ใต้ระอุ!วางเพลิงลอบบึ้ม


เพิ่มเพื่อน    

    ป่วน! อำเภอจะนะ จ.สงขลา คนร้ายลอบวางเพลิงร้านซ่อม จยย.ในพื้นที่ แถมวางระเบิดดักสังหารชุดปลัดฝ่ายความมั่นคงขณะเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุซ้ำอีก โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ แค่รถหุ้มเกราะเสียหาย เชื่อฝีมือกลุ่มนายมะยาโก๊ะ ลาเต๊ะ ที่เคยยิงสองผัวเมียเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์เสียชีวิต 2 ศพที่ อ.เทพา "ผบ.ตร." สั่งตั้งด่านเข้มงวดสถานที่สำคัญทุกแห่ง พร้อมไล่ล่ามือยิงชาวบ้านตาย 2 เจ็บ 2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา  
    เมื่อวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 06.00 น. นายเฉลิมชัย  วิสุทธิชานนท์ และนายสมศักดิ์ ชูศรี ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.จะนะ จ.สงขลา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ว่าเกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ชื่อร้านวัฒน์จะนะมอไซด์ ตั้งอยู่เลขที่ 17/7 หมู่ 10 ต.บ้านนา อ.จะนะ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ อส.จะนะเดินทางเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุชุดแรก ปรากฏว่าระหว่างที่เดินทางด้วยรถหุ้มเกราะของ อส.เข้าไปใกล้ถึงจุดเกิดเหตุอีกเพียง 500 เมตร ได้ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดจากริมถนน แต่โชคดีที่ทีมปลัดอำเภอและ อส.ประมาณ 10 นายปลอดภัย มีเพียงรถหุ้มเกราะล้อหลังซ้ายได้รับความเสียหาย จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าช่วยเหลือ กระทั่งสามารถเดินทางเข้าจุดที่เกิดไฟไหม้ได้
    ต่อมา พ.ต.อ.อนุรุธ อิ่มอาบ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สภ.จะนะ และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 ได้เข้าเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด โดยจุดแรกเข้าตรวจสอบจุดที่คนร้ายลอบวางระเบิดใส่ทีมปลัดและ อส.อำเภอจะนะ ระหว่างที่เดินทางไปตรวจที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณพื้นที่หมู่ 8 ต.บ้านนา พบเป็นระเบิดแสวงเครื่องขนาดเล็กหนักประมาณ 5 กิโลกรัมใส่ไว้ในกล่องเหล็ก ใช้แผงวงจรวิทยุสื่อสารในการจุดระเบิด และใช้เหล็กดัดเป็นสะเก็ดระเบิด โดยเจาะหลุมฝังไว้ใต้ผิวถนนลึกประมาณ 1 เมตร เจ้าหน้าที่ได้เก็บชิ้นส่วนระเบิดไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอของคนร้ายใช้เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมกับเปิดเส้นทางให้ประชาชนได้สัญจรตามปกติ
    จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบร้านวัฒน์จะนะมอไซด์ ตั้งอยู่เลขที่ 17/7 ม.10 ต.บ้านนา ห่างจุดแรกประมาณ 500 เมตร พบเป็นเพียงการลอบวางเพลิง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบเก็บหลักฐานพบคบเพลิง ไฟแช็ก พร้อมแกลลอนใส่น้ำมันเบนซินขนาด 6 ลิตร ที่ใช้ราดและจุดไฟเผาตกอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยมีรถจักรยานยนต์ที่รอซ่อมอยู่ได้รับความเสียหาย 5 คัน และหลังคาร้านถูกไฟไหม้เสียหาย
    นายภาณุวัฒน์ ธรรมโชติ อายุ 37 ปี เจ้าของร้าน ให้การว่า เมื่อช่วงประมาณตี 4 ขณะนอนอยู่กับภรรยาในร้าน มีรถจักรยานยนต์ขี่มาจอดหน้าร้าน และได้ยินเสียงผิดปกติเหมือนกับมีคนมาทำอะไรตรงหน้าร้านพร้อมกับเสียงสุนัขเห่า สักพักก็มีแสงไฟเกิดขึ้นและลุกโชนทันที พร้อมกับเสียปะทุของรถจักรยานยนต์ที่ถูกไฟไหม้ ส่วนคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป
วางเพลิงป่วน อ.จะนะ
    เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ชุด ชุดละ 2 คน ชุดแรกวางเพลิงร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ส่วนชุดที่ 2 ลอบวางระเบิดเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่เดินทางเข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบสวนพยานแวดล้อมเพื่อหาเบาะแสคนร้ายต่อไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เกิดขึ้นครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2559 คนร้ายใช้จักรยานยนต์บอมบ์ที่หน้าสถานีรถไฟจะนะ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายอายุแค่ 4 ขวบ และบาดเจ็บอีก 15 คน
    ที่ สภ.จะนะ จ.สงขลา พ.ต.อ.อนุรุธ อิ่มอาบ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา (รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา) เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพื่อสรุปเหตุการณ์และความคืบหน้าในภาพรวมของคดีดังกล่าว ทั้งการสอบสวนพยานแวดล้อม หาเบาะแสคนร้าย การตรวจรายละเอียดของวัตถุระเบิดที่ใช้ก่อเหตุ และการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณพื้นที่โดยรอบ  
    ในการประชุมเชื่อว่าคนร้ายมี 2 กลุ่ม กลุ่มละ 2 คน แบ่งหน้าที่กันทำงาน เนื่องจากจุดเกิดเหตุทั้งสองจุดอยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตรครึ่ง โดยคนร้ายวางเพลิงร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ก่อน เพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่ออกมาและกดระเบิดซ้ำ และในทางการข่าวเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของคนร้ายกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุยิงสองผัวเมียเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์เสียชีวิต 2 รายที่ อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกลุ่มของนายมะยาโก๊ะ ลาเต๊ะ 
    นอกจากนี้ พ.ต.อ.อนุรุธได้สั่งการให้พื้นที่เสี่ยงใน 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ทั้ง อ.จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย และเมืองเศรษฐกิจ ทั้ง อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการสร้างสถานการณ์ในระยะนี้
ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 15.30 น. ที่เรือนรับรอง มณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ ได้แถลงความคืบหน้ากรณีคนร้ายกราดยิงพร้อมขว้างขวดบรรจุน้ำมันใส่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.โคกโพธิ์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. และการตรวจพบระเบิดเมื่อ 7 ก.ย. ที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยนำผู้ต้องหา 6 คนพร้อมระเบิดอาวุธปืนและระเบิดขวดรถจักรยานยนต์ที่ยึดได้มาแถลงข่าว
ทั้งนี้ จากการสอบสวนและหลักฐานพบว่า ในกรณีสำนักงาน กฟภ.โคกโพธิ์นั้น มีผู้ต้องสงสัย 5 คน ซึ่งเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ยิงหม้อแปลงไฟฟ้า ที่บริเวณหมู่ที่ 7 ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2561 และเหตุลอบยิง อส.มูฮำหมัดรอซี เจ๊ะเด็ง ได้รับบาดเจ็บ และนายอับดุลการีม มือซา เสียชีวิต บนถนนสายบ้านควนลาแม-บ้านห้วยน้ำเย็น เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2561 รวมทั้งเหตุลอบโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยพัฒนาสันติ 42-1 เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 โดยหน่วยงานอยู่ระหว่างสอบสอบว่าเกี่ยวข้องกับนายบูคอหลี หวังโซ๊ะ ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มขบวนการที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่
    ส่วนอีกกรณีนั้นจับผู้ต้องหาได้ 4 ราย โดยอยู่ระหว่างสอบสวนที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 และหน่วยซักถามข่าวกรอง โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายในขบวนการที่มีหน้าที่ขนย้ายระเบิดส่งต่อไปยังอีกกลุ่มที่จะนำไปวางระเบิดก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ อ.สายบุรี แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับได้ก่อนลงมือก่อเหตุ
    ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 2 คน ในพื้นที่ สภ.จะแนะ จว.นราธิวาส เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ระบุเมื่อวันที่ 8 ก.ย.2561 เวลาประมาณ 17.00 น. สภ.จะแนะ จว.นราธิวาส ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิง นางอวบ อุทัย เสียชีวิต และคนร้ายได้วางเพลิงเผาภายในบ้านเลขที่ 264 ม.6 ต.ช้างเผือก จะแนะ จ.นราธิวาส ได้รับความเสียหาย
    จากนั้นคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงนายศรีบุญเรือง  อุทัย ซึ่งขับรถยนต์นิสสันมาร์ช ทะเบียน กค 3938 นราธิวาส มาจอดบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 281 ม.6 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ซึ่งมีนางวรรณเพ็ญ อุทัย ภรรยา นั่งมาในรถด้วย ทั้ง 2 ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลสุคิริน และนายศรีบุญเรืองได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนางวรรณเพ็ญถูกนำตัวส่งไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก โดยขณะเกิดเหตุได้มีนายบุญเลิศ ชดช้อย เดินทางมารับเวร อรบ.พบเห็นเหตุการณ์ ได้ยิงต่อสู้กับคนร้ายจนได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จากนั้นคนร้ายได้จุดไฟเผารถยนต์โตโยต้า ทะเบียน บจ 3901 นราธิวาส ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 281 ม.6 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ได้รับความเสียหาย หลังก่อเหตุคนร้ายหลบหนีไป
สั่งล่าคนร้ายยิงชาวบ้าน
    พนักงานสอบสวนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสถานที่เกิดเหตุ บันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุพอสังเขป และสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์และผู้ที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสหรือข้อมูลของคนที่ก่อเหตุและตรวจสอบไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ใช้หลบหนี และร่วมกับแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต
    "จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และปลอกกระสุนปืนลูกซอง ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ก่อความไม่สงบในพื้นที่ โดยได้รายงานให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.รับทราบแล้ว ทาง ผบ.ตร.ได้แสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิต รวมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดการจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุได้โดยเร็ว" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
    รองโฆษก สตช.กล่าวว่า ผบ.ตร.ยังกำชับให้เร่งสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ โดยเฉพาะผู้มีคดีค้างเก่า เพื่อสร้างความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว นักลงทุนในพื้นที่ อีกทั้งยังได้กำชับให้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอาชญากรรม ในการเพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราสถานที่ต่างๆ เช่น แหล่งชุมชน สถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว หรือสถานที่สำคัญ ที่อาจเป็นเป้าหมาย เพื่อป้องกันการเกิดเหตุในลักษณะแบบนี้ 
    "เราต้องเพิ่มมาตรการเข้มทั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในการตรวจค้นรถทุกชนิดและบุคคลเป้าหมาย ตามเส้นทางหลักและเส้นทางรอง จัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่ย่านเศรษฐกิจและชุมชน ทั้งนี้ ก็ขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยเป็นหูเป็นตา เฝ้าสังเกตบุคคล วัตถุต้องสงสัย หากพบให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที" รองโฆษก สตช.กล่าว
    วันเดียวกัน บริเวณสนามกีฬากลางเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา พ.ต.ท.เชษฐวิทย์ นีระฮิง  ผบ. ฉก.ตชด.44 เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพหุวัฒนธรรมสัมพันธไมตรี มี ร.ต.อ.สมเกียรติ์ เทพฉิม ผบ.ร้อย ฉก.ตชด.445 และหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนเข้าร่วม 
    โครงการดังกล่าวได้จัดแข่งขันกีฬาเปตอง เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์สร้างความสามัคคีระหว่างประชาชนในพื้นที่ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ตามโครงการพหุวัฒนธรรมสัมพันธไมตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรมและกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ วิถีชีวิต ความเชื่อ ศาสนา และประเพณีปฏิบัติที่มีความแตกต่างกัน อีกทั้งเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง และเพื่อให้เยาวชนหันมาสนใจในการเล่นเปตอง เพราะเป็นกีฬาที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัน และยังเป็นการเสริมสร้างสามัคคีในหมู่คณะ โดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา และสอนให้รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจเป็นนักกีฬา และยังเป็นการส่งเสริมให้คนในสังคมมีทัศนคติที่ดีต่อกัน รวมทั้งมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"