ศึกเลือกตั้งกลางเทอม 2018 : ความหวังของประธานาธิบดีทรัมป์


เพิ่มเพื่อน    

            

            ระหว่าง4 ปีที่รอเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้ง ในปีที่ 2 ราวเดือนพฤศจิกายนจะมีการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรกับวุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่งเรียกว่าเลือกตั้งการเทอม (midterm election)

            ข้อมูลในอดีตพบว่าพรรครัฐบาลมักเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ผู้ใช้สิทธิบางคนเลือกประธานาธิบดีจากพรรคหนึ่ง และเลือกอีกพรรคหนึ่งในเลือกตั้งกลางเทอมหวังให้รัฐสภาถ่วงดุลรัฐบาล

            ความไม่พอใจต่อรัฐบาลจะแสดงออกผ่านการเลือกตั้งนี้ ดังเช่นปี 2006 พรรคเดโมแครทชนะเลือกตั้งครั้งใหญ่ ครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภา พวกไม่ฝักใฝ่พรรคใดพรรคหนึ่งเทคะแนนให้เดโมแครท เพราะไม่พอใจสงครามกับอิรักจากนโยบายของประธานาธิบดีบุช

            ผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งล่าสุดเมื่อ 2014 รีพับลิกันชนะทั้ง 2 สภา ชี้ว่าประชาชนไม่ชอบรัฐบาล แม้ประธานาธิบดีโอบามายังอยู่ในตำแหน่งต่อไป

            กระแสต่อต้านทรัมป์ การที่คนอเมริกันรู้จักทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีแล้ว ฝ่ายต่อต้านเชื่อว่าการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะถึงนี้รีพับลิกันน่าจะเสียคะแนน เป็นโอกาสของเดโมแครทที่แกนนำพรรคหมายมั่นปั้นมือ ไม่เพียงกลับมาครองเสียงข้างมากในสภา ยังเล็งเป้าถึงการเลือกประธานาธิบดีครั้งต่อไปด้วย

ความนิยม ผลโพล :

            โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) กลายเป็นประธานาธิบดีที่เข้ารับตำแหน่งด้วยคะแนนนิยมต่ำสุด ผลสำรวจจาก CNN ร่วมกับ ORC และอีกชุดคือ The Washington Post กับ ABC News ให้ข้อสรุปตรงกัน ผู้ตอบแบบสอบถามเพียงร้อยละ 40 ให้ทรัมป์สอบผ่าน ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ผลสำรวจของ NBC News กับ The Wall Street Journal ให้สอบผ่านเพียงร้อยละ 44

            สรุปสั้นๆ คือสอบตกตั้งแต่ยังไม่รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

            ที่ปรึกษาทรัมป์ชี้แจงว่าแต่ไหนแต่ไรผลสำรวจไม่สะท้อนความนิยมต่อทรัมป์ ถ้าเชื่อผลสำรวจทรัมป์จะไม่ชนะเลือกตั้ง เป็นความจริงที่ผลสำรวจก่อนเลือกตั้งชี้ว่าฮิลลารี คลินตันต่างหากที่น่าจะชนะ

ล่าสุด ผลโพล Washington Post-ABC News เมื่อปลายสิงหาคมที่ผ่านมา ชาวอเมริกันจำนวนมากสนับสนุนการสอบสวนกรณีทรัมป์ติดต่อกับรัสเซียเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง พฤติกรรมขัดขวางของประธานาธิบดีทรัมป์เป็นหนึ่งในสาเหตุบั่นทอนคะแนนนิยมให้ตกต่ำลงอีก ครั้งนี้ให้สอบตกแตะระดับร้อยละ 60 แล้ว เพียงร้อยละ 36 ที่ให้สอบผ่าน

ที่ร้ายแรงกว่านั้น ร้อยละ 49 เห็นว่ารัฐสภาควรเริ่มกระบวนการขับประธานาธิบดี (impeachment) ในขณะที่ร้อยละ 46 ไม่เห็นด้วย

ทรัมป์ให้ความสำคัญกับเลือกตั้งกลางเทอม :

            โดยปกติแล้ว เลือกตั้งการเทอมเป็นที่สนใจน้อยกว่าเลือกตั้งประธานาธิบดี เลือกตั้งครั้งก่อนเมื่อปี 2014 มีผู้ไปใช้สิทธิเพียงร้อยละ 36.4 หรือเกิน 1 ใน 3 เพียงเล็กน้อยสำหรับประเทศที่เคยอวดอ้างว่าเป็นแบบอย่างประชาธิปไตยโลก เหตุเพราะการเลือกประธานาธิบดีมีผลต่อพวกเขาโดยตรงมากกว่า ดังจะเห็นว่านโยบายสำคัญๆ ระดับประเทศมาจากประธานาธิบดีหรือรัฐบาลกลาง แกนนำต่างๆ รวมทั้งตัวประธานาธิบดีจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญที่จะช่วยลูกพรรคหาเสียง เม็ดเงินที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์มีน้อย

            อย่างไรก็ตาม ถ้ามองอีกด้านจะเป็นโอกาสแก่ทั้ง 2 พรรคที่จะชนะคู่แข่งได้ง่ายๆ หากสามารถผลักดันให้คนอีกมากที่เดิมไม่ใช้สิทธิไปเข้าคูหาเลือกตั้ง หากทรัมป์ทำสำเร็จผลการเลือกตั้งมีน้ำหนักมากกว่าผลโพล ที่สำคัญกว่านั้นคือ ส.ส. ส.ว. พรรคของตนน่าจะสนับสนุนให้เขาดำรงตำแหน่งต่อไป ในทางกลับกันหากแพ้หนักย่อมสร้างความไม่พอใจแก่คนในพรรค

            กลยุทธ์ของทรัมป์ตรงไปตรงมา พยายามอาศัยการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นที่แข็งแกร่ง เป็นแรงผลักดันให้คนอเมริกันออกมาเลือกสนับสนุนผู้สมัครพรรครีพับลิกัน

ทรัมป์ให้เครดิตกับผลงานของตนว่าเศรษฐกิจประเทศดีกว่าอดีตที่ผ่านมา คนว่างงานลดน้อยลงมาก หลายบริษัทที่ลงทุนต่างประเทศกำลังกลับมา สมาชิกนาโตจะช่วยสนับสนุนงบกลาโหมอีกหลายพันล้านดอลลาร์ และตอนนี้กำลังเจรจาต่อรองการค้าครั้งใหญ่กับหลายประเทศอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

            ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านหนังสือ “Fear” แต่งโดย บ๊อบ วู้ดวาร์ด (Bob Woodward) บรรยายสภาพการทำงานในทำเนียบขาวที่เต็มด้วยความวุ่นวายจนแทบจะพัง (nervous breakdown) ต้นเหตุสำคัญอยู่ที่ตัวประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่าเจ้าหน้าที่บางคนพยายามซ่อนเอกสารสำคัญให้พ้นจากสายตาประธานาธิบดี เกรงว่าท่านจะทราบและสั่งการทำ “อย่างผิดๆ” เจ้าหน้าที่อาวุโสบางคน เช่น จอห์น เคลลีย์ (John Kelly) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว (chief of staff) ถึงกับเอ่ยกับผู้ร่วมงานว่าทรัมป์เป็น “ไอ้งี่เง่า” (an idiot)

            ด้านทรัมป์ชี้แจงว่าหนังสือที่โจมตีตนนั้นเป็นเรื่องแต่ง ปั้นน้ำเป็นตัว ไม่ตรงความจริง เป็นแผนของพรรคเดโมแครทเพื่อหวังชนะเลือกตั้งกลางเทอม ส่วนนายเคลลีย์ออกมาพูดแก้ว่าตนไม่เคยพูดว่าประธานาธิบดีเป็นคนงี่เง่า อันที่จริงตรงกันข้ามเลย

            ไม่ว่าพรรคเดโมแครทจะอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ทรัมป์โยนความผิดให้และเชื่อมโยงกับการเลือกตั้งกลางเทอม

ท่ามกลางกระแสขับทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้ (เลือกตั้งกลางเทอม) ไม่ใช่เพียงแค่ให้คะแนนผู้สมัคร แต่เป็นการเลือกว่าจะให้พรรคใดควบคุมรัฐสภา” ทั้งยังเกี่ยวข้องการขับทรัมป์ แต่จะขับได้หรือในเมื่อเขาทำหน้าที่อย่างดี ไม่ได้ทำอะไรผิด เศรษฐกิจประเทศกำลังไปได้ดี พร้อมกับชี้หากเขาถูกขับออกจากตำแหน่งจะเป็นความผิดของกลุ่มผู้สนับสนุนเขา และอเมริกาจะตกต่ำกลายเป็นกลุ่มประเทศโลกที่ 3 เป็นตลกร้ายหากประธานาธิบดีผู้ทำหน้าที่ได้อย่างดีแต่ถูกขับออกจากตำแหน่ง

            สำหรับทรัมป์แล้วเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้มีความสำคัญมาก เพราะผูกผลการเลือกตั้งกับความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งต่อไปในสมัยนี้และสมัยหน้า

            ไม่กี่วันก่อนทรัมป์เอ่ยว่า “ยังไม่มีใครที่พอจะเอาชนะเขาได้ใน (การเลือกตั้งประธานาธิบดี) ปี 2020” เพราะผลงานของเขาโดดเด่น แม้การเลือกตั้งปี 2020 อาจดูเหมือนไกล ความจริงแล้วใกล้กว่าที่คิด โดยทั่วไปเมื่อย่างเข้าปลายปี 2019 หรือต้นปี 2020 (อีกราวปีเศษ) บรรดาผู้สมัครจะเปิดตัวและเริ่มหาเสียงอย่างเป็นทางการ

            หากพรรครีพับลิกันชนะหรือสามารถรักษาที่นั่งในสภาในระดับเดิม ทรัมป์ย่อมสามารถพูดเต็มปากเต็มคำว่าพลเมืองอเมริกันสนับสนุนให้เขาเป็นประธานาธิบดีต่อไป

เลือกตั้งกลางเทอม “เอาทรัมป์” หรือ “ไม่เอาทรัมป์” :

            จากสภาพที่เห็นในช่วงนี้ เลือกตั้งกลางเทอมไม่ใช่เพียงแค่การเลือกตั้ง ส.ส. กับ ส.ว.จำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่ถูกดึงให้เป็นการชิงชัยระหว่างฝ่ายที่ “เอาทรัมป์” กับ ฝ่ายที่ “ไม่เอาทรัมป์” พยายามชี้ให้เข้าใจว่ามีผลต่อการขับทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

            เรื่องน่าคิดคือจริงหรือที่เลือกตั้งส.ส. ส.ว. ดังกล่าวสัมพันธ์กับการขับทรัมป์ คำถามที่สำคัญกว่าคือควรนำมาผูกโยงกันหรือไม่ เพราะส.ส. ส.ว. มีบทบาทหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว ควรที่จะเลือกสมาชิกรัฐสภาด้วยเหตุผลหลักว่าทรัมป์ควรเป็นประธานาธิบดีต่อไปหรือไม่ โดยไม่คำนึงคุณสมบัติ ความเหมาะสมของผู้สมัคร ฯลฯ

            อย่าลืมว่าที่ผ่านมาคนอเมริกันต่อว่าสมาชิกรัฐสภาหลายคนไม่ทำหน้าที่สมบทบาท คำนึงผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ประเทศ ทำตัวแปลกแยกจากประชาชน ฯลฯ

          การหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ดูเหมือนต้องการให้ชาวอเมริกันตัดสินใจง่ายๆ ให้ออกมาเลือกตั้งโดยเลือกว่าจะ “เอาทรัมป์” หรือ “ไม่เอาทรัมป์”

            วงจรประชาธิปไตยอเมริกาหมุนอีกรอบ.

-----------------------

ภาพ : เศรษฐกิจของเรายังคงพุ่งแรงต่อไป

ที่มา : https://www.facebook.com/DonaldTrump/photos/a.488852220724/10161489612330725/?type=3&theater


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"