ท่าน 93 ย่างเข้า 94 ยังสามารถโค่นล้ม นาจิบ ราซัค กลับมาเป็นผู้นำมาเลเซียได้เฉยเลย ส่วนจะอยู่กวนส้นตีนใครต่อใครอีกซักกี่ปี ต่อกี่ปี ยังมิอาจคาดคะเนได้ แต่ก็คง เหลือไม่มาก อยู่แล้วนั่นแหละ อาจอีกซักปี สองปี คงต้องส่งไม้ต่อให้กับ อันวาร์ อิบราฮิม อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ไม่งั้น...คงเลอะเทอะ เฟอะฟะ เผลอๆ...ถึงขั้นอาจต้องใส่ แพมเพิร์ส ระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิ์มาปรบมือเปาะๆ แปะๆ หรือเขย่าไป-เขย่ามา ต่อหน้าหนูๆ AKB ของญี่ปุ่น ได้แบบนายกฯ บิ๊กตู่ ของเราโดยเด็ดขาด...

                               ------------------------------------------------------

        แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าลองยังเหลือเวลาอีกถึง 23-24 ปี แบบ นายใหญ่ เข้าแล้ว แรงกระตุ้น แรงอัดฉีด ในการฮึดสู้เพื่อให้หวนกลับมามีอำนาจใหม่ให้จงได้ มันอาจรุนแรงระดับสามารถลุกขึ้นมาขยับแข้ง ขยับขาด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งบริการ AKB เอาเลยก็ยังได้ ด้วยเหตุนี้...รายการโพสต์โน่น โพสต์นี่ ทวิตนั่น ทวิตนี่ ของ นายใหญ่ ช่วงหลังๆ ดูๆ มันชักจะถี่ๆ อย่างเป็นพิเศษ แสดงออกถึงลักษณะอาการแบบสู้ตาย หรือสู้จนกว่าจะตาย อย่างเห็นได้โดยชัดเจน หรืออย่างมิพึงต้องสงสัยว่าจะ ต๊อแต๊ ว่าจะเข็ดแล้ว...ไม่เอาแล้ว!!! อย่างที่ใครต่อใครเคยตั้งข้อสมมุติฐานเอาไว้ก่อนหน้านี้...

                                 ---------------------------------------------------

        และการสู้คราวนี้...โดยปริมาณมันสมองในหัวกะโหลกของ นายใหญ่ คงน่าจะได้ข้อสรุปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ว่า โอกาสที่จะเอาชนะคะคาน กลับมาใหญ่ กลับมีอำนาจเหมียนเดิม ในช่วงระยะใกล้ๆ นั้น น่าจะไม่เหลือช่อง เหลือทางใดๆ โดยเด็ดขาด คือพูดง่ายๆ ว่า...ต่อให้แลนด์สไลด์ แอฝะลานช์ กันถึงระดับไหน แต่เมื่อต้องเจอกับวุฒิสมาชิก 250 คนในรัฐสภา เจอกับกองทัพบกภายใต้บารมีของ บิ๊กแดง ตลอดไปจนกองทัพเรือ กองทัพอากาศ ที่ผู้นำรุ่นราวคราวเดียวกันดาหน้าขึ้นมากันเป็นแผงๆ แถมต้องเจอกับเจ้าสัว เจริญเหล้า และ เจริญกับแกล้ม คอยชงเหล้าและคอยเสิร์ฟกับแกล้ม ให้กับปวงประดาขุนศึกทั้งหลาย ไม่ว่าหิมะถล่ม ดินทลาย ไปถึงขั้นไหน อย่างมาก...คงได้แต่ อดอยากปากแห้ง ในฐานะฝ่ายค้าน แบบที่อดีตนายกฯ บรรหาร ท่านเคยเอ่ยเอาไว้เป็นสัจธรรมนั่นแล...

                                -------------------------------------------------------

        ด้วยเหตุนี้...การสู้ของ นายใหญ่ ในคราวนี้ คงไม่ได้หวังผลแพ้-ชนะในยกแรก รอบแรก อยู่แล้วแน่ๆ แต่คงมองไปไกลถึงยกสอง ยกสาม หรือยกสี่โน่นเลย ซึ่งแม้จะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีต่อกี่ปี หรืออาจเป็นสิบปี ยี่สิบปีก็ตาม แต่โดย มาตรฐานมหาธีร์ แล้ว ก็ยังไม่ถึงกับ สายเกินไป ซักเท่าไหร่นัก หรือยังเหลือเวลาพอที่จะ เผาบ้าน-เผาเมือง ได้อีกซักสี่รอบ ห้ารอบ เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะเมื่อการสู้ในแบบแพ้-ชนะกันโดยเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด มันคงไม่อาจอาศัย วิถีทางรัฐสภา ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องพร้อมที่จะโค่นล้ม ทำลาย ทุบ กองบัญชาการ ใดๆ ก็ตามของฝ่ายตรงข้าม ไม่ให้มีโอกาสเผยอหน้าขึ้นมาได้อีก มันถึงจะนำไปสู่เป้าหมายแห่งชัยชนะในระดับ นิรโทษสุดซอย ได้แบบจริงๆ จังๆ...

                                  ------------------------------------------------------

        การที่ นายใหญ่ ตัดสินใจยกการ์ด จรดรูปมวย และเริ่มออกหมัดถี่ๆ ในช่วงนี้ จึงจะไปมองเพียงแค่ช่วงจังหวะใกล้ๆ แค่ยกแรก ช็อตแรก คงไม่ถึงกับน่าปลอดโปร่ง โล่งใจ กันซักเท่าไหร่นัก แต่ควรต้องหันมา มองข้ามช็อต ไปถึงยกสอง ยกสาม หรือยกสี่โน่นเลย เผลอๆ...ถ้า นายใหญ่ ยังดันไม่ถึงที่ตาย อาจต้องมองไปถึง ยกห้า คือยกที่แม้จะรวมคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว กรรมการชูมือ ชูไม้ ให้ใครเป็นฝ่ายชนะไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว แต่ข้างๆ เวทีอาจต้องต่อยกันต่อ หรืออาจต้องชุลมุน วุ่นวาย กับการหลบเก้าอี้ หลบรองเท้าแตะ ที่ปลิวขึ้นมาบนเวที ทำนองนั้น...

                                ----------------------------------------------------------

        และก็อย่างว่า...ด้วยเหตุที่ เงื่อนไข-เหตุปัจจัย ไม่ว่าโดยลักษณะโครงสร้างของสังคมไทย รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก มันยังไม่ได้เอื้ออำนวยต่อ ความสงบ-เรียบ-นิ่ง มากมายซักเท่าไหร่ ความผันผวน ปรวนแปร ในลักษณะต่างๆ มันยังสามารถหยิบเอามาใช้เป็น เงื่อนไข เป็น เหตุปัจจัย แห่งการ พลิกฟ้า-คว่ำดิน ได้เสมอๆ ดังนั้น...ถ้าหาก นายใหญ่ ยังไม่ตายและยังไม่คิดจะเลิกสู้ โอกาสที่จะเลี้ยงสังคมไทยให้โต หรือให้ อยู่เป็นสุข ก็ยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคมากบ้าง น้อยบ้าง ไปโดยตลอด ตามแบบฉบับ...“ถ้าหากผมยังไม่อยู่เป็นสุข ก็อย่าหวังเลยว่าใครจะอยู่เป็นสุขได้” อะไรประมาณนั้น...

                           ----------------------------------------------------------------

        สรุปรวมความแล้ว...อย่าเผลอไปประมาท หรือตั้งอยู่ในความประมาทนั่นแหละ น่าจะดีที่สุด ไม่ว่า นายใหญ่ ท่านจะยังมีฤทธิ์ มีเดช หรือไม่ เพียงใด มากหรือน้อยขนาดไหน แต่โดยคุณลักษณะพิเศษของท่านก็คงไม่ต่างอะไรไปจาก ไวรัส ในบางประเภทนั่นเอง ถ้าหาก ภูมิคุ้มกัน ของผู้ที่ถูกเชื้อแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ยังมั่นคง แข็งแรง ก็ยังพอเบาใจได้ แต่ถ้าจังหวะใด จังหวะหนึ่ง เกิดอาการ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสเจอกับ เอดส์ รับประทาน ย่อมต้องมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเท่านั้น...

                          ---------------------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Aristotle... “ I count him braver who overcomes his desires than him overcomes his enemies, for the hardest victory is victory over self.- ผู้ที่สามารถเอาชนะความกระหายอยากของตัวเองได้นั้น ข้าพเจ้าถือว่าเป็นผู้ที่กล้าหาญยิ่งกว่าผู้ที่เอาชนะศัตรู ด้วยเหตุเพราะการเอาชนะตนเอง คือชัยชนะที่ยากเย็นที่สุด...”

                           ---------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"