15 ก.ย. 61 - นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 คลายล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่เป็นการคลายล็อก แต่เป็นการล่ามโซ่พรรคการเมืองและปิดหูปิดตาประชาชน คำสั่งนี้จะทำให้การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เป็นการเลือกตั้งที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากที่สุด นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งมาในประเทศไทย ที่อวดอ้างว่า ระบบตามรัฐธรรมนูญนี้ต้องการให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชน สมาชิกพรรคสามารถกำหนดผู้นำ ผู้บริหารพรรค และนโยบายพรรคได้นั้น คำสั่งนี้ได้ทำให้สิ่งที่อวดอ้างเหล่านั้นไม่อาจเกิดขึ้น ทั้งยังไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองจัดทำนโยบาย โดยสมาชิกพรรคและประชาชนมีส่วนร่วม และการยกเลิกทำไพรมารีโหวตโดยไม่มีวิธีการที่ดีมาทดแทน การห้ามใช้โซเซียลมีเดียสื่อสารกับประชาชน ภายใต้ข้ออ้างว่าห้ามหาเสียงและภายใต้ความสงบเรียบร้อย ที่ผ่านมามักห้ามโน้นห้ามนี้ โดยอ้างว่ากลัวจะเกิดความวุ่นวาย โดยเฉพาะห้ามทำกิจกรรมที่มีคนเข้าร่วมเกิน 5 คน ถือเป็นการมัวสุ่มทางการเมือง แต่การประชุมหารือเพื่อทำนโยบาย มันจะเป็นความไม่สงบไปได้อย่างไร เพราะประชุมกับกลุ่มประชาชนที่ทำอาชีพต่างๆเป็นต้น
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เลวร้ายสุดห้ามสื่อสารโดยใช้โซเซียลมีเดียโดยใช้คำว่าห้ามประชาสัมพันธ์หรือสื่อสารที่เป็นการหาเสียง ซึ่งถือเป็นการปิดหูปิดตาประชาชนนั่นเอง คำว่าหาเสียงหมายความอย่างไร คำนี้อาจถูกตีความจนพรรคการเมืองสื่อสารประชาชนทั่วไปไม่ได้ เพราะว่าอาจมีการตีความอำเภอใจ พูดถึงพรรคการเมือง นักการเมือง พูดถึงนโยบาย อาจตีความเป็นการหาเสียงไปได้หมด ทั้งๆที่การหาเสียงไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมองว่าการหาเสียงกับประชาชนเป็นสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยกับบ้านเมือง
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า นอกจากนี้คำสั่งนี้ยังให้อำนาจคสช.และกกต.กำหนดการประชาสัมพันธ์แบบใดเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อย และอาจสั่งระงับการประชาสัมพันธ์ใดๆได้ตามที่เห็นว่าสมควร ซึ่งอาจรวมถึงการห้ามวิพากษ์วิจารณ์คสช.และรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาการวิพากษ์วิจารณ์ก็ถูกเลือกปฏิบัติมาโดยตลอด ขัดแย้งกับแกนนำคสช.และผู้นำรัฐบาลบางส่วน อาจไปเป็นผู้ลงแข่งขันในการเลือกตั้งเอง แต่ก็จะปิดปากนักการเมืองและประชาชนในการที่วิพากษ์วิจารณ์คสช.และรัฐบาล
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้เป็นการจำกัดสิทธิประชาชนในการกำหนดนโยบายพรรคการเมือง ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ประชาชนที่จะเลือกผู้แทนของตนและรัฐบาลที่จะมาบริหารประเทศในอนาคต เป็นการเลือกตั้งภายใต้อำนาจเผด็จการโดยแท้ ผู้ที่สูญเสียผลประโยชน์มากที่สุดจากคำสั่งนี้คือประชาชนทั้งประเทศ
เมื่อถามว่า มองว่ามีเหตุผลอะไรทำให้คสช.ไม่เลือกที่จะปลดล็อกมากกว่าคลายล็อกเวลานี้
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เขากลัวประชาชนจะเลือกพรรคการเมือง นักการเมืองที่ต้องการ และเป็นฝ่ายที่ตรงข้ามหรือไม่สนับสนุนผู้นำคสช.คำสั่งแบบนี้เปิดให้ผู้นำคสช.และรัฐบาลหาเสียงฝ่ายเดียว พูดถึงโครงการ นโยบาย ความดีงามต่างๆของคสช.โดยไม่มีอะไรห้าม แต่พรรคการเมืองไม่สามารถทำนโยบายให้ตรงกับความต้องการของประชาชน และไม่สามารถสื่อสารกับประชาชนได้ เขากลัวประชาชนได้ข้อมูล 2 ทางแล้วมีโอกาสเปรียบเทียบประชาชนก็จะสนับสนุนผู้นำคสช.และรัฐบาล ให้เป็นผู้นำหลังการเลือกตั้ง
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ความจริงไม่เป็นเหตุเป็นผลอะไรเลย เมื่อจะมีการเลือกตั้งต้องเปิดให้พรรคการเมืองพูดคุยกับประชาชน ให้ประชาชนสามารถวิจารณ์สิ่ิงที่พรรคการเมืองทำอยู่ได้ รวมทั้งวิจารณ์สิ่งที่รัฐบาลและคสช.ทำอยู่ได้ ไม่ใช่ห้ามสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แล้วบอกว่าเมื่อประกาศวันเลือกตั้งชัดเจนแล้วค่อยไปทำกัน ซึ่งไม่มีใครทำแบบนี้ในโลก และคำอ้างที่ว่าทำให้เกิดความเท่าเทียมของพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องหลอกลวง มีพรรคการเมืองหลายสิบปีมาแล้ว เมื่อมีการเลือกตั้งใครจะตั้งพรรคใหม่ก็ทำได้ และไม่จำเป็นต้องบอกว่าต้องรอให้พรรคการเมืองใหม่มีความพร้อมเท่ากับพรรคการเมืองเดิมแล้วค่อยมาสื่อสารประชาชน ไม่มีที่ไหนในโลกที่มีกติกาแบบนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นเลือกตั้งใหม่มีพรรคการเมืองใหม่ทีต้องให้พรรคการเมืองเดิมหยุดรอพรรคการเมืองใหม่ก่อน
"คำสั่งที่ออกมาอาจต้องการเอื้อให้กับบางพรรคการเมืองที่สนับสนุนคสช. แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงต้องการสร้างความได้เปรียบให้กับคสช. และรัฐบาลที่ต้องการจะเป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งมากกว่าอย่างอื่น"นายจาตุรนต์ระบุ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |