"ประยุทธ์" แจงชงอบรมท้องถิ่นก่อนเลือกตั้งหวังสร้างการรับรู้หลักคิด ปชต.ใหม่ ไม่ใช่ชี้นำใคร ตะเพิด "จตุพร" ไปถอดหัวตัวเองก่อนบอกคนอื่น แนะอยู่เฉยๆ เตรียมสู้คดีที่มีเยอะแยะ รับห่วงช่วงปลดล็อกจะวุ่นวาย ให้กำลังใจ "เฌอปราง" อย่ายอมแพ้พวกไร้ศีลธรรม ฮึ่ม! จับกลุ่มใช้สัญลักษณ์ "สหพันธรัฐ" เด็ดขาด เหตุเข้าข่ายแบ่งแยกประเทศ "บิ๊กป้อม" ซัดพวกกบฏ เร่งประสาน สปป.ลาวห้ามช่วยเหลือ "ลูกสาวแม้ว" โพสต์ส่งซิกแดงเหลืองกลมเกลียวกันสวยงาม "เต้น" หยัน คสช.กลัวแพ้เลยไม่ปลดล็อก ชิงตีกันระบุระวังผลเลือกตั้งออกมาแล้วบางฝ่ายอาจไม่ยอมรับ "มีชัย" ค้านเขียนคุมหาเสียงใน กม.มั่นคงไซเบอร์ หวั่นกระทบ ปชช.ยามปกติ
เมื่อวันอังคาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงแนวคิดจะให้อบรมพิเศษข้าราชการท้องถิ่นและประชาชน 3 เดือนก่อนการเลือกตั้งว่า ตนอาจจะใช้คำพูดหนักไปที่ว่าจะให้มีการอบรมพิเศษ ความจริงต้องการจะบอกว่าอยากให้มีการสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยก็ได้มีการดำเนินการไปบ้างแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนในท้องถิ่นเข้าใจว่าเราจะมีการบริหารราชการแบบธรรมาภิบาลได้อย่างไร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีหลักการทั้งหมด 6 ข้อ ประชาชนจะต้องรับทราบระบบการบริหารราชการแผ่นดินเป็นอย่างไร ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น การใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งมีความแตกต่างจากที่ผ่านมา รวมทั้งมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ทำไป ทุกอย่างต้องสร้างการรับรู้ใหม่ แม้ที่ผ่านมาสื่อจะช่วยขยายความ แต่ก็ยังไม่ทั่วถึง
"กระบวนการสร้างการรับรู้ที่ทำ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปสนับสนุนใคร อย่ามองทุกอย่างเป็นการเมืองไปทั้งหมด วันนี้หลายคนบอกว่าประชาชนยังไม่รู้เลยว่ารัฐบาลทำอะไร แล้วก็ต่อว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่ทำให้ประชาชนเข้าใจ ผมจึงต้องทบทวนว่าจะต้องทำอย่างไร ทุกกระทรวงต้องสรุปแนวทางและสิ่งที่ทำมาตลอด 4 ปี ใครได้หรือไม่ได้ประโยชน์ ถ้าไม่อธิบายหรือสร้างความเข้าใจ ทุกอย่างก็จะกลับมาที่เดิม ในส่วนของท้องถิ่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ไปสนับสนุนพรรคไหน หรือเลือกใคร เพียงแต่จะบอกว่าท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง และเมื่อการเลือกตั้งเกิดขึ้น ทุกคนต้องมีหลักคิด จะเลือกตั้งคนอย่างไรเข้ามาบริหารงานในท้องถิ่น มีประสิทธิภาพ มีความรู้ในเรื่องการบริหารงานราชการแค่ไหน อย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ออกมาเสนอแนะให้ทุกพรรคถอดหัวโขนมาจับเข่าคุยก่อนตกลงกับ คสช.เพื่อให้พรรคเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลว่า การที่นายจตุพรบอกให้ถอดหัวโขน ตนคิดว่านายจตุพรต้องถอดหัวตัวเองออกไปก่อน
"ไอ้คนพูด ไปขยายความให้เขาทำไม น่าเชื่อถืออะไรหรือเปล่า และมีส่วนร่วมในความขัดแย้งทางการเมืองช่วงที่ผ่านมาหรือเปล่า ทุกคนก็รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นก็ว่ามา ผมไม่ไปทะเลาะด้วย ให้เขาเงียบๆ ไปบ้าง ถอดหัวตัวเองออกไปบ้าง อยู่เฉยๆ ดีที่สุด ไปเตรียมสู้คดีมีเยอะแยะ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ถามถึงกลุ่มต่อต้านรัฐบาลออกมาโจมตีเฌอปราง วง BNK48 หลังออกรายการเดินหน้าประเทศไทย เป็นเครื่องมือรับใช้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำได้หรือไม่ ไม่ว่าในหรือต่างประเทศ เขายอมหรือไม่ กฎหมายเขียนไว้หรือเปล่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มีหรือไม่ ไอ้คนพวกนี้ส่วนใหญ่ก็หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ แล้วก็ทำเข้ามา การโจมตีเฌอปราง ผมก็สงสารเด็ก การที่ทุกคนมาช่วยกันทำความดีให้ประเทศมันเสียหายตรงไหน
“ขอให้กำลังใจน้องเฌอปราง อย่าไปยอมแพ้คนไม่ดี คนไม่มีคุณธรรม ศีลธรรม อย่าไปยอมแพ้ ใครก็ได้ ผมบอกแล้ว การทำความดีทำได้ทุกเวลา ทุกหน้าที่ ทุกกิจการ ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อประเทศชาติและประชาชนของเรา ต่างคนต่างไม่ได้ประโยชน์ แต่ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์ ต้องมองตรงนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ห่วงปลดล็อกวุ่นวาย
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ตนกังวลคือเมื่อถึงช่วงการปลดล็อกอะไรต่างๆ มันจะวุ่นวายหรือไม่ ท่านต้องช่วยตนลดความขัดแย้งตรงนี้ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะเสียหาย การลงทุนการท่องเที่ยวจะติดชะงัก จะได้อะไรขึ้นมา ได้รัฐบาลเดิมๆ ขึ้นมาที่ชนะคะคานมาด้วยความขัดแย้ง บิดเบือนซึ่งกันและกัน แล้วจะได้รัฐบาลที่ดีมาหรือไม่
ถามถึงกรณีมีการจับกุมผู้ที่ใส่เสื้อสีดำมีสัญลักษณ์สหพันธรัฐไท พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอถามกลับว่าคำว่าสหพันธรัฐไทถูกกฎหมายหรือไม่ ประเทศไทยจะเป็นสหพันธรัฐได้หรือไม่ ความหมายของสหพันธรัฐคืออะไร เป็นการล้มระบบการปกครองหรือไม่ เข้าข้อหากบฏหรือไม่ อั้งยี่ซ่องโจรหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญแล้วประเทศไทยก็คือประเทศไทย ที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการทางกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันมาโดยตลอด ดังนั้นขอร้องว่าอย่าทำ และใครอย่าไปร่วมมือ เพราะเป็นการบ่อนทำลายประเทศชาติของเรา ในเมื่อเราเป็นประเทศประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือสิ่งที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นอาณาจักรหนึ่งเดียวแบ่งแยกมิได้
"คำว่าสหพันธรัฐเป็นการแบ่งแยก เป็นรัฐต่างๆ ให้มีอิสระ อะไรที่ขัดกับรัฐธรรมนูญเป็นไปไม่ได้ทั้งสิ้น ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้กฎหมายรุนแรงด้วย เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวัง จะเห็นได้ว่าในโซเชียลมีเดียเจ้าหน้าที่พยายามปิดกันการพูดในลักษณะแบบนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะมาจากต่างประเทศ บางครั้งก็ต้องใช้อำนาจศาลสั่งปิด แต่ก็มีการเปิดใหม่ขึ้นมาโดยตลอด ไม่ใช่ว่ารัฐไม่ทำ ก็มีลุงนั่นลุงนี่ออกมาพูดผ่านโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก เว็บไซต์ โจมตีอยู่ทุกวัน ถูกหรือผิด และคนกลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับคนที่อยู่ต่างประเทศหรือเปล่า ทุกอย่างมีเบื้องหลังทั้งหมด อย่ามาบอกว่ารัฐบาลรังแกคน มันไม่ใช่ ต้องเอากฎหมายมาดูว่าผิดกฎหมายข้อไหน มีการเชื่อมโยงกับใครบ้าง" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการจับกุมนางวรรณนภาพร้อมกับเสื้อยืดสีดำมีแถบป้ายสีขาว และสีแดงบริเวณหน้าอกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นเสื้อที่มาจากพรรคการเมืองหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์การแบ่งแยกการปกครองเป็นสหพันธรัฐไทว่า ขณะนี้จับกุมได้ 4 รายแล้ว ขบวนการดังกล่าวมาจากแหล่งเดียวคือ สปป.ลาว และมีเครือข่ายในประเทศไทย มีนายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ หรือลุงสนามหลวง เป็นผู้ดำเนินการ มีการติดต่อกัน มีการขายเสื้อ ขายธง นอกจากนี้ ยังเชื่อมโยงกับผู้ที่หลบหนีคดีมาตรา 112 และมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น ที่อาศัยอยู่ใน สปป.ลาวทั้งหมด
"หากสอบสวนไปถึงบุคคลใดจะดำเนินการจับกุมทั้งหมด การกระทำในลักษณะดังกล่าวถือว่าเป็นกบฏ เรากำลังหารือกับทางการ สปป.ลาว เพื่อไม่ให้ให้การช่วยเหลือกับขบวนการเหล่านี้ การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการปลุกระดมทางโซเชียลมีเดีย เป็นความพยายามที่ทำให้คนเกิดความคิดแบ่งการปกครองเป็นสหพันธรัฐใหม่ ไม่ให้มีสถาบัน ถือว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะนายชูชีพ หรือลุงสนามหลวง ผมตามมานานแล้ว” พล.อ.ประวิตร กล่าว
ถามว่า นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ อดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่หลบหนีคดีมาตรา 112 ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่รู้ๆ”
'เต้น'หยัน'คสช.'กลัวแพ้
วันเดียวกัน เฟซบุ๊ก Ing Shinawatra ของอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพและข้อความว่า ทางเราก็ไม่ติด 'ทักษิณ' ส่งซิกเผยพลังดูด! หลอดแดงเหลืองกลมเกลียวกันสวยงาม
"2 สาวเมื่ออยู่กับพ่อก็กลับไปเป็นเด็กได้ทุกเมื่อ ...พ่อบอกหลอดแดงเหลืองกลมเกลียวกันสวยงาม ทางเราก็ไม่ติด เลยทำตัวกลมไปด้วยตามกระแส"
เป็นที่น่าสังเกตว่า โพสต์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นหลังนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในงานเสวนา "อนาคตประเทศไทย ตายหรือตันก่อนการเลือกตั้ง" ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยว่า "ทั้งหมดทั้งปวง จะฝากอนาคตไว้กับซีกใดซีกหนึ่งไม่ได้ เลยขอฝากไว้ทุกฝ่าย ผู้มีอำนาจ ถ้าใจกว้างควรชวนทุกฝ่ายเข้ามาร่วม มาหาทางออก เอาประชาธิปไตยให้ได้ก่อน เอาเรื่องส่วนรวมมาก่อนเรื่องส่วนตัว ถ้ายังดำรงอยู่เหมือนปัจจุบัน แม้เลือกตั้งแล้วก็ยังวิกฤติ แล้วเมื่อเกิดแล้วก็ยังไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในบ้านเมือง"
นอกจากนี้ ยังมีกรณีพรรคเพื่อไทยชักชวนพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านร่วมกันหากพบว่า คสช.พยายามสืบทอดอำนาจ สำหรับนายทักษิณและครอบครัวขณะนี้ใช้เวลาพักผ่อนที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวการขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนตามหมายจับหลายคดีจากทางการไทยเลย
นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า การที่ คสช.และรัฐบาลไม่ยอมปลดล็อกทางการเมืองทันที แต่มีเงื่อนงำทำสองขยักคือ คลายล็อกก่อน ทั้งที่ผู้นำรัฐบาลคสช.ประกาศออกมาแล้วจะเดินหน้าเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 หรือในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่มากในการเตรียมความพร้อมของพรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่ที่มีมากถึง 69 พรรค และในจำนวนนี้ก็เป็นพรรคการเมืองที่ประกาศตัวสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อสืบทอดอำนาจต่ออยู่แล้ว ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันมาก
"ในเมื่อรัฐบาล คสช.มีความได้เปรียบในอำนาจรัฐ งบประมาณแผ่นดินที่เอื้อประโยชน์ และกำลังพลฝ่ายราชการที่เป็นกลไกอำนาจรัฐอยู่ในมือ รวมทั้งกฎหมายการเลือกตั้ง และที่สำคัญคือมีอำนาจแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว.แต่งตั้งที่มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นกองกำลังหลักในการสนับสนุนตนเองเป็นนายกฯ อยู่แล้ว เอาเปรียบและได้เปรียบคนอื่นมากมายอยู่แล้ว จะต้องกลัวอะไรกับเรื่องแค่ปลดล็อกทางการเมืองทันทีเพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศสบายใจว่าจะได้เลือกตั้งจริงๆ เสียที พรรคการเมืองก็จะได้ทำกิจกรรมอย่างเสรีในระบอบประชาธิปไตย" นายพายัพกล่าว
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์เหตุที่ยังไม่ปลดล็อกเพราะ คสช.กลัว ยังนึกไม่ออกว่ามีอะไรต้องกลัว เพราะกลไกทุกอย่างอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ และทุกฝ่ายในการเมืองต่างพร้อมใจเดินหน้าสู่สนามเลือกตั้ง ไม่มีใครสร้างเหตุวุ่นวายแน่นอน ที่พอจะคิดได้ว่าน่ากลัวคือกลัวแพ้ ซึ่งถ้าพูดกันจริงๆ ก็ไม่ควรกลัว เพราะจนกว่าจะถึงวันลงคะแนนยังไม่มีใครฟันธงผลได้
"เมื่อดูภาพรวมก็ต้องบอกว่าฝ่ายผู้มีอำนาจเป็นต่อ ไม่มีอะไรน่ากลัว อย่าให้ใครพูดได้ว่าประชาชนใจถึงกว่า พร้อมสู้ทั้งที่เป็นรองทุกด้าน สำหรับผมที่น่ากลัวที่สุดคือ ผลการเลือกตั้งออกมาแล้วบางฝ่ายไม่ยอมรับ มีการฝืนมติประชาชนจนกลายเป็นความขัดแย้งใหญ่ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ถือว่าแพ้กันทั้งประเทศ" นายณัฐวุฒิกล่าว
ขณะที่นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.... ว่า ขณะนี้ใกล้เสร็จแล้ว โดยเราไปดูหลักเกณฑ์ของต่างประเทศ อย่างเช่นประเทศสิงคโปร์ ที่คิดว่าสามารถนำมาใช้กับประเทศไทยได้ง่ายสุด แต่ยังมีข้อที่ต้องมาปรับให้เข้ากับประเทศไทย ซึ่งเหลือการประชุมอีก 2 ครั้งจะเสร็จสิ้น ตนจึงขอให้ดำเนินการให้เร็ว เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และพยายามจะให้เสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ ไม่เช่นนั้นเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์จะเดินหน้าไม่ได้
ถามว่า จะมีการเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งทางโซเชียลมีเดียไปด้วยหรือไม่ เลขาฯกฤษฎีกากล่าวว่า รายละเอียดพวกนี้ต้องไปว่าในการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพราะตอนเสนอมายังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่มีเรื่องนี้
ติง กม.คุมหาเสียงไซเบอร์
ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้นัดประชุม กรธ. เป็นนัดสุดท้าย เพื่อตรวจดูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 60 ขณะเดียวกันได้มอบหนังสือ “ความในใจของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560” ให้กับ กรธ. ทีมงาน และสื่อมวลชนเป็นที่ระลึก
ทั้งนี้ เนื้อหาหนังสือดังกล่าวจะเป็นการบันทึกเรื่องราว ความทรงจำ ประสบการณ์ต่างๆ ในการทำหน้าที่ของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญแต่ละคน บอกเล่าความในใจตลอดระยะเวลาในการทำหน้าที่ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาว่ากว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ
นายมีชัยกล่าวถึงการออกระเบียบการควบคุมหาเสียงทางโซเชียลฯ ว่า เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะคิดหาแนวทาง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับค่าใช้จ่ายในการหาเสียง ส่วนการใส่ร้ายป้ายสีกันถือว่าเป็นเรื่องที่หมิ่นเหม่และอันตรายมาก เพราะจะกระทบชาวบ้านทั่วไปที่เห็นข่าวแล้วไม่รู้ข้อเท็จจริง แต่เกิดความสนใจและไปแชร์ต่อ แต่หากต้นตอเป็นเท็จ ระหว่างการหาเสียงประชาชนต้องระมัดรระวัง เพราะ กกต.จะจำกัดและควบคุมเป็นไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นตนคิดว่าควรมีหน่วยงานที่จะตั้งขึ้นมา โดยมีสายด่วนเพื่อคอยรับแจ้งและจัดการเพื่อลบข้อความในโซเชียลฯ ที่เป็นเท็จ เพราะถ้าทิ้งไว้จะเป็นอันตรายกับบุคคลที่ถูกพูดถึง
"แต่ไม่ถึงขนาดต้องไปกำหนดไว้ในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพราะหากใส่ไว้ หากไม่ใช้ช่วงเลือกตั้ง ก็จะกลายเป็นผิดความมั่นคงไปด้วย จึงต้องระมัดระวังด้วย" นายมีชัยกล่าว
ประธาน กรธ.กล่าวถึงข้อกังวลการทำงานของรัฐบาล คสช.ในระหว่างการเลือกตั้งว่า ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อมี พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง คสช.ยังมีอำนาจเต็มจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการตามปกติทั่วไป ดังนั้นเขาจึงใช้อำนาจได้เต็ม แต่การมีอำนาจไม่ได้แปลว่าต้องใช้ เพราะที่ผ่านมา คสช.ระมัดระวังการใช้อำนาจตามกฎหมายอยู่ตลอด ส่วนข้อกังวลที่ว่าจะใช้อำนาจเพื่อหาเสียงให้กับบางพรรคการเมืองนั้น ตนคิดว่าคะแนนนิยมไม่ต้องใช้คำสั่ง คสช.ก็ได้
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองเรียกร้องคสช.ปลดล็อกทันทีที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศราชกิจจานุเบกษา เนื่องจากต้องการให้มีเวลาหาเสียงมากกว่า 70 วันว่า เข้าใจว่าพรรคการเมืองต้องการให้ปลดล็อกตั้งแต่ช่วงนี้ เพราะอยากเคลื่อนไหวทำกิจกรรมได้เหมือนก่อนรัฐประหารปี 57 ซึ่งไม่พยายามทำความเข้าใจว่า คสช.มองว่าระหว่างรอกฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ 90 วันนั้น คสช.ก็จะคลายล็อกให้หาสมาชิกจัดประชุมต่างๆ ได้ เว้นแต่ขึ้นแห่หาเสียง เปิดเวทีปราศรัย ควรต้องรอให้กฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้กฎหมาย และมีการประกาศ พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง ที่จะเข้าสู่หลักเกณฑ์ของการหาเสียงได้
"ถ้าปล่อยให้หาเสียงในขณะนี้ ก็จะไม่มีกฎหมายอะไรมาบังคับหรือรองรับ ดังนั้นพรรคการเมืองจะไปกลัวอะไรในเมื่อก็ต้องทำเหมือนๆ กันหมด โดยเฉพาะพรรคการเมืองเก่าๆ ทั้งหลายที่บอกว่ามีเครือข่ายทั่วประเทศ มีความนิยม การออกมาเรียกร้องดังกล่าวจึงมองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากหาเรื่องดิสเครดิต คสช.ทุกเรื่อง และก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ เหมือนที่เคยทำมาแต่ไหนแต่ไร พรรคประชาชนปฏิรูปเป็นพรรคใหม่ เราต้องการการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปการหาเสียงที่ไม่ไปก่อให้เกิดความวุ่นวายเหมือนในอดีต จึงอยากให้รอถึงเดือน ธ.ค.ที่กฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้แล้วจึงให้หาเสียงได้ โดยมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่" นายไพบูลย์กล่าว
ส่วนนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกรณีที่มีการโจมตีกลุ่มสามมิตรว่าสร้างราคาเกินจริง ได้แต่อดีต ส.ส.พวกตะวันใกล้ตกดินว่า จริงๆ แล้วไม่อยากตอบโต้อะไร เพราะไม่อยากเล่นการเมืองแบบเก่า ไม่สร้างสรรค์ แต่ ส.ส.พวกใกล้ตะวันตกดินนั้นก็ยังดีกว่าพวกที่ยังไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ทางกลุ่มสามมิตรคงไม่ใส่ใจ เอาเวลาไปลงพื้นที่รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนแล้วช่วยแก้ปัญหาให้ดีกว่า ไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ การเมืองไทยไม่ค่อยจะพัฒนาหากคอยแต่สาดโคลนใส่กัน เอาเวลาไปคิดนโยบายดีๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนดีกว่า.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |