ภาพจากเพจ Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

19 ก.ย. 61 - นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า "ผมกับคุณช่อมาถึงสหรัฐฯวันแรก ก็ได้พบกับรองนายกเทศมนตรีของนครลอสแองเจลิส นินา ฮาชิแกน เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ทั้งเรื่องประชาธิปไตยในไทย และการพัฒนาเมืองของแอลเอ คุณนินาเป็นทูตประจำอาเซียนมาก่อน และเคยประจำการในอาเซียนในช่วงปีหลังรัฐประหาร 2557 จึงคุ้นเคยกับสถานการณ์การเมืองไทยดี เธอได้ให้กำลังใจผมและคนไทยทั้งประเทศ ในภารกิจทวงคืนประชาธิปไตยและการเมืองไทยให้กลับมาอยู่ในมือของประชาชนอีกครั้ง

นอกจากเรื่องการเมือง คุณนินายังเล่าให้ฟังถึงโครงการพัฒนาแอลเอในด้านต่างๆของอีริค การ์เซ็ตติ นายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนายกเทศมนตรีที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ ถึงขั้นมีข่าวว่าเขาจะลงสมัครประธานาธิบดีแข่งกับทรัมป์ในปี 2020 ผลงานที่โดดเด่นของการ์เซ็ตติคือการสร้างเครือข่ายนายกเทศมนตรีกว่า 400 คนทั่วสหรัฐฯ ยื่นความจำนงว่าเมืองใหญ่จำนวนมากในสหรัฐฯต้องการเคารพข้อตกลงปารีสว่าด้วยการรับมือสภาวะโลกร้อน แม้รัฐบาลทรัมป์จะถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว ถือเป็นการถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลกลางที่กล้าหาญ และคงทำไม่ได้หากปราศจากอุดมการณ์ที่แน่วแน่และกระแสมวลชนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

นายกเทศมนตรีแอลเอตั้งเป้าหมายเรื่องสิ่งแวดล้อมที่สำคัญไว้สามประการด้วยกันได้แก่ ไฟฟ้าที่ใช้ในแอลเแทั้งหมดต้องมาจากพลังงานสะอาดภายในปีคศ. ๒๐๕๐, การขนส่งมวลชนทั้งหมดต้องใช้ยานพหนะที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะภายใน ๒๐๓๐ และการฟื้นฟูธรรมชาติลุ่มน้ำในแอลเอทั้ง ๕๑ ไมล์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อใที้นั่งยืนและจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อลดภาวะภัยแล้ง

นอกจากนี้นครแอลเอยังมีโครงการลดอุบัติเหตุบนถนนเป็นศูนย์ภายในปี 2025 ลดการใช้รถยนต์เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและมลภาวะ ไปจนถึงการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐในทุกระดับ แม้แต่จำนวนวินาทีที่ชาวเมืองต้องรอสายเมื่อโทรเข้ามาร้องเรียนภาครัฐ

คุณนินายืนยันว่า ยิ่งเปิดเผยข้อมูลมาก รัฐยิ่งโปร่งใส เพราะประชาชนจะมีอำนาจตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลท้องถิ่น ในขณะเดียวกันรัฐบาลท้องถิ่นเองก็จะประเมินการทำงานของตนเองได้ถูก ว่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน

แอลเอเป็นตัวอย่างที่ดีของรัฐบาลท้องถิ่นที่เข้มแข็ง เมื่ออำนาจรัฐอิงแอบกับประชาชนผ่านการเลือกตั้ง รัฐย่อมทำดีที่สุดเพื่อรับใช้ประชาชน และประชาชนเองจะเป็นผู้ตรวจสอบถ่วงดุลรัฐผ่านหลัก Open Data

นี่คือการปกครองประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง"