10 ก.ย.61 - จากกรณีที่นายไก่ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี พร้อมมารดาชาว อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือน เม.ย.2561 ที่ผ่านมา โดยกล่าวหาว่า นางมานิตย์ เต็มปักษี อายุ 44 ปี ชาวบ้านหนองไผ่ ต.เสาเดียว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแม่ยายของหนุ่มวัย 15 ปี คนดังกล่าว ที่ได้อยู่กินกับลูกสาวคนเล็ก อายุ 14 ปี แบบสามีภรรยา พร้อมด้วย น.ส.สมศรี สายสมคุณ อายุ 21 ปี บุตรสาวคนโตของนางมานิตย์ และนางฉวีวรรณ ลูกจันทร์ อายุ 30 ปี หลานสาวของนางมานิตย์
โดยกล่าวหาว่า ทั้ง 3 ยักยอกทรัพย์สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 หมายเลข 412073 งวดประจำวันที่ 1 เม.ย. 2561 จำนวน 2 ใบ เป็นเงินรางวัล 12 ล้านบาท ที่หนุ่มวัย 15 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยอ้างว่า ถูกรางวัลที่ 1 แล้วนำลอตเตอรี่ทั้ง 2 ใบ ไปฝากไว้กับนางมานิตย์ ผู้เป็นแม่ยาย แต่กลับถูกแม่ยายนำไปขึ้นเงิน พร้อมทั้งได้มีการว่าจ้างทนายความยื่นฟ้องศาลจังหวัดนางรอง ให้เอาผิดกับบุคคลทั้ง 3 คนด้วย ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2561 ที่ผ่านมา ทนายปิยณัฐ สุกยัง ทนายอาสาจากเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมจำเลยทั้ง 3 ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีอาญาที่ อ.846/2561 ที่ศาลจังหวัดนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้นัดไต่สวนมูลฟ้อง
โดยในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ คือ แฟนของลูกสาวได้อ้างว่าไปซื้อสลากพร้อมกับแฟนสาววัย 14 ปี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2561 และได้สลักหลังสลากไว้ชัดเจน เมื่อถูกรางวัลแฟนสาวได้โทรหาแม่ตัวเอง คือจำเลยในคดีนี้ว่าถูกรางวัลที่ 1 และก็ส่งมอบให้จำเลยไปเพื่อขึ้นเงิน โดยหลังจากส่งมอบแล้วก็อ้างว่าจำเลยได้ยักยอกสลากเป็นของตัวเอง ฝ่ายโจทก์จึงได้แจ้งความ และดำเนินการฟ้องโดยตรงต่อศาล ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ฝ่ายโจทก์มีพยานมาเบิกความคือโจทก์ และแม่ของโจทก์ ได้เบิกความยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าจำเลยยักยอกไป และได้ขอหมายศาลไปยังกองสลาก เพื่อตรวจสอบรางวัลที่ 1 ชุดที่ 14 งวดดังกล่าวว่า มีคนขอขึ้นเงินรางวัลไปหรือไม่ แต่ปรากฏว่ารางวัลที่ 1 ชุดที่ 14 ได้มีคนขึ้นเงินไปแล้ว และชื่อที่สลักหลังนั้นก็ไม่ใช่ชื่อโจทก์แต่อย่างใด จากนั้นโจทก์จึงขอแก้ฟ้องว่า จำไม่ได้ว่าถูกรางวัลชุดที่เท่าไหร่กันแน่
จากหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์เบิกความมาทั้งหมด ศาลได้วินิจฉัยว่า เป็นเพียงแค่พยานบุคคล และพยานบอกเล่า ไม่มีวัตถุพยาน หรือพยานเอกสารมายืนยัน ว่าจำเลยกระทำผิดจริง และการที่จำเลยไปแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2561 จำได้ว่าสลากที่ถูกรางวัลคือ ชุดที่ 14 เป็นระยะเวลากระชั้นชิดกับตอนเกิดเหตุ จึงน่าเชื่อว่าไม่อาจปั้นแต่งเรื่อง ประกอบกับพยานเอกสารจากกองสลากก็ไม่ปรากฏชื่อโจทก์ ที่สลักไว้หลังสลาก และไม่ปรากฏชื่อของจำเลย หรือญาติของจำเลยไปขึ้นเงิน ศาลจึงมีคำพิพากษายกคำร้องโจทย์ในชั้นไต่สวน
ด้านนางมานิตย์ และนางฉวีวรรณ ผู้ถูกฟ้อง กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลยกคำร้องเชื่อว่าความยุติธรรมยังมีอยู่จริง ซึ่งที่ผ่านมาก็ยืนยันในความบริสุทธิ์มาตลอด ยอมรับว่าหลังถูกแจ้งความและฟ้องร้องกล่าวหาว่ายักยอกลอตเตอรี่ 12 ล้านบาท ก็ต้องตกเป็นจำเลยสังคมถูกตราหน้าเป็นหัวขโมยมานานกว่า 5 เดือน แม้จะมั่นใจในความบริสุทธิ์ว่าไม่เคยเห็นลอตเตอรี่ดังกล่าวเลย และไม่รู้ว่าลูกเขยที่กล่าวหานั้นถูกลอตเตอรี่จริงหรือไม่ ที่ผ่านมาทุกข์ใจมา ทั้งยังต้องเสียเงินและเวลาในการเดินทางไปขึ้นศาล แต่พอมีทนายอาสามาช่วยเหลือจนล่าสุดศาลก็ได้พิจารณายกคำร้อง ก็รู้สึกดีใจจะได้ไปทำมาหากินตามปกติ
นางมานิตย์ ยังกล่าวอีกว่า หากถามว่าโกรธหรือไม่ที่ถูกกล่าวหา ก็ยอมรับว่าโกรธและเสียใจที่ลูกสาวของตัวเอง และลูกเขย ทำกับตนเองแบบนี้ แต่คงจะไม่เอาความหรือฟ้องกลับเพราะเห็นว่ายังเป็นเด็ก อาจทำไปเพราะความคึกคะนอง หรืออาจจะโกรธที่แม่บอกให้ฝั่งครอบครัวฝ่ายชายมาสู่ขอตามประเพณีหลายครั้งแต่ไม่ยอมมา แต่ก็อยากจะเตือนสติทั้งสองคนให้หยุดพฤติกรรมโกหกจนทำให้คนอื่นเดือดร้อน เพราะถึงแม้ตนเองจะไม่เอาเรื่องแต่ก็ให้นึกถึงผลของการกระทำด้วย
ทั้งนี้นางมานิตย์ พร้อมด้วยนางฉวีวรรณ หลานสาวที่ถูกฟ้อง และญาติพี่น้อง ได้พากันไปจุดธูปไหว้ศาลพระภูมิหน้าบ้าน เพื่อบอกกล่าวเจ้าที่หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่พ้นเคราะห์จากข้อกล่าวหา และขอให้อย่ามีเรื่องต้องทุกข์ใจอีกเลย เพราะครอบครัวก็มีฐานะยากจนอยู่แล้ว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |