อย่าเอาผู้โดยสารเป็นตัวประกัน


เพิ่มเพื่อน    

      พอเห็นข่าวกลุ่มแท็กซี่แวน ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ออกมาเรียกร้องขอปรับค่าเซอร์ชาร์จ หรือค่าบริการจอดรอรับผู้โดยสารที่สนามบิน เพิ่มขึ้นจาก 50 บาท เป็น 100 บาท เท่านั้นยังไม่พอ ยังยื่นข้อเสนอขอลดโทษกรณีไม่กดมิเตอร์บริการผู้โดยสาร รวมถึงขู่ยุติการให้บริการสำหรับผู้โดยสารที่ต้องใช้บริการแท็กซี่เหล่านี้คงจะอเนจอนาถใจไม่น้อย ที่ได้เห็นข้อเสนอที่ดูเหมือนว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ออกมาป่าวประกาศว่าจะหยุดให้บริการ

        ข่าวที่มีการนำเสนอออกมานี้ไม่ได้สร้างความนิยมชมชอบ หรือความน่าสงสารแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นว่าตามสื่อโซเชียลต่างๆ กลับมีการด่าทออย่างรุนแรงถึงการออกมาบอกว่าจะมีการหยุดให้บริการหากไม่ได้รับการพิจารณาให้มีการปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จ

        เรื่องนี้ร้อนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างก็พากันหาแนวทางวิธีการเตรียมรับมือหากมีการหยุดวิ่งให้บริการ ซึ่งผู้ที่เดือดร้อนคือประชาชนนั้นเอง เอาเข้าจริงจากข้อมูลก็พบว่ากลุ่มที่มีการออกมาเรียกร้องนี้ไม่ใช่แท็กซี่ทั้งหมดที่ให้บริการในสนามบิน แต่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแท็กซี่ที่ให้บริการเท่านั้น

        ด้าน นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ขณะนี้กรมขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการพิจารณาโครงสร้างค่าโดยสารสาธารณะ ในส่วนการลดโทษนั้นไม่สามารถทำได้ เพราะการบังคับใช้กฎหมายต้องเท่าเทียมกันทั้งหมด แต่ยืนยันหากบริการรถแท็กซี่ในพื้นที่สนามบินมีรถไม่เพียงพอ ทอท.สามารถประสานมาที่กรมการขนส่งทางบกที่มีรถแท็กซี่ในระบบกว่า 70,000 คัน สามารถจัดรถเข้าไปให้บริการได้

        ขณะที่ผู้ขับรถแท็กซี่รายหนึ่งมองว่าการขอปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จเป็นการเอาเปรียบผู้โดยสาร เนื่องจากรถแท็กซี่สุวรรณภูมิส่วนใหญ่เป็นการวิ่งบริการระยะไกล ได้กำไรค่าวิ่งอยู่แล้ว แตกต่างจากการวิ่งบริการภายในตัวเมืองที่มักเป็นช่วงสั้นๆ และต้องเจอกับรถติด รวมถึงมองว่ายังไม่ควรปรับขึ้นค่าเซอร์ชาร์จ เพราะจะยิ่งทำให้ผู้ขับขี่สูญเสียรายได้ เนื่องจากปัจจุบันผู้โดยสารใช้บริการน้อยลงมากจากปัญหาเศรษฐกิจ เพราะหากขึ้นค่าบริการดังกล่าวจะทำให้จะยิ่งทำให้แท็กซี่มีรายได้น้อยลงแน่นอน

        สำหรับนโยบายที่จะมีการปรับขึ้นค่ากดมิเตอร์เริ่มต้นหรือใช้แนวทางเพิ่มค่ารถติด จากเดิมนาทีละ 2 บาท เป็นนาทีละ 3 บาทนั้น เชื่อว่าจะทำให้ผู้ขับขี่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 300 บาท หากปรับราคาแล้วมีรายได้เฉลี่ยวันละ 400-500 บาท

        ขณะที่ผู้บริหารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ก็ได้เรียกประชุมเร่งด่วน ร่วมกับตัวแทนกลุ่มแท็กซี่ที่ให้บริการในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยตัวแทนจากกรมการขนส่งทางบก ทหาร ตำรวจสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำรวจท่องเที่ยว เพื่อชี้แจงถึงการปรับเพิ่มค่าเซอร์ชาร์จ ขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้ทำหนังสือเป็นการเร่งด่วนถึง รมว.กระทรวงคมนาคม และอธิบดีกรมการขนส่ง ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็จะรอผลพิจารณาอีกที

        ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องของการกำหนดโทษที่ไม่เป็นธรรมนั้น ก็ได้ข้อสรุปว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการของกลุ่มแท็กซี่เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาตัดสินลงโทษของแท็กซี่รายนั้นๆ แต่ไม่ได้เป็นการร่วมพิจารณาแต่อย่างใด และหากเห็นว่าการพิจารณาในครั้งนั้นของคณะกรรมการไม่เป็นธรรมก็สามารถทำหนังสือร้องเรียนเข้ามาได้ โดยหลังจากนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อปรับกฎระเบียบกันใหม่ เพื่อให้เป็นธรรมมากขึ้น

        ขณะที่ตัวแทนของแท็กซี่ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นการยื่นข้อเรียกร้อง แต่เป็นการติดตามทวงถามเรื่องขอปรับอัตราค่าโดยสารส่วนที่เหลือ 5% ตามที่รัฐบาลโดย รมว.กระทรวงคมนาคมเคยประกาศปรับอัตราค่าโดยสารรถรับจ้างสาธารณะ (แท็กซี่มิเตอร์) ในอัตรา 13% เมื่อปี 57 โดยแบ่งปรับเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกปรับ 8% ซึ่งได้ดำเนินการปรับขึ้นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจึงจะปรับอีก 5% ซึ่งระยะเวลาผ่านมาราว 4 ปีแล้วยังไม่มีการปรับ และที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มแท็กซี่จะหยุดให้บริการหากไม่ขึ้นค่าเซอร์ชาร์จนั้น ขอยืนยันว่าจะไม่มีการหยุดวิ่งแต่อย่างใด เพราะเราต้องให้บริการแก่ผู้โดยสารและภาพลักษณ์ของประเทศ

        ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เมื่อหันหน้ามาคุยกันต่างก็ได้รับรู้รับฟังในปัญหาของแต่ละฝ่าย ไม่ใช่ว่าเอะอะจะปิดถนน จะหยุดให้บริการบ้าง เมื่อต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล ที่สุดแล้วปัญหาต่างๆ ก็จะคลี่คลายไปได้ ก็เหมือนกับกรณีดังกล่าว เมื่อหันหน้าเข้าหากัน ก็ย่อมมีทางออก ไม่ใช่ว่าผู้ใช้บริการจะต้องเป็นผู้รับภาระตลอดไป ต้องตระหนักไว้ด้วยว่าหากไม่มีผู้ใช้บริการแล้วคุณจะมีรายได้มาจากไหน ทั้งหมดนี้แท็กซี่ดีๆ ก็มีเยอะ ที่ไม่ดีก็แฝงตัวอยู่ด้วย ดังนั้นหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกันจะดีกว่า.

กัลยา ยืนยง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"