13 ก.ย.61 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ในหัวข้อ “เริ่มที่ตัวเอง เพื่อบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า” ว่า การเริ่มต้นที่ตัวเองเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้านั้น เป็นภาระหน้าที่ของคนไทยทุกคน ถ้าเป็นเมื่อก่อน บรรยากาศวันสองวันนี้ เราแต่ละฝ่ายนั้นจะต้องแสดงอารมณ์กันคนละอย่าง แต่เนื่องจากเรามีเป้าหมายเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้า การทำความเข้าใจและการระงับอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ จะได้ช่วยสร้างบรรยากาศของประเทศ ที่ตนเคยพูดเอาไว้ว่า เมื่อหนทางข้างหน้า ความร้อนมันรออยู่ เราไม่ควรจะเริ่มต้นกันด้วยความร้อน หลังจาก พ.ร.ป.ด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. – ส.ว. ออกมานั้น  ในส่วนของ ส.ส. แปลความกันว่า 90 + 150 รวมเป็น 240 วัน ถัดจากนี้คือ 8 เดือน การเลือกตั้งก็อยู่ในกรอบนี้ ถ้าว่ากันตามเนื้อหาของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ

นายจตุพร กล่าวว่า ในฐานะที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย เพราะว่าถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ยาวนาน มีความปรารถนาให้ชาติบ้านเมืองอยู่ได้ด้วยความเป็นจริง ประวัติศาสตร์ที่ตนรวมกระทั่งประเทศไทยและหลายคนได้ประสบกันมานั้น ย่อมจะแลเห็นข้างหน้าว่า ถ้าไม่มีการพูดคุยกัน ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นซีกของพรรคการเมืองของผู้มีอำนาจ ไม่ว่าก่อนการเลือกตั้ง ระหว่างการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้ง ล้วนที่จะเกิดปัญหาขึ้นมาทั้งสิ้น ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปี ที่ผ่านมานั้น ฝ่ายตนตายมากที่สุด บาดเจ็บมากที่สุด สูญสิ้นอิสรภาพมากที่สุด ได้รับความอยุติธรรมมากที่สุด แต่มีความปรารถนาต้องการให้ชาติบ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้าได้ ประวัติศาสตร์หลายอย่าง ความจริงต้องพูดว่าทุกอย่าง สิ่งที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เรื่องคดีความก็ว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม ยอมรับว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้นอยู่กับความขัดแย้ง และพยายามจะหาทางออกเพื่อยุติความตาย ที่ตนออกมาจากคุกบอกว่า เราต้องแก้ก่อนตาย อย่ารอให้ตายก่อนแก้เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมานั้น เพราะเราต่างเห็นอนาคต เห็นเส้นทางว่าบ้านเมืองถ้าเริ่มต้นด้วยอย่างไร จะจบลงมากันอย่างไร

ขณะนี้ถ้าทุกคนเลิกเห็นแก่ตัว มองข้ามความต้องการของตัวเองออกไป และจะทำอย่างไรให้ชาติบ้านเมืองอยู่ได้ เรื่องของตัวเองก็เล็กมากที่สุด หน้าตาของตัวเองก็จะเล็กมากที่สุด พูดเสมอว่า ตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีนี้นั้น ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายผม ทุกฝ่ายเราล้วนแต่มีส่วนผิด และส่วนถูกด้วยกันทั้งสิ้น ไม่มีใครผิดทั้งหมด ไม่มีใครถูกทั้งหมด ถ้าเรายอมรับความเป็นจริงข้อนี้ได้ เราก็จะข้ามพ้นความรู้สึกส่วนตัว ความจริงแล้วนั้นการที่จะให้บ้านเมืองเดินต่อไปข้างหน้าได้ ไม่มีวันจะสำเร็จได้ด้วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ต้องเกิดขึ้นจากการร่วมมือของทุกฝ่าย ถ้าฝ่ายหนึ่งพยายามอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้ความร่วมมือ อีกฝ่ายหนึ่งยื่นมือ อีกฝ่ายหนึ่งยื่นเท้า บ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้ 

“คำถามที่ถามวันนี้ว่า ประเทศไทยได้ให้อะไรกับทุกคน พอกันแล้วหรือยัง ถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องให้อะไรกับประเทศไทยบ้างแล้วหรือยัง นี่เป็นคำถามที่อยากให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นซีกพรรคการเมือง ซีกของผู้มีอำนาจ และที่สำคัญที่สุด ทุกคนต้องอดทนที่จะฟัง ฟังกันให้ครบถ้วน ฟังกันให้เข้าใจแล้วก็หลีกเลี่ยงเรื่องราวที่จะเป็นเหตุที่จะนำพาให้ประเทศสู่วิกฤติอย่างที่เราประสบกันมาในช่วง 10 ปีนี้” นายจตุพร กล่าว