แม้วส่งซิกปลุกสมุน อ้าง11ปีผ่านพวกเราถูกรังแก/‘ประยุทธ์’พลิ้วไม่ตอบจุดยืน


เพิ่มเพื่อน    

  ปลาไหลเรียกพี่ “ประยุทธ์” ยังไม่แจงจุดยืนทางการเมือง อ้างเคยบอกหลังบอกกฎหมายลูกผ่านแต่ไม่ได้ตีเส้นเวลาไว้ ลั่นจะออกมาให้โดนด่าตั้งแต่วันนี้ทำไม “อดิศร” โผล่อัดศรีธนญชัย “บิ๊กตู่” โปรยยาหอมรักชาวเพชรบูรณ์ เลิกทะเลาะ ต้องรู้จักนายกฯ มาจากตรงไหน “สรรเสริญ” ปูดนายกฯ สั่ง มท.เร่งทำความเข้าใจหลังมีข่าวแพลมให้ทำลายบัตรหรือกาไม่เลือกใคร “กกต.” คลอดระเบียบแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว "แม้ว" โผล่ 11 ปีผ่าน สันดานไม่เปลี่ยน อ้างถูกกลั่นแกล้งรังแก!

เมื่อวันอังคาร ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ถึงเรื่องการปลดล็อกการเมือง ว่าก็รับฟังข้อสังเกตต่างๆ เข้ามา รวมถึงที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมเข้าประชุมมา ก็ได้ข้อสังเกตมาว่ามีการติดล็อกตรงไหนบ้าง ซึ่งเราก็มีมาตรการคลายล็อกในช่วงนี้ ซึ่งทั้งหมดต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่ออกมา ซึ่งกฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในอีก 90 วันข้างหน้า ก็จะครบกำหนดในประมาณวันที่ 16 ธ.ค. หลังจากนี้ก็จะปลดล็อกให้หาเสียงทำนองนี้
“ช่วงนี้ผมขอให้บ้านเมืองสงบก่อนได้หรือไม่ ถ้าผมเป็นนักการเมือง ผมว่าสิ่งที่ออกมานั้น ผมทำได้ไม่เห็นจะยากเย็นอะไร ถ้าทุกคนมีเจตนาทำให้บ้านเมืองปกติสุข แต่ทุกคนต้องการเวลาหาเสียงมากขึ้น แล้วใส่กันไปมา เวลาที่มีถ้าทุกคนบอกว่าน้อย ทุกคนก็ควรแถลงนโยบายของตัวเองออกมาว่าจะทำอะไร สังคมยอมรับได้หรือไม่ จะไปล้มล้างอะไรหรือไม่ ทำนองนี้ สิ่งที่ดีมีอยู่แล้วจะไปยกเลิก ถ้าประชาชนตอบรับประเทศชาติจะยิ่งไปกันใหญ่ ความมั่นคงปลอดภัย ความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จะไปอยู่ที่ไหนกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า การคลายล็อกคิดว่าพอเพียงแล้ว ใครที่บอกว่าไม่พอไว้รอเป็นรัฐบาลก็ค่อยไปทำกันเอาเอง 
เมื่อถามว่า นายกฯ จะพบนักการเมืองในช่วงคลายล็อกหรือปลดล็อก พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ต้องปลดล็อกที่จะไปว่ากันโน้น ยังไม่พบหรอก แม้ไม่พบก็มีคนพบอยู่แล้ว จะพบวันไหนยังไม่รู้ ถึงเวลาจะพิจารณาเอง คุณจะมาถามเอาอะไร 
          ถามอีกว่า ก่อนหน้านี้ นายกฯ เคยระบุว่าหากประกาศใช้กฎหมายลูก 2 ฉบับจะประกาศจุดยืนทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ลากน้ำเสียงตอบว่า “จะมาสนใจอะไรกับผม ผมเคยบอกว่าเมื่อหลัง พ.ร.ป.ออกมา ตอนนี้หลังหรือยัง ซึ่งหลังจากนี้ไปถึงปีหน้าปีโน้นก็ถือว่าหลังหมด ผมจะพูดเมื่อไหร่ก็เรื่องของผม”
เมื่อย้ำว่า แสดงว่าต้องเลย 90 วันไปแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า “วันนี้ยังไม่รู้ ผมจะตัดสินใจเอง เรื่องอะไรผมจะออกมาให้โดนด่าตั้งแต่วันนี้เล่า สื่อก็หาเรื่องผมทั้งวันนั่นแหละ วุ่นวายจริงๆ เลย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯ ได้ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์เพื่อไปปฏิบัติภารกิจต่อ โดยได้หันมาพูดกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มๆ พร้อมขยิบตา และกล่าวว่า วันนี้อารมณ์ดี เมื่อถามว่าสัปดาห์หน้าจะประกาศท่าทีที่ชัดเจนหรือไม่ นายกฯ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ยังไม่บอก ปล่อยให้งง
ทั้งนี้ การลงพื้นที่ของนายกฯ นั้น ในช่วงเช้าที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สาขาคลองศาลา อ.เมืองเพชรบูรณ์ พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะเป็นประธานพิธีเปิดอาคารศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ และเยี่ยมชมการดำเนินงานของคลินิกหมอครอบครัว 
โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามประชาชนที่มาต้อนรับกว่า 500 คน ว่ารักหมอหรือไม่ ก่อนกล่าวต่อทันทีว่า ถ้ารักหมอทุกก็คงไม่เกลียดนายกฯ เพราะนายกฯ ที่ทำก็ทำเพื่ออนาคต ดีหรือไม่ที่บ้านเมืองสงบเช่นนี้ วันนี้บ้านเมืองไม่มีทะเลาะเบาะแว้ง คนไทยมักทะเลาะเบาะแว้ง เพราะมีความคิดเห็นที่หลากหลาย เราไม่สามารถบังคับใครได้ แต่ต้องหาจุดกึ่งกลางให้ได้ เพราะแม้กระทั่งเรื่องละครก็ยังทะเลาะกัน ไม่อยากให้ทะเลาะกันเอง ในฐานะนายกฯ พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยไม่นึกถึงตัวเอง เพราะถ้าไม่จำเป็นคงมายืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้
โปรยยาหอมรักทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวอีกว่า การที่ตนเองเข้ามาทำให้ทุกอย่างดีขึ้นหรือไม่ ใครไม่รักไม่เป็นไร แต่รักพวกคุณก็แล้วกัน ประเทศนี้ถ้าไม่มีพลเรือน ตำรวจ ทหาร ก็อยู่ไม่ได้ ไหนใครบอกว่าไม่ต้องมีทหาร แล้วถ้ามีอะไรขึ้นมาใครจะมาช่วยพวกท่าน เพราะทหารอยู่ในกรม กอง ในกองร้อย เรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ได้มีทหารไว้ให้ตนเองปฏิวัติ เข้ามาเพราะเหตุผลจำเป็น เป็นสถานการณ์ที่ต้องเข้ามา ถามว่าถ้าไม่มีทหารและตำรวจภาคใต้จะเป็นอย่างไร ดังนั้นอย่าไปฟังเวลาที่เขาพูด พวกนั้นต้องการแบ่งแยกหรือเปล่า ที่บอกว่าให้เอาทหารออกไปจากพื้นที่ ถ้าออกไปเมื่อไหร่ก็เสร็จเมื่อนั้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงการเดินหน้าเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย จึงขอให้มีหลักการและหลักคิดที่ถูกต้อง ว่าประเทศควรเดินหน้าไปอย่างไร การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นบัตรเลือกตั้ง ไม่ใช่นอนอยู่บ้านไม่ไปกาบัตรใช้สิทธิ์ หรือทำลายบัตรเลือกตั้ง วันนี้เรามีกฎหมายการเลือกตั้งใหม่ ที่พรรคการเมืองต้องเสนอชื่อคนเป็นนายกฯ และนโยบายพรรค ถ้าเรายังไม่รู้ว่าจะเลือกเบอร์ไหน แต่กลับไปถามบ้านข้างๆ แล้วเลือกตาม ตรงนี้ถือว่าจบ
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามกลุ่มผู้สูงอายุที่มาต้อนรับว่า เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้ไปใช้สิทธิ์หรือไม่ ซึ่งผู้สูงอายุกล่าวตอบว่า ไปเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์จึงพูดยิ้มๆ เชิงกระเซ้าว่า แล้วเลือกใคร ก่อนรีบบอกว่า ไม่ต้องบอก ไม่ได้ถาม ขณะที่ประชาชนได้ตะโกนส่งเสียงเชียร์ว่ารักลุงตู่ อยากให้ลุงตู่เป็นนายกฯ ต่อไป พล.อ.ประยุทธ์จึงได้หันมาตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนที่เดินขึ้นรถว่า "จ้ะ" 
จากนั้นนายกฯ ได้เดินทักทายและร่วมถ่ายภาพกับประชาชนกลุ่มต่างๆ พร้อมกล่าวว่า “การเลือกตั้งอย่าไปเลือกอะไรเรื่อยเปื่อย วันนี้ไม่ได้มาหาเสียง แต่มาพบกับประชาชน อย่าให้ใครมาว่าผมมาหาเสียง มาในฐานะนายกฯ และการเลือกตั้งครั้งหน้า ทุกคนต้องรู้ก่อนว่านายกฯ มาจากตรงไหน ซึ่งจะมาจากพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลและตั้งนายกฯ เป็นหลักการที่ทุกคนต้องรู้ ผมไม่ได้พูดถึงตัวเอง แต่ทุกพรรคต้องเสนอคนจะขึ้นมาเป็นนายกฯ ก่อน”
จากนั้นเวลา 14.30 น. ที่หอประชุมประกายเพชร มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 และเป็นสักขีพยานมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประธานป่าชุมชน 5 จังหวัด โดยมีประชาชนมาต้อนรับกว่า 1,000 คน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เวลานี้ถือว่าเป็นช่วงสำคัญในการก้าวสู่ประชาธิปไตย การเลือกตั้งถ้าคิดแบบเดิม เราจะเดินก้าวแรกไม่ได้ การเลือกตั้งประชาธิปไตยถือเป็นก้าวที่สอง ซึ่งเราจะเดินไปอย่างไร หรือเราจะถอยกลับไปที่เดิมอย่างเก่า หลายสิ่งที่เราทำมาดีขึ้นกว่าเดิม หลายคนเข้ามาทำการเมืองก็ลงพื้นที่ถามท่าน พอถึงเวลาก็ไปดูว่าที่รับปากไปแล้วทำไมถึงทำไม่ได้ แปลกไหม แต่ไม่ต้องกลัวว่ารัฐบาลนี้จะไม่ดูแลท่าน เพราะถึงไม่เสนอ ก็มีแผนดูแลให้ รัฐบาลหน้าต้องเป็นแบบนี้ ดูแลคนทั้งส่วนใหญ่และส่วนน้อย ทั้งคนที่เลือกและไม่เลือก ต้องไม่ขัดแย้ง และที่ผ่านมาหลายอย่างถูกครอบงำ ต้องปลดล็อกให้ได้ ทั้งปลดล็อกตัวเองและส่วนรวม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต่อไปเมื่อปลดล็อกการเมือง คงวุ่นวายพอสมควร ซึ่งไม่อยากยุ่งกับการเมือง แต่การเมืองก็อย่ามายุ่งกับการทำงานของรัฐบาลในเวลานี้ เราต้องการทำให้พี่น้องประชาชน อย่าทำให้สิ่งที่รัฐบาลทำเวลานี้ล้มเหลว เพราะเสียดายเวลาที่ทำมา บางคนอาจคิดว่าเข้ามาทำไม ทั้งที่ไม่ได้จ้างให้เข้ามาเลย แต่ยืนยันว่าถ้าไม่เดือดร้อน ไม่จำเป็นก็คงไม่เข้ามาอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่เด็กเป็นทหารเก่ามา เห็นแววตาประชาชนว่างเปล่า จึงต้องมาแก้ในเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่ให้เงินอย่างเดียว 
สั่งแจงอย่าทำบัตรเสีย
พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า การเลือกตั้งอยู่ในมือของพวกท่าน ฉะนั้นอย่าไปเชื่อใครที่บอกว่าไม่ต้องไปเลือก ให้อยู่อย่างนี้ ไม่ต้องไปเลือกเลย เพราะการทำเช่นนั้นอันตรายที่สุด และคนที่ไปเลือกก็จะเหมือนจัดตั้งไว้แล้ว และสุดท้ายก็ได้การเมืองแบบเดิม ประชาธิปไตยต้องไม่ทำให้ประเทศชาติขัดแย้งเหมือนเดิม แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่กับเราไปตลอด 
“ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ใดๆ ผมปักเสาเข็ม ทำหลังคาไว้ให้เรียบร้อย เหลือแต่ทำบ้านให้แข็งแรงสมบูรณ์ ซึ่งทุกคนเป็นส่วนประกอบของบ้านหลังใหญ่ นั่นคือประเทศไทย ซึ่งมีทั้งคน ดิน น้ำ อากาศ เป็นประเทศที่ไม่ใช่เพียงที่ดินเปล่าๆ โล่งๆ เพราะทุกคนคือส่วนประกอบของบ้าน แต่บ้านต้องมีความแข็งแรงและศักยภาพ ที่ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง ขออย่าทำร้ายหรือเหยียบย่ำด้วยอะไรทั้งสิ้น อย่าเกลียดผม เกลียดก็ได้ ไม่รักผมก็ได้ ถ้ารักผม ก็ให้รักนั้นนานๆ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
          พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้ำให้ทุกกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าต้องให้ความรู้กับประชาชน เนื่องจากมีข่าวในลักษณะทำนองว่าเชิญชวนประชาชนไปเลือกตั้งในรูปแบบและลีลาแปลกๆ เช่น ไปทำให้บัตรเสีย โดยวิธีแนบเนียนมากที่สุด หรือแม้แต่กาบัตรไม่เลือกใครเลย นายกฯ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนว่าถ้าทำเช่นนั้นผลเสียจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง
“นายกฯ ระบุว่ามีข้อมูลมาอย่างนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าได้มาจากช่องทางไหนอย่างไร เชื่อว่าคงได้รับรายงานทางใดทางหนึ่ง เพราะปกตินายกฯ มักได้ข้อมูลข่าวสารจากหลายช่องทางอยู่แล้ว” พล.ท.สรรเสริญกล่าว
ขณะที่ พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นห่วงการดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ภาคใต้ ที่หัวคะแนนทางการเมืองเริ่มเคลื่อนไหว ว่ายังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว แต่ยืนยันสถานการณ์โดยรวมขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ด้านนายอดิศร เพียงเกษ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ประกาศจุดยืนทางการเมือง โดยบอกว่าหลังกฎหมายโปรดเกล้าฯ แต่ไม่ได้บอกว่าหลังเมื่อไหร่ ว่ากลายเป็นศรีธนญชัยไปแล้ว จะเละไปกันใหญ่ ความน่าเชื่อไม่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่เด็กอมมือ เป็นเรื่องที่ท่านพูดเอง ซึ่งถ้าท่านไม่พูด คนก็ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเมื่อไหร่ 
“ผมรัฐบาลหน้าจะยกเลิกคำสั่ง คสช.ทั้งหมด สิ่งที่ คสช.ทำทั้งหมดถือว่าเป็นมรดกบาป การคลายล็อกครั้งนี้ย้ำเลยว่าเป็นเผด็จการ เพราะห้ามหาเสียงอีก แต่คุณใช้ข้อได้เปรียบอยู่ตลอด ครม.สัญจรเป็นว่าเล่น พูดเรื่องการเมืองทุกวินาที แต่ฝ่ายที่เป็นพรรคการเมืองคุณล็อกไว้ทุกอย่าง” นายอดิศรกล่าว
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์คิดจะเล่นการเมือง ควรแสดงตัวอย่างเปิดเผย อย่าทำเป็นกำกวม ประชาชนจะได้รู้กันไปเลยว่าโครงการประชารัฐ แท้ที่จริงแล้วเป็นเครื่องมือหาเสียงช่วยผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เพราะชื่อพรรคเป็นยี่ห้อของ พล.อ.ประยุทธ์อย่างชัดเจน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์คิดจะเล่นการเมือง ก็เป็นสิทธิ์และไม่มีใครห้ามได้ แต่การใช้งบประมาณของหลวงหาเสียงให้ตัวเองถือเป็นพฤติกรรมที่น่าละอาย
ขณะเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองกังวลเกี่ยวกับการหาเสียงในโซเชียลมีเดียว่า ถ้าสงสัยอะไรให้ไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ต้องกลัวว่า กกต.จะตีความผิด เพราะเขาเป็นผู้เขียนคำสั่งเอง ถ้า กกต.ตีความผิด ก็ให้ผิดตาม กกต. แล้วจะได้ไม่ผิด
ระเบียบแบ่งเขตคลอดแล้ว
     ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. แถลงว่า กกต.ได้เห็นชอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะประชุม กกต.เพื่อแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งตามระเบียบกำหนดให้ภายใน 3 วัน กกต.ต้องประกาศจำนวน ส.ส.ที่แต่ละจังหวัดพึงมี จากนั้นผู้อำนวยการ กกต.ประจำจังหวัดจะนำจำนวน ส.ส.แต่ละจังหวัดไปทำการแบ่งเขตเลือกตั้งในจังหวัดนั้นๆ ใช้เวลา 14 วัน ก่อนปิดประกาศที่หน้าสำนักงาน กกต.จังหวัด หรือศาลากลาง เป็นเวลา 10 วัน ให้พรรคการเมืองและประชาชนแสดงความคิดเห็น และภายใน 3 วันหลังสิ้นสุดการรับฟังความเห็น ผู้อำนวยการ กกต.ประจำจังหวัดประมวลความเห็นแล้วไปพิจารณาก่อนรายงาน กกต. ซึ่ง กกต.มีเวลาพิจารณาชี้ขาดภายใน 20 วัน รวมไม่เกิน 45-50 วัน จะได้เขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัด โดยคาดไว้ว่าใช้เวลาประมาณ 60 วัน แต่ละพรรคจะได้คัดเลือกผู้สมัครโดยกรรมการสรรหาผู้สมัครของแต่ละพรรคการเมือง
     พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า จำนวนราษฎรที่จะใช้ในการแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น ตามระเบียบนี้ให้ใช้จำนวนราษฎรทั้งประเทศที่สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ประกาศเรื่องจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2560 ซึ่งจำนวนประชากรต่อ ส.ส. 1 คน จะใช้ประชากร 189,110 คน และแม้ว่าในอนาคตการวันเลือกตั้งจะไม่ใช่วันที่ 24 ก.พ.2562 และมีการประกาศจำนวนราษฎรใหม่ก็ไม่กระทบกับการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ดำเนินการไป เพราะกฎหมายให้ยึดประกาศในปีสุดท้ายก่อนปีที่มีการเลือกตั้ง 
“วันเลือกตั้งที่แน่นอนนั้น จะชัดเจนในการประชุมร่วมกันระหว่าง คสช. แม่น้ำห้าสาย กกต. และพรรคการเมืองรอบสอง ส่วนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ขณะนี้ผ่านความเห็นชอบของ กกต.แล้ว อยู่ระหว่างตรวจทานคำถูกผิด จากนั้นจะเสนอให้ประธาน กกต.ลงนาม คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ไม่เกินสัปดาห์หน้า” พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว
วันเดียวกัน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้ลงนามในระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 และประกาศแล้วในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 135 ตอนที่ 72 ก ราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ในตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ซึ่งเนื้อหาของระเบียบดังกล่าวมีทั้งสิ้น 4 หน้า และมีเนื้อหาทั้งสิ้น 12 ข้อ 
นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนากล่าวว่า พรรคได้ทำหนังสือเพื่อขออนุญาตจัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 2 ต.ค. และขออนุญาตจัดประชุมใหญ่ของพรรควันที่ 5 ต.ค. รวมถึง ขออนุญาตรับสมัครสมาชิกใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. เป็นต้นไปต่อ กกต.แล้ว 
     “ยังมีประเด็นที่ต้องสอบถาม กกต. คือเรื่องว่าด้วยการจัดให้มีคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง จำนวน 11 คน ตามกฎหมายระบุว่า จัดให้มี แต่วิธีปฏิบัติไม่ชี้ชัดว่าจะใช้การเลือกตั้งคณะกรรมการฯ ผ่านที่ประชุมใหญ่ หรือใช้รูปแบบเสนอชื่อเพื่อให้สมาชิกที่ร่วมประชุมลงมติรับรอง ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก ดังนั้นตัวแทนของ กกต.และรัฐบาล โดยเฉพาะนายวิษณุ ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าจะให้ใช้เลือกตั้ง หรือการเสนอชื่อ เพื่อไม่ให้พรรคการเมืองเกิดปัญหาข้อปฏิบัติ” นายนิกรกล่าว
แม้วโพสต์ 12 ปีรัฐประหาร
    วันเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหนีคดี โพสต์ข้อความ "12 ปี จาก 19 กันยายน 2549 ถึง 19 กันยายน 2561 ลงในเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาว่า "วันนี้ผมอยากให้ทุกท่านลองวางใจให้เป็นกลาง แล้วหลับตานึกว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ ท่านคิดว่าประเทศไทยเจริญขึ้นแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา ระบบราชการบริการประชาชน ยาเสพติด การสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจของท่านเอง รวมถึงความสุขของท่านและคนรอบตัวท่าน สุดท้ายคือศักดิ์ศรีประเทศและความภูมิใจของท่าน
    เรามีการปฏิวัติ 2 ครั้งใน 12 ปี ปฏิวัตินายกฯ ที่เป็นพี่น้องกันและได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แน่นอนมีคนได้ดีและร่ำรวยจากการปฏิวัติทั้ง 2 ครั้ง แต่คนที่แย่ลงในหลายมิติมีมากกว่า และไม่สำคัญเท่ากับประเทศไทยที่เรารักถูกมองแย่ลงในสายตาคนทั้งโลก เราถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหันหน้ามาปรึกษาหารือกันเพื่อบ้านเมือง หรือว่าเราจะตะแบงฟาดฟันกันฝ่ายเดียว ทั้งๆ ที่เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นที่ต่างกัน ชอบไม่เหมือนกัน บางคนต้องถึงกับชีวิต บางคนเจ็บป่วย บางคนติดคุก บางคนถูกกลั่นแกล้งทางธุรกิจ ทางอาชีพและตำแหน่งหน้าที่ราชการ จนอยากจะตะโกนแรงๆ ว่าเราคนไทยด้วยกันไม่ใช่หรือ
    แล้ววันนี้เราช้ำกันพอแล้วหรือยัง ประเทศช้ำพอแล้วหรือยัง รอยยิ้มของไทยที่เรียกว่ายิ้มสยามหายไปไหนหมด แล้วเราจะอยู่กันแบบนี้ ในขณะที่โลกเขากำลังเอาสมองไปคิดค้นสิ่งใหม่ นำความเจริญให้ประเทศเขา แต่เรากำลังล้าหลังในทุกๆ ด้าน ถ้าเราเปิดใจกว้าง ไม่เป็นกบน้อยในกะลา เราจะรู้ว่าเราต้องปรับปรุงและพัฒนาอีกเยอะ เทคโนโลยีที่ทั้งโลกกำลังใช้ประโยชน์มันกำลังจะไล่ล่าประเทศที่ปรับตัวไม่ทันและไม่คิดปรับตัว
    ในโอกาสครบรอบ 12 ปีนี้ ผมขอเปิดอกว่าผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นผมต้องสูญเสียความสุข ความอบอุ่นในครอบครัวผม ที่พ่อแม่ลูกเราอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นมาตลอด ต้องมาพรากจากกัน ผมเสียใจที่คนที่รักผม สนับสนุนผมถูกรังแก แต่คงไม่เสียใจเท่าประเทศที่ผมรัก แผ่นดินที่ผมเกิด และเติบโตมา ซึ่งครั้งหนึ่งได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ต้องมาตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ ถึงแม้ว่าผมมีอายุที่กำลังก้าวเข้าปีที่ 70 แล้ว แต่ผมเสียดายประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 12 ปีที่ออกมา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ขอขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่ 12 ปีแล้วยังไม่ลืมผม ยังส่งผ่านความรักความปรารถนาดีมาถึงกันเสมอมา สุดท้ายนี้ผมขออโหสิกรรมให้กับทุกคนที่ให้ร้ายกลั่นแกล้งผมมา ณ ที่นี้ด้วย.
                


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"