บอร์ดบีโอไอไฟเขียวส่งเสริมโรงงานผลิตน้ำมันไทยออยล์ เงินลงทุนกว่า 1.56 แสนล้านบาท รองรับการใช้งานในอีอีซี เสริมความมั่นคงพลังงาน พร้อมเห็นชอบอีก 3 โครงการใหญ่ ผลิตไฟฟ้าและชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ขณะที่หุ้นไทยเด้งรับข่าวเลือกตั้งปิดตลาดบวก 38.57 จุด เผยบรรยากาศการลงทุนสดใสมากขึ้น
เมื่อวันพฤหัสบดี นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้พิจารณาให้การส่งเสริมโครงการลงทุนจำนวน 4 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 167,679 ล้านบาท โดยโครงการใหญ่ที่สุดเป็นของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูป เงินลงทุนทั้งสิ้น 156,621 ล้านบาท ตั้งโครงการที่จังหวัดชลบุรี บริเวณถนนสุขุมวิท อำเภอศรีราชา เนื้อที่ 1,499 ไร่
โดยโครงการดังกล่าวนี้จะเพิ่มความสามารถในการกลั่นน้ำมันดิบที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะการผลิตน้ำมันอากาศยานและน้ำมันดีเซลเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและเมืองการบินของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมทั้งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว โดยรองรับความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่เพิ่มขึ้น และยังจะช่วยต่อยอดอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นอีกด้วย คาดว่าจะเตรียมเริ่มลงทุนปีนี้ หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อสัญญาเช่าที่ราชพัสดุอีกเป็นเวลา 30 ปี ซึ่งสัญญาเดิมกำลังจะสิ้นวันที่ 10 ก.ย.2565
เลขาธิการบีโอไอกล่าวว่า นอกจากนี้บอร์ดบีโอไอ ยังเห็นชอบการส่งเสริมการลงทุนอีก 3 โครงการ โดย 2 โครงการที่เหลือเกี่ยวกับด้านพลังงาน การผลิตไฟฟ้า คือบริษัท ผลิตไฟฟ้า นวนคร จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ 60 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 10 ตันต่อชั่วโมง เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,105 ล้านบาท ตั้งโครงการที่จังหวัดปทุมธานี โครงการนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งนำอากาศเสียที่มีความร้อนสูงมาใช้ต่อ จึงช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย
และบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือจีพีเอสซี ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ 57 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 70 ตันต่อชั่วโมง เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,980 ล้านบาท ตั้งโครงการที่จังหวัดระยอง โครงการนี้เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งนำอากาศเสียที่มีความร้อนสูงมาใช้ต่อ จึงช่วยประหยัดพลังงาน และเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย
ขณะที่อีก 1 โครงการที่เหลือเป็นของบริษัท สยาม เด็นโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ได้รับส่งเสริมกิจการผลิตชิ้นส่วนระบบเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลที่ลดการใช้น้ำมันและการปล่อยมลพิษเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโรใหม่ เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,973 ล้านบาท ตั้งโครงการที่จังหวัดชลบุรี โดยโครงการนี้จะใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศปีละกว่า 2,632.6 ล้านบาท และช่วยสร้างความเข้มแข็งแก่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย
นางสาวดวงใจกล่าวถึงกรณีที่พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว. ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อเริ่มต้นขั้นตอนไปสู่การเลือกตั้ง ยอมรับว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน เพราะต่างชาติมีแผนการลงทุนต้องวางแผนระยะยาว อีกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเข้มแข็ง ปัจจัยบวกด้านอื่นเริ่มดีขึ้น
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทย นักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกภายในประเทศ จากการประกาศโปรดเกล้าฯ ลงในราชกิจจานุเบกษาให้ประกาศใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ส่งผลให้กรอบเวลาเลือกตั้งมีความชัดเจนมากขึ้นและไม่เกินเดือน พ.ค.62 ช่วยผลักดันดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดทันที โดยระหว่างวันดัชนีสามารถทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,723.48 จุด หรือเพิ่มขึ้น 44.09 จุด แต่ยังมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง ส่งผลให้ปิดตลาดดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,717.96 จุด เพิ่มขึ้น 38.57 จุด คิดเป็น 2.30% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 78,999.35 ล้านบาท
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า การประกาศใช้ 2 กฎหมายการเลือกตั้ง ถือเป็นการสร้างความชัดเจนทิศทางการเลือกตั้งของประเทศ ส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนสดใสมากขึ้น โดยคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะหากเทียบกับสถิติการเลือกตั้งของไทยในช่วงที่ผ่านมา พบว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งจะมีทิศทางเป็นบวก และจะมีการซื้อขายคึกคักในช่วง 6 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งอีกด้วย ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้อานิสงส์ เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์, กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มสื่อ โดยคาดว่าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,800 จุด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |