13  ก.ย. 61 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ร่างข้อบังคับพรรคและนโยบายเอาไว้เพื่อที่จะเสนอคณะกรรมการบริหารพรรค ในที่ประชุมใหญ่แล้ว โดยนโยบาย เบื้องต้นออกมาค่อนข้างจะเป็นฉบับย่อ  เมื่อมีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ก็จะทำนโยบายอีกชุดหนึ่ง ซึ่งจะปรับเข้าสู่สถานการณ์การเลือกตั้ง  ทั้งนี้ ในการเลือกกรรมการบริหารได้มีการปรึกษาหารือกัน โดยตนเป็นผู้ริเริ่มแล้วพูดคุยกับบรรดาผู้บริหารพรรค

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่าการเลือกหัวหน้าพรรคนั้นเปิดให้สมาชิกมาเลือกในวงกว้าง รวมไปถึงความเป็นไปได้ที่จะมีคนนอกมาร่วมแข่งขันตามกติกาที่วางไว้ ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำให้ประชาชนมองเห็นและมั่นใจว่าทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์คืออะไร ขณะนี้ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีใครสมัครบ้าง 

"ถ้าคุณอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สนใจที่จะสมัคร หรือบอกว่ามีคนไปสนับสนุนให้สมัครก็สามารถมาได้ตามกติกา ผมไม่สบายใจ เนื่องจากเกิดวิวาทะกันขึ้นมีการสัมภาษณ์พาดพิงกันไปกันมา ยืนยันว่ากระบวนการนี้เราต้องการเปิดกว้าง"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าขอความเป็นธรรมจากนายอลงกรณ์ เพราะมี 2 เรื่องที่คิดว่าจำเป็นต้องชี้แจง เรื่องแรก นายอลงกรณ์พูดถึงอดีตในเรื่องของการปฏิรูปพรรค ทำนองว่าเคยเสนอแล้วเหมือนพรรคไม่ได้ทำ ข้อเท็จจริง คือนายอลงกรณ์เป็นผู้เสนอจริง ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อปฏิรูปพรรคขึ้น และนายอลงกรณ์ก็เป็นกรรมการปฏิรูปด้วย ส่งรายงานมาให้ตนเรียบร้อย เสนอเข้าที่ประชุมใหญ่แก้ข้อบังคับตามนั้น จริงๆ แล้วก็ได้ทำ เพียงแต่การแก้ข้อบังคับไปเสร็จประมาณก่อนการรัฐประหารเพียงไม่กี่เดือน ส่วนข้อเสนอการเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค หรือเลือกหัวหน้าพรรคอย่างที่กำลังทำนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องที่อยู่ในข้อเสนอของรายงานนั้น   

ประการที่ 2 ตนไม่สบายใจที่นายอลงกรณ์พูดถึง 5 เงื่อนไข เพราะหลายข้อเป็นส่วนหนึ่งของอุดมการณ์พรรคอยู่แล้ว ทั้งความซื่อสัตย์ การต่อต้านการซื้อเสียง ส่วนเรื่องที่บอกว่าต้องไม่ใส่ร้ายสีใครนั้น ขอชี้แจงว่าใครที่ไปใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์คงถูกดำเนินการทางกฎหมายไปแล้ว เพราะความจริงนายอลงกรณ์ และอีกหลายคนในพรรคต้องไปต่อสู้คดีหมิ่นประมาทกันเกือบทั้งนั้น ส่วนใหญ่เกือบ  90 กว่าเปอร์เซ็นต์ของคดี ศาลพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้เป็นการใส่ร้าย ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาท แต่เราทำหน้าที่ตรวจสอบ  ต้องบอกว่าพรรคอื่นไม่ค่อยทำ

“อีกส่วนที่ผมไม่ค่อยสบายใจ คือ การที่ระบุว่าไม่ควรจะไปเล่นการเมืองนอกระบบ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ผมทราบดีว่าวันนี้มีคนไม่อยากเห็นการชุมนุม การประท้วง ผมก็เห็นด้วย แต่อย่าไปมองว่าคนที่เขาออกมาชุมนุมประท้วงในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เขามีวาระส่วนตัวหรืออะไร หลายคนที่ออกไป ไปด้วยความเชื่อ เพื่อต่อต้านความไม่ถูกต้อง และเชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการที่จะนำพาบ้านเมืองมาสู่สถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ แต่เราจะไปบอกว่าเป็นความผิดของเขา ผมว่ามันไม่ใช่ และพรรคประชาธิปัตย์ผมกำชับเสมอว่าใครจะไปใช้สิทธิ์ในการชุมนุมประท้วงต้องใช้สิทธิ์อยู่ในขอบเขตของรัฐธรรมนูญเท่านั้น  ผมสนับสนับทั้ง 5 ข้อ และพยายามปฏิบัติมาตลอด ถ้าคุณอลงกรณ์มีความสนใจ หรือมีผู้รับรอง สนับสนุนจะเข้ามาสู่กระบวนการในการแข่งขันนี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะที่เราตัดสินใจทำอย่างนี้ก็เพื่อเปิดกว้างให้เกิดการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ ผมว่าแนวทางนี้เมื่อมีการแข่งขันแล้ว สังคมจะเห็นคำตอบที่ชัดเจนขึ้น และสมาชิกจะให้คำตอบที่ชัดเจนขึ้นด้วยว่าเขาต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปในทางไหน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว