หยุดสกัด "นั่งร้าน" กลับมารักษาเก้าอี้


เพิ่มเพื่อน    

       เมื่อดูสาระสำคัญของ รธน.กำหนดให้ผลการเลือกตั้งออกมาไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียงเด็ดขาดจัดตั้งรัฐบาลเพียงลำพัง   
       การสืบทอดอำนาจของ คสช. ภายใต้พรรคพลังประชารัฐ โดยให้กลุ่มสามมิตรจัดหา ส.ส. จำเป็นต้องเล่นบทสร้างสรรค์ ไม่ก่อความแตกแยกขัดแย้ง เพื่อชักชวนพรรคพันธมิตรเป็นนั่งร้านสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ รอบสอง 
       ที่ผ่านมาการแสดงออกไม่เป็นเช่นนั้น นอกจากวางบทเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ดูดและโจมตีอดีต ส.ส.ฝ่ายตรงข้าม ยังเปิดเกมการเมืองหาเสียงล่วงหน้าอย่างโจ๋งครึ่ม โดยผู้มีอำนาจยักคิ้วหลิ่วตาให้และร่วมซ้ำทางลับ สร้างความแตกแยกไปทั่ว
        พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ ไม่ต้องพูดถึง ถูกสกัดทุกรูปแบบเขี่ยให้พ้นเส้นทางอำนาจ ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้มีอิทธิพลเหนือพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ระยะหลังท่าทีเปลี่ยนไป ก็ถูกจับเป็นตัวประกัน หลัง ป.ป.ช.ตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนคดีโรงพักตำรวจ
       ไม่ต่างกับพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่กำลังเล่นบทกั๊ก ก็เตรียมถูกโละทิ้ง ด้วยข้อหาเด็กดื้อ จากสนิมเนื้อในสมาชิกสาย กปปส. รวมทั้งกระแสข่าวว่า คสช. ส่งคนเข้าไปยึดพรรค  
       แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ พรรคการเมืองที่ออกตัวเป็นกองหนุน คสช.ชัดเจน ก็ไม่ถูกละเว้น แถมยังไฟเขียวให้นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯ กลุ่มสามมิตร อดีต ส.ส.นครราชสีมา ออกมาสาดโคลนให้ยุบพรรคชาติไทยพัฒนา  ยึดสมรภูมิโคราชเป็นของพรรคพลังประชารัฐ ร้อนไปถึงนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรค ต้องส่งคนออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ เช่นเดียวกับนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชลและที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก็ต้องสยบข่าวว่าไม่ยุบรวมกับใครอย่างที่มีกระแสข่าวแน่นอน
        แต่ที่หนักหน่อยก็คือกับพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องแย่งชิงส.ส.กับกลุ่มสามมิตรในภาคอีสานโดยตรง ก็ถูกแรมโบ้อีสาน-นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แนวร่วมกลุ่มสามมิตรเปิดฉากให้ กกต.ยุบ ภท. โดยอ้างว่าผู้สมัคร ภท.ในจังหวัดนครราชสีมาเก็บบัตรประชาชนล่วงหน้า  
         รวมทั้งผู้มีอำนาจในกลุ่มสามมิตร ที่เกี่ยวโยงกับโครงการ EEC ส่งลิ่วล้อแถวๆ จ.สุรินทร์ และ จ.ร้อยเอ็ด  ออกมาดิสเครดิตนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแสดงความเห็นว่า “ขอให้นำกฎเกณฑ์ใน EEC ไปปรับใช้กับส่วนอื่นๆ ของประเทศให้เกิดความเท่าเทียม” เพราะไม่พอใจการติติงโครงการยักษ์ที่ตัวเองรับผิดชอบ   
        ล่าสุดยังมีการปล่อยข่าวจากภายนอก ขุดรอยร้าวเสี้ยมให้เกิดความแตกแยก ระหว่างเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ที่มีภาพเอนเอียงมาทาง คสช. กับนายอนุทิน ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพรรคเพื่อไทย ว่าใครคือผู้ครอบงำพรรคตัวจริง พร้อมโจมตีว่า “บิ๊กเน” อาจเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เนื่องจาก “เสี่ยหนู” ช่วงนี้บินทะยานขึ้นชั้นการเมืองแบบก้าวกระโดด และกังวลว่าจะคุมไม่อยู่    
        ทั้งที่สถานการณ์วินาทีนี้ ไม่ว่าใครจะเรียกว่า “อนุวิน” หรือ “เนทิน” สลับชื่อใครนำก็ตาม แต่ทั้งคู่ยังต้องทำงานร่วมกัน เปรียบเสมือน “หยิน-หยาง” ที่แยกจากกันไม่ได้ในตอนนี้...  
        กลับมาที่ผู้มีอำนาจใน คสช. อยากให้คิดวิเคราะห์ แยกแยะว่าการเปิดเกมทำลายล้างคู่แข่งโดยไม่เลือกฝ่ายสุดท้ายจะได้คุ้มหรือเสีย เพราะผลเลือกตั้งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเมือง 
       ดีไม่ดีหากผลออกมาทางลบกับฝ่าย คสช. จะกระทบต่อวีซ่าเก้าอี้นายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงที่บ้านเมืองกำลังก่อกระแสต้องเลือกระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ สำทับด้วยนายกลิน ที.เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวหลังอำลาตำแหน่งว่า “อยากเห็นรัฐบาลที่มาจากพลเรือน”
        ชื่อเล็ดลอดออกมาคือ “นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ หนึ่งในแกนนำกลุ่มสามมิตรขึ้นมาเสียบ “ลุงตู่”  
      ทหารซื่อๆ อาจไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"