ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" วันพุธที่ 19 ก.ย.นี้ ครบรอบ 12 ปี รัฐประหาร 19 ก.ย.49 โดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ซึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นหัวหน้าฯ ยึดอำนาจล้ม รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ทำให้ 12 ปีที่สังคมไทยต้องจมปลักอยู่กับวิกฤติความขัดแย้ง โดยที่ยังไม่มีฝ่ายไหนยอมความรับความผิดพลาด ทักษิณ ก็ยังโอดครวญว่าถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้ง ทำให้ครอบครัวต้องพลัดพราก ยังไม่สำนึกผิดว่าตนเองสร้างเงื่อนไขให้เกิดวิกฤติจากการกินรวบแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม-องค์กรอิสระ และกลไกการตรวจสอบ จนเกิดมหกรรม โกงทั้งโคตร แต่การรัฐประหารก็ตอกลิ่มสร้าง ความคับแค้น ให้ฝ่ายมวลชนทักษิณกลายเป็นความแตกแยกบานปลายจนถึงทุกวันนี้...0
ส่วนการยึดอำนาจวันที่ 22 พ.ค.57 นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าบ้านเมืองถึงทางตัน กองทัพต้องเข้ามาหย่าศึก แต่ระยะเวลากว่า 4 ปี ที่รัฐบาล คสช.เข้ามาจัดระเบียบประเทศก็เพียงหยุดความขัดแย้งไว้ชั่วคราว การปฏิรูปประเทศที่ประชาชนเรียกร้องก็ได้แค่แผนยุทธศาสตร์ 20 ปี แกนนำ คสช.ก็อยากสืบทอดอำนาจอีก แต่เมื่อนับถอยหลังต้องเลือกตั้งก็ยังไม่มั่นใจว่าพรรคการเมืองฝ่ายตนเองจะชนะ เพราะอย่างนี้หรือป่าว เมื่อถูกถามถึงที่เคยระบุว่า หากประกาศใช้กฎหมายลูก 2 ฉบับ จะประกาศจุดยืนทางการเมือง จึงทำให้ บิ๊กตู่ หงุดหงิด ว่า “จะมาสนใจอะไรกับผม ผมเคยบอกว่าเมื่อหลัง พ.ร.ป.ออกมา ตอนนี้หลังหรือยัง ซึ่งหลังจากนี้ไปถึงปีหน้าปีโน้นก็ถือว่าหลังหมด ผมจะพูดเมื่อไหร่ก็เรื่องของผม...วันนี้ยังไม่รู้ ผมจะตัดสินใจเอง เรื่องอะไรผมจะออกมาให้โดนด่าตั้งแต่วันนี้เล่า!"...0
จากลีลาพลิ้วไหวแบบนักการเมือง ทำให้ สหายศรชัย-อดิศร เพียงเกษ แกนนำ นปช. โต้กลับว่า "กลายเป็นศรีธนญชัยไปแล้ว" ทั้งนี้ เพราะหลายฝ่ายเชื่อว่า บิ๊กตู่ จะตัดสินใจเป็นผู้ถูกพรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็ยังเดินสายประชุม ครม.สัญจรเสมือนการหาเสียงล่วงหน้าเอาเปรียบคนอื่น ที่น่าสนใจคือ บิ๊กตู่ กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับขณะลงพื้นที่ช่วงเช้าที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ตอนหนึ่งว่า "การเลือกตั้งครั้งหน้า ทุกคนต้องรู้ก่อนว่า นายกฯ มาจากตรงไหน ซึ่งจะมาจากพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และตั้งนายกฯ เป็นหลักการที่ทุกคนต้องรู้" หากตีความตามคำพูดแบบเคร่งครัดก็ย่อมหมายถึงพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล...0
เมื่อดูข้อเท็จจริงทางการเมืองในเวลานี้ เซียนทุกสำนักก็ฟันธงว่า พรรคเพื่อไทย มีโอกาสได้คะแนนเลือกตั้งอันดับ 1 ตามมาด้วยพรรคประชาธิปัตย์ การที่ บิ๊กตู่ ยืนยันหลักการนี้ก็เข้าทางพรรคเพื่อไทย แล้วจะพูดทำไมเมื่อตนเองพร้อมจะให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ และหากพรรคฝ่ายตนเองไม่ได้เสียงอันดับ 1 ก็สามารถรวบรวม ส.ส. 126 เสียง บวกกับ ส.ว.อีก 250 ก็ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ 2 สภา เปิดทางดันตัวเองเป็นนายกฯ ได้ เว้นเสียแต่ว่าพรรคการเมืองฝ่ายตนเองจะชนะเลือกตั้งอันดับ 1 ซึ่งเมื่อมองดูแล้วโอกาสยังริบหรี่ แต่ก็ต้องเตือนสติไว้เหมือนกันว่า หากพรรคการเมืองที่ไม่ได้ชนะอันดับ 1 แต่ไปรวบรวมเสียงพรรคอื่นมาบวกกับ ส.ว.เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้รัฐธรรมนูญเปิดทางให้ทำได้ แต่ก็ขาดความชอบธรรม สวนทางกับประเพณีและวัฒนธรรมการเมืองในระบอบประชาธิปไตย จะสร้างเงื่อนไขให้ม็อบลงถนนอีกครั้ง...0
เช่นเดียวกับกรณีกลุ่มผู้พิพากษา นำโดย นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล อธิบดีผู้พิพากษาภาค 2 เข้าชื่อขอถอดถอน นายชำนาญ รวิวรรณพงษ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา และกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมผู้ทรงคุณวุฒิ (ก.ต.) ในศาลฎีกาพ้นจากตำแหน่ง ก.ต. ซึ่งผู้พิพากษาที่ลงชื่อก็มองว่าผู้ถูกถอดถอนแสดงพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามประเพณีและวัฒนธรรมของฝ่ายตุลาการ ล่าสุด นายชำนาญ หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ก.ต.เป็นการชั่วคราวจนถึงวันนับคะแนน 26 ต.ค.นี้ สำนักงานศาลยุติธรรมให้ผู้ถูกถอดถอนส่งคำชี้แจงภายในวันที่ 25 ก.ย. แล้วปิดประกาศที่ศาลทั่วประเทศ พร้อมทยอยจัดส่งบัตรลงคะแนนการถอดถอนทางไปรษณีย์ให้ผู้พิพากษาทั่วประเทศ 4,493 ราย ลงมติ ซึ่งตามเกณฑ์ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง จากที่ลงชื่อขอถอดถอน 1,734 ราย ก็เท่ากับหากมีเสียงอีก 513 ก็จะถอดถอนสำเร็จ กลายเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตุลาการ...0
แซมซาย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |