12 ก.ย. 61 - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ควบรวมกิจการของ บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม เข้าไว้ด้วยกัน แล้วตั้งเป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านโทรคมนาคมของประเทศ เพราะในอนาคตเรื่องดังกล่าวจะมีการแข่งขันที่สูงมาก ดังนั้น การควบรวมกิจการของรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง จึงมีความจำเป็น และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร และประเทศจะได้รับประโยชน์ด้วย
นายสมคิด กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบแผนการดำเนินงานของ บมจ.การบินไทย โดยเฉพาะการพัฒนาสายการบินไทยให้เป็นสายการบินระดับพรีเมียม ส่วนกรณีของแผนการซื้อเครื่องบินใหม่จำนวน 23 ลำ มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทนั้น ได้มอบหมายให้การบินไทยกลับไปพิจารณารายละเอียดของแผนการจัดซื้ออีกครั้ง เช่น การจัดซื้อเครื่องบินมาครั้งนี้จะใช้ในเส้นทางใดบ้าง มีรุ่นอะไร มีความเหมาะสมหรือไม่ ตลอดจนแผนการสร้างพันธมิตรต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยการบินไทยจะต้องไปทำแผนให้ชัดเจน และในวันที่ 20 ก.ย. ตนจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมและรับทราบแผนการทำงานทั้งหมดของการบินไทยอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การมีฝูงบินใหม่ ถือเป็นเรื่องที่จำเป็น เนื่องจากตอนนี้ธุรกิจการบินมีการแข่งขันที่สูงทั้งตัวเครื่องบิน และอาหารต้องดี โดยในสัปดาห์หน้าจะไปที่การบินไทย ให้รายงานแผนมาให้ชัดเจนเลยว่าทำอะไรบ้าง ส่วนเรื่องการเงินไม่มีปัญหาเพราะรัฐบาลพร้อมอยู่ข้างหลังอยู่แล้ว
ด้านนายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า การควบรวมทีโอที และกสท โทรคมนาคม เป็นไปตามข้อเสนอของ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และยกเลิกการจัดตั้ง บริษัท โครงข่าย บรอดแบนด์แห่งชาติ (เอ็นบีเอ็น) และบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต จำกัด (เอ็นจีดีซี) ซึ่งเป็นบริษัทลูกตามแผนเดิม ส่วนรายละเอียดในการจัดตั้งบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จะตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมีปลัดกระทรวงดีอีเป็นประธาน เพื่อศึกษารายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้นำมาเสนอให้ที่ประชุม คนร.พิจารณาในเดือน พ.ย.นี้
นายประภาศ กล่าวว่า มีเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณาในการควบรวมทีโอที กับ กสท คือ ในเรื่องคดีความ และใบอนุญาตต่างๆ ซึ่งในเรื่องคดีความนั้นเช่นกรณีทีโอทีกับ กสท ฟ้องร้องคดีบุคคลที่ 3 แต่กสท.เป็นผู้ค้ำประกัน จะเคลียร์กันเรื่องคดีอย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจน ส่วนใบอนุญาตต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ กสทช. และสิทธิหน้าที่ต่างๆ นั้นต้องไปเคลียร์เช่นเดียวกัน ในส่วนของการดำเนินการควบรวมครั้งนี้ได้ทำตามมติบอร์ดของทั้ง 2 บริษัทที่เห็นชอบมาแล้ว ดังนั้นจะมีการตั้งคณะทำงานมาศึกษาในรายละเอียดโดยมีผู้แทนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมพิจารณา
ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้รับทราบความคืบหน้าของธนาคารอิสลาม ในเรื่องการเพิ่มทุนและการแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ ในเดือนต.ค.นี้น่าจะเรียบร้อยและมีแนวโน้มที่จะออกจากแผนฟื้นฟูได้เช่นเดียวกับธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอ็มเอ็มอีแบงก์ ที่ออกจากแผนฟื้นฟูไปก่อนหน้านี้ ซึ่งธนาคารอิสลามจะทยอยเพิ่มทุนได้ตั้งแต่เดือนต.ค.นี้ และมีผลประกอบการในช่วง 8 เดือน เป็นกำไรสุทธิทั้งสิ้น 811 ล้านบาท
ขณะที่นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สคร.กล่าวว่า เรื่องกระบวนการจัดซื้อฝูงบินของบริษัทการบินไทยนั้น ก่อนหน้านี้การบินไทยได้เสนอแผนไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่ง สศช.ได้ส่งเรื่องกลับมาให้การบินไทยพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารทั้งประธานบอร์ดการบินไทย และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่(ดีดี)คนใหม่ คิดว่าอีกประมาณ 1 เดือน การบินไทยน่าจะเสนอเรื่องกลับไปให้ สศช.พิจารณาเรื่องความจำเป็นในการจัดหาเครื่องบินใหม่
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |