15 ก.ย. 61 - นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คสช.มีคำสั่ง คลายล็อกให้กับพรรคการเมืองเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้บางส่วน ว่า เท่าที่อ่านแล้วเหมือนยังไม่สุด เพราะบรรยากาศทางการเมืองในวันนี้เมื่อ ประกาศ พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. และพ.ร.ป.ได้มาซึ่งส.ว.ลงมาแล้ว ทำให้บรรยากาศในเรื่องความเชื่อมั่นของการเลือกตั้งนั้นมีสูงมาก เห็นได้จากตลาดหุ้นที่พุ่งปรี๊ด สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นและฝากความหวังไว้กับการเลือกตั้งจึงควรที่จะทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งคืนสู่ภาวะปกติเพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศและความรู้สึก ความหวัง และความเชื่อมั่นของผู้คน
“วันนี้การที่ ยังไม่ปลดล็อกแต่คลายล็อกเพียงบางส่วนนั้น ทำให้เกิดมีความรู้สึกว่าอาจจะใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งไม่ได้เกิดผลดีต่อรัฐบาลเลย ผมอยากให้รัฐบาลเชื่อมั่นศักยภาพของรัฐบาลและคสช. เพราะ4ปีกว่า เกือบ5 ปี ทุกอย่างอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่รัฐบาลและคสช. ควบคุมได้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นควรจะมีความเชื่อมั่นและไว้วางใจประชาชนด้วย ทำให้เป็นประชาธิปไตยตามที่ทุกคนต้องการอยากจะเห็น”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่าการคลายล็อกเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ไม่ตึงเครียดจนเกินไป ทำให้บางอย่างสามารถทำได้แต่ก็ทำไม่ได้หมดคือไม่สุด จึงดูเหมือนกับว่าจะกึ่งเชือกกึ่งไม่เชื่อ ว่าจะมีการเลือกตั้งจริงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เพราะการที่ไม่ปลดล็อกไปให้สุดนั้นเหมือนกับยังกั๊กๆอะไรอยู่ จึงอาจทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงได้ และถ้า นับเวลาตามโร้ดแม็ปจริงๆ แล้วจะต้องไปสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม 2562 ทำให้รู้สึกว่ามันยังไม่สุด อย่างไรก็ตามการทำงานทางการเมืองของพรรคการเมืองคงไม่สามารถทำได้เต็มที่ตามที่พรรคการเมืองควรจะ สามารถทำได้ การจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้คือต้องปลดล็อก ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นบรรยากาศของความประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ เป็นไปตามครรลอง เชื่อว่าถ้าเช่นนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีล้มไพรมารี่โหวตนั้นก็ สะท้อนความเป็นจริงให้เห็นแล้วว่ากฎหมายเขียนมาแล้วก็มาใช้มาตรา 44 ที่ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่กว่าทำให้คลายความศักดิ์สิทธิ์ลงไป ทำให้ผู้คนเริ่มงง ทำให้คนมองเห็นว่าหรือในอนาคตจะมีการยกเลิกเลยหรือไม่ หรือจะมีการแก้ไขหรือไม่ เพราะเห็นในข้อจำกัดแล้วว่า ไพรมารี่โหวตนั้น กลับสถานการณ์การเมืองไทยในวันนี้มันยังไม่ใช่ อย่างไรก็ตามการที่คลี่คลายออกมาอย่างนี้ทำให้ดีคือพรรคการเมืองไม่ต้องเกร็ง ทำให้พรรคการเมืองมีความรู้สึกคล่องตัวขึ้น ไม่งั้นมัวมาเกร็งกับเรื่องเหล่านี้ว่าจะทำทันหรือไม่ทันแล้วจะเป็นไปตามเจตนารมย์ของพรรคการเมืองที่วางไว้หรือไม่ ทั้งนี้ การมีคณะกรรมการสรรหาผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองอย่างน้อยก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรคได้เป็น โดยเฉพาะการที่กำหนดว่าจะต้องมีทุกภูมิภาคและคำนึงถึงความเท่าเทียมชายหญิง ถือว่ามีส่วนที่ทำให้ดีขึ้น
“ขอฝากคสช. รัฐบาล ว่าหลายพรรคการเมืองอยากเห็นบรรยากาศการเลือกตั้งคืนสู่สภาวะปกติและเป็นไปตามธรรมชาติ ในเมื่อการเลือกตั้งเห็นอนาคตแล้วก็ควรจะปล่อยให้ไปกันอย่างเต็มที่ ขอให้เชื่อมั่นประชาชนว่าไม่มีใครอยากจะฉุดรั้ง ประเทศให้ ถอยหลังกลับไปสู่สภาวะเดิมหรอก มีแต่จะช่วยกันผลักให้ก้าวรุดไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นขอให้ ไว้วางใจและเชื่อมั่นประชาชนและมีความเชื่อมั่นในตัวเองและศักยภาพของตัวเองว่าสามารถทำให้ บรรยากาศเป็นประชาธิปไตยได้โดยไม่มีเหตุการณ์ใดมาแทรกซ้อน”
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |