(1)

        ในเมื่ออายุ-อานาม...ปาเข้ามาถึงขั้นนี้ เลยคงต้องสารภาพตรงๆ ว่าเรื่องของศิลปิน นักร้อง นักแสดง นักเต้น หรือนักอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ที่เขาเรียกชื่อย่อๆ ว่า AKB หรือ BNK อะไรประมาณนั้น แทบไม่เคยปรากฏอยู่ในหัว ในความรู้สึก ความรับรู้ ของตัวเองเอาเลยแม้แต่น้อย เผลอๆ...คิดว่าเป็นชื่อย่อของมนุษย์ต่างดาว ขององค์กร องค์การ อะไรซักอย่างไปโน่นเลย...

(2)

        แต่ช่วงหลังๆ มานี้...ไม่เพียงแต่เริ่มได้ยินชื่อย่อที่ว่านี้ขึ้นมาบ่อยๆ ซ้ำๆ เพราะถูกพวก นักประชาธิปไตย กับ นักเผด็จการ เขาหยิบมาออกอาวุธโต้กันไป-กันมา ยังมีโอกาสได้เห็นผู้บริหารบ้านเมือง อย่างท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านขยับไป-ขยับมา อยู่ต่อหน้าต่อตา พวก AKB ภายในทำเนียบรัฐบาลซะอีกต่างหาก ชนิดเล่นเอา ขนลุกเกรียว กันไปมิใช่น้อย จนแม้แต่ผู้ที่มีอายุ-อานามไม่ได้น้อยไปกว่าตัวเรา อย่าง ป๋าเปลว สีเงิน ของเราเป็นต้น ก็ยังทำให้อด ทึ่ง ขึ้นมาไม่ได้ ที่ท่านยังพอรู้เรื่อง รู้รอบ ถึงเรื่องราวของ BNK และ AKB ชนิดที่ต้องเรียกว่า ลึกซึ้งพอสมควรทีเดียว...

(3)

        ต่างไปจากตัวเรา...ที่นับวันจะถอยหลังลงคลองหนักเข้าไปทุกที คือไม่แต่เฉพาะ BNK-AKB เพียงเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง ไอด้ง ไอดอล ฯลฯ ในยุคนี้ เขาทะเลาะเบาะแว้ง ออกมาใส่กันและกันในเรื่องกิ๊ก เรื่องผัวๆ เมียๆ หรือเรื่องอะไรก็ตาม นอกจากจะไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้ถึงสถานะและบทบาท ยังไม่เหลือแรงจูงใจใดๆ ที่จะไปค้นคว้า ศึกษา ติดตามเอาเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้...คำศัพท์แปลกๆ ภาษาญี่ปุ่น ที่มาพร้อมๆ กับความเป็น BNK หรือ AKB ไม่ว่าคำว่า โอตะ หรือ เซ็มบัตสึ ยิ่งทำให้แทบไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ เพราะเท่าที่เคยผ่านหูอยู่บ้าง ก็ออกไปทางประเภท กิมูจิ๊...กิมูจิ๊ อะไรประมาณนั้นซะมากกว่า...

(4)

        แต่ก็ยังโชคดี...ที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียน บทความ เรื่อง สงครามไอดอล ของคอลัมนิสต์ผู้มีนามว่า พระบาท นามเมือง จากหนังสือพิมพ์ หรือเว็บไซต์ ผู้จัดการ เมื่อไม่กี่วันมานี้ ที่นอกจากจะช่วยให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่อง AKB หรือ BNK ได้อย่างถึงราก ถึงเนื้อ ยังต้องถือว่าเป็นผู้ที่แสดงออกถึงทัศนคติ อย่างเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ผู้ที่เป็นกลาง ไม่ได้ สุดโต่ง ไปในด้านหนึ่ง ด้านใด อันเป็นสิ่งที่สำคัญเอามากๆ สำหรับไม่ว่าสังคมไทย หรือสังคมโลก ในทุกวันนี้ เพราะอย่างที่เคยว่าๆ เอาไว้แล้วนั่นแหละว่า โลกในยุคนี้ สมัยนี้ มันเป็นโลกที่มักจะพัดพาให้ผู้คนทั้งหลาย ต้อง สวิง ไปในด้านหนึ่ง ด้านใด อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ หนักเข้าไปทุกที...

(5)

        ด้วยเหตุเพราะมันเป็นโลกที่มี เทคโนโลยี อันสุดแสนมหัศจรรย์พันลึก อย่าง เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต นี่แหละ เป็นตัว ขับเคลื่อน ในทุกๆ มิติ ทุกๆ แง่ ทุกๆ มุม เอาเลยก็ว่าได้ สามารถล้วงลึกไปถึงอารมณ์ ความรู้สึก ของปัจเจกบุคคลในแต่ละคน ได้ไม่ต่างไปจากการแอบนินทา ซุบๆ ซิบๆ กันทางโทรศัพท์ ปิดลับ สร้างรหัส ส่งรหัส ได้ไม่ต่างไปจากโทรเลข แต่ขณะเดียวกันก็สามารถแพร่กระจายอารมณ์ ความรู้สึกนั้นๆ ให้ระบาดออกไปสู่ผู้คนในวงกว้าง ได้ไม่น้อยกว่าวิทยุ หรือโทรทัศน์ มันจึงกลายเป็นตัวสร้างกลุ่ม สร้างฝ่าย ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ที่มีรสนิยมในลักษณะคล้ายๆ กัน ให้ สวิง ไปในด้านใด ด้านหนึ่ง สุดโต่ง ไปในลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง เอามากๆ...

(6)

        และในเมื่อ เทคโนโลยี ชนิดนี้...มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่ง และส่วนสำคัญ ของวิถีชีวิตมวลมนุษย์ในยุคปัจจุบัน หรือจะเรียกว่ายุค 4.0 ก็แล้วแต่ ไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้วในแทบทุกๆ แง่มุม ชนิดแทบกลายเป็น อวัยวะ ที่งอกออกมาจากส่วนที่ 32 กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ไปแล้ว ไม่ว่าขึ้นรถลงเรือ กิน-ขี้-ปี้-นอน หนีไม่พ้นต้องก้มหน้า ก้มตา อยู่กับโทรศัพท์มือถือ โน้ตบุ๊ก ไอพอด ไอแพด ไอกระด๊อกกระแด๊ก อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ความสุดโต่ง หรือความสวิงไปในด้านหนึ่ง ด้านใด มันจึงกลายเป็น ธรรมชาติที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ของผู้คนยุคนี้ไปแล้วก็ว่าได้...

(7)

        ด้วยเหตุนี้นี่แหละ...ที่ ความเป็นกลาง อันประกอบไปด้วยความมี สติ มี เหตุผล เป็นตัวรองรับ มี ปัญญา ที่ไม่ว่าจะเกิดจากการผ่านร้อน-ผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์การเรียนรู้โดยตรง หรือโดยอ้อมก็แล้วแต่ เป็นตัวช่วยถ่วง ช่วยรั้ง ช่วยชี้แนะ ชี้นำ อย่างเป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ จึงมีความสำคัญเอามากๆ เพราะไม่ว่าสังคม หรือบ้านเมือง จะตกอยู่ในสภาวะ เผด็จการ หรือ ประชาธิปไตย แบบไหน อย่างไร ก็ตามที แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็ยังน่าจะสามารถดำเนินไปตาม ครรลอง-คลองธรรม ได้อย่างมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะ ความเป็นกลาง ในลักษณะที่ว่านี้ ก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจาก ความเป็นธรรม นั่นแล.