2 พรรคใหญ่ยืนกราน คสช.ต้องปลดล็อก 100 เปอร์เซ็นต์ ปชป.ตอกย้ำล็อกพรรคการเมืองไว้เอื้อประโยชน์กลุ่มการเมืองที่หนุน คสช. แนะปลดล็อกแล้วเว้นหาเสียงรอ พ.ร.ป.ส.ส.บังคับใช้ พท.โต้รัฐบาล คสช.บิดเบือนปมเวลาหาเสียง 70 วัน พูดเอาแต่ได้ ชี้การห้ามพรรคทำกิจกรรมปกติก่อนถึงเวลาเลือกตั้งถือว่าไม่ถูกต้อง ยันต้องปลดล็อก รับฟังความเห็น ปชช.เพื่อทำนโยบาย ไม่ใช่นั่งเทียนเขียน ย้อน "ประยุทธ์-วิษณุ" กลัวกระทบแผนสืบทอดอำนาจ "มีชัย" รับผิดหวัง รธน.อาจปราบโปงไม่ได้อย่างที่คิด
เมื่อวันอาทิตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกระบวนการคลายล็อกและปลดล็อกที่ยังมีความไม่ชัดเจนอยู่ขณะนี้ ว่า การที่ยังมีความไม่ชัดเจนจนก่อให้เกิดความเคลือบแคลงว่าจะคลายล็อกอะไรให้ทำได้บ้าง และจะปลดล็อกเมื่อไหร่ ล้วนแล้วแต่เกิดจากการกระทำของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแม่น้ำ 5 สายของ คสช. ซึ่งคสช.ล็อกพรรคการเมืองไม่ให้ปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้มานานเกือบ 1 ปีแล้ว ขณะที่ สนช.ก็เขียนกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ได้เมื่อผ่านพ้นไป 90 วัน หลังกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษา
"การกระทำเช่นนี้ใครๆ ก็มองออกว่าเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของผู้มีอำนาจใน คสช. ที่กำลังจะแปรสภาพจากกรรมการมาเป็นผู้เล่นในสนามการเมือง ปลดล็อกเมื่อไหร่ หรือจะคลายล็อกอะไรก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ คสช.จะกำหนดเองทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น คสช. จะต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น"
นายองอาจกล่าวว่า ขณะนี้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระบวนการคลายล็อก ปลดล็อกที่ คสช.จะกำหนดขึ้นมานั้น เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองที่มีจุดยืนสนับสนุนผู้มีอำนาจใน คสช. ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น สร้างความไม่ชอบธรรมให้เกิดขึ้นในกระบวนการเลือกตั้ง ส่งผลต่อการยอมรับผลการเลือกตั้ง อาจกลายเป็นการจุดชนวนปัญหาตามมาขณะที่เรากำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศที่จะกำหนดอนาคตของตนเองและประเทศชาติบ้านเมืองผ่านการเลือกตั้ง ควรมีสิทธิเสรีภาพที่จะศึกษาพิจารณานโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ อย่างกว้างขวางตั้งแต่บัดนี้ ว่าแต่ละพรรคมีนโยบายแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอย่างไร รวมถึงแนวทางการพัฒนาประเทศอีกมากมายหลายด้าน
"เพราะฉะนั้นการคลายล็อกปลดล็อกควรคำนึงถึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนได้ประโยชน์จากการมีส่วนร่วมทางการเมืองกับพรรคการเมืองอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองและประชาชนได้ทำกิจกรรมทางการเมืองให้เป็นไปอย่างที่ควร" นายองอาจกล่าว
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรค ปชป.กล่าวว่า พรรคการเมืองทุกพรรคต่างตื่นตัวและตื่นเต้นเมื่อ คสช.ประกาศว่าจะคลายล็อก จึงเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ดังนั้นการคลายล็อกหรือปลดล็อกให้กับพรรคการเมืองจึงต้องทำให้เต็มที่และครบเนื้อหา คงเว้นไว้แต่การหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งจะหาเสียงได้ก็ต่อเมื่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ จึงอยากเรียกร้องเรื่องการหาสมาชิกพรรคการเมือง การประชุมพรรค เพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค รวมถึงการรณรงค์หาสมาชิกพรรคการเมืองต้องเปิดโอกาสคลายคำสั่งที่เป็นชนักติดไว้อย่างเต็มที่ที่สุด ถ้าขยักไว้บางส่วนจะทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถปฏิรูปตัวได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
“ขอให้ คสช.ปลดล็อก 100 เปอร์เซ็นต์ เว้นไว้แต่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งค่อยไปว่ากันหลังจากกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับ ซึ่งจะล่วงไปอีก 90 วัน นับแต่กฎหมายมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา หากทำได้เช่นนี้ ก็ไม่มีใครจะตำหนิ คสช.ได้ว่าลำเอียงหรือเลือกปฏิบัติ” นายวิรัตน์กล่าว
พท.โอ่มีแคนดิเดตหน.พรึ่บ
พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เมื่อ คสช.คลายล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ พรรคเพื่อไทยพร้อมจัดประชุมใหญ่พรรคทันที สิ่งแรกที่ต้องดำเนินการคือการแก้ไขข้อบังคับพรรค โดยเขียนเจตนารมณ์ อุดมการณ์ และนโยบายพรรคเข้าไปในข้อบังคับตามกฎหมายใหม่ จากนั้นเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ขึ้นมา ซึ่งหัวหน้าพรรคนั้นพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมาก ทั้งคนรุ่นใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์ ถ้าผ่านมติที่ประชุมก็เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย นอกจากนี้พรรคต้องดำเนินการกิจกรรมต่างๆ ตามกฎหมายใหม่ เช่น การหากรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.จำนวน 11 คน การจัดทำนโยบายพรรคเพื่อใช้ในการเลือกตั้ง
"การทำนโยบายที่ดีสมาชิกต้องไปรับฟังความคิดเห็นประชาชนเพื่อให้รับรู้ความต้องการที่แท้จริง ซึ่งทำไม่ได้ในตอนนี้ ไม่เหมือนกลุ่มการเมืองอื่นที่ทำกัน ส่วนกรอบเวลาทำนโยบายและหาเสียง 70 วันเพียงพอหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ ต้องดูว่าการคลายล็อกของคสช.มีอะไรบ้าง ถ้าเปิดโอกาสให้หาสมาชิกพรรคไปรับฟังความคิดเห็นประชาชนได้ กรอบเวลาดังกล่าวก็พอไปได้" พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า การปลดล็อกให้การเมืองของประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด คือวิถีทางที่จะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าและหลุดพ้นจากวิกฤติทั้งปวง เกือบ 4-5 ปีที่ผ่านมา ประเทศตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษมานานพอสมควรแล้ว ประชาชนทุกฝ่ายไม่ได้สร้างเงื่อนไขใดๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าของประเทศเลย กลุ่มผู้มีอำนาจได้ดำเนินการรีเซตสมาชิกของทุกพรรคการเมือง ยุบสาขาพรรคการเมืองของพรรคการเมืองเดิมทุกพรรค และได้ใช้เงื่อนไขที่ฝ่ายตนได้เปรียบดำเนินการหาความนิยม ออกเดินสายพบประชาชนและและใช้งบประมาณในการสร้างผลงานไปตามความคิดความเชื่อของฝ่ายตนแต่เพียงผู้เดียว เป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นการกระทำ ที่เอาเปรียบผู้อื่นทุกฝ่ายมากมาย ไม่ทราบว่าการสร้างความได้เปรียบทุกฝ่ายมามากขนาดนี้แล้วยังมีความหวาดกลัวอะไร
กลัวทำไมปลดล็อก
"อยากถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายวิษณุ เครืองาม และผู้มีอำนาจในรัฐบาลทุกคน วันนี้พวกท่านกลัวอะไรจึงไม่กล้าปลดล็อกให้ประชาชนและพรรคการเมืองมีอิสรภาพที่จะพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อร่วมหาทางออกประเทศ และขอสิทธิที่จะกำหนดอนาคตของชีวิตของพวกเขาให้คืนกลับมาดุจเดิม การปลดล็อกทางการเมืองคือการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนและทุกพรรคการเมืองได้มีโอกาสร่วมกันระดมความคิดและช่วยกันหาทางออกให้ประเทศพ้นจากวิกฤติ ด้วยกระบวนการช่วยกันแสวงหาและกำหนดนโยบายใหม่ที่จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและชีวิตของประชาชนเองเป็นสิ่งไม่ดีตรงไหน หรือว่าจะมีผลไปกระทบแผนการที่จะเดินหน้าเพื่อขอเป็นรัฐบาลต่อไปอีกสมัยหนึ่ง ช่วยอธิบายให้ประชาชนเข้าใจด้วย" นายภูมิธรรมกล่าว
นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราต้องแยกระหว่างการทำนโยบายและการหาเสียง อย่าเอาไปปนกัน อุปมาการทำนโยบายเหมือนการถ่ายทำหนัง ซึ่งต้องใช้เวลา ส่วนการเอาหนังมาฉายในโรงหนังเหมือนการเอานโยบายมาให้ประชาชนพิจารณาช่วงหาเสียง มันคนละเรื่องคนละตอนกัน พรรคการเมืองเขาไม่เคยบ่นเรื่องเวลาหาเสียง 70 วัน ซึ่งใครก็รู้ว่าเพียงพอ แต่ที่เขาเรียกร้องคือการปลดล็อกให้ทำนโยบายได้ ไปพบปะประชาชนรับฟังความเห็นได้ ไม่ใช่นั่งเขียนเอาเอง ที่บางฝ่ายบอกว่าเวลายุบสภาแล้วเลือกตั้งภายในเวลาสั้นๆ ทำไมพรรคทำนโยบายหาเสียงทัน คำตอบก็คือเพราะในกรณีนั้นพรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่องมาตลอด ไม่ต้องถูกห้ามไม่ให้มีการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และห้ามพรรคทำกิจกรรมทางการเมืองเช่นที่ห้ามตามคำสั่ง คสช.ที่ 57/57 และ 3/58 ในขณะนี้
"ในกรณีการเมืองปกติพรรคการเมืองพบปะสมาชิกและประชาชนโดยตลอด จึงสามารถทำนโยบายได้ต่อเนื่องไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและกิจกรรม ส่วนที่บางฝ่ายบอกว่านั่งเขียนที่พรรคโดยไม่ต้องไปลงพื้นที่พบประชาชนก็ได้ ยอมรับว่าบางเรื่องนั่งเขียนแบบนึกเอาเองก็พอได้ เช่น เสนอนโยบายให้ผลิตช่างฝีมือในสาขาขาดแคลน เป็นต้น แต่ถ้าจะเสนอแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกล มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราไปดูโรงเรียน สภาพห้องเรียน ฟังครูและผู้ปกครองในชุมชน ซึ่งการเขียนนโยบายจะตอบโจทย์ได้มากกว่า" นายนพดลกล่าว
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรปลดล็อกให้กลไกการเมืองได้ทำงาน เช่น การเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้ลงพื้นที่รับฟังความเดือดร้อนและความคิดเห็นของประชาชน ให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง เพราะนโยบายของพรรคการเมืองคืออนาคตของประชาชน การแก้ปัญหาต่างๆจะได้แก้ตรงจุด การคลายล็อกเป็นขยักที่ คสช.จะดำเนินการยังไม่เพียงพอ เพราะวันนี้ถ้าพรรคการเมืองไปรับฟังความคิดเห็นประชาชน อาจถูกฟ้องร้องว่าฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ที่ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ ถ้าจริงใจจะนำประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง คสช.ก็ควรปลดล็อกตั้งแต่ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาทันที ไม่ใช่ไปปลดล็อก 70 วันก่อนการเลือกตั้ง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีทหารกองทัพภาคที่ 3 (ทภ.3) เข้าพูดคุยกับนายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีพูดคุยตัวแทนสหภาพยุโรป (อียู) ถึงสถานการณ์การเมืองกับการเลือกตั้งว่า เป็นการเล่าความจริงที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยในช่วงที่ผ่านมาอย่างตรงไปตรงมา เป็นการกระทำที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อสังคม กล้าหาญที่จะพูดความจริง และการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทูตหรือนักการเมืองต่างประเทศเป็นเรื่องปกติธรรมดา นักการเมือง แกนนำพรรคต่างๆ ทำกันอยู่เป็นประจำ สิ่งที่นายนครพูดเป็นความจริง คนทั่วไปรู้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่สมคบคิดเพื่อสร้างสถานการณ์นำไปสู่รัฐประหาร จึงไม่มีความผิดใดๆ การที่ทหารยกกันไปเป็นโขยงเพื่อไปพบนายนครที่บ้านแล้วไปพูดจาขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นการข่มขู่คุกคามที่ไม่ได้ผล การข่มขู่คุกคามอย่างเปิดเผยครั้งนี้ ยิ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อ คสช. รัฐบาล และประเทศชาติ ประจานตัวเองว่ายังมีการคุกคามผู้ที่มีความเห็นต่าง
"กรณีของนายนครและกรณีที่เกิดขึ้นในระยะหลังนี้ทำให้เห็นว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นจะทำให้ถูกทำลายทั้งในแง่ความมีสิทธิเสรีภาพ ความสุจริตเที่ยงธรรม การจำกัดสิทธิเสรีภาพต่อการเลือกตั้งในการแสดงความคิดเห็น ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือมากขึ้น ก็จะผิดเจตนารมณ์ของการเลือกตั้งไปมาก"
โต้บิดเบือนปม 70 วัน
นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า เรื่องนี้คนของ คสช.และรัฐบาลพยายามพูดให้เกิดความสับสนว่ามีเวลาหาเสียง 70 วันมากกว่าการเลือกตั้งก่อนๆ ด้วยซ้ำ เป็นการบิดเบือนประเด็น แต่ที่เราพูดกันอยู่ไม่ใช่เรื่องเวลาหาเสียงน้อยเกินไป แต่เรากำลังบอกว่าการห้ามพรรคการเมืองพึงต้องทำอยู่เป็นประจำ และช่วงก่อนจะถึงเวลาเลือกตั้ง มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คือกระบวนการทำนโยบาย การที่คนรัฐบาลทำให้สับสนและยังได้แบบไต๋ออกมาด้วยว่าถ้าอยากมีเวลามากต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นการพูดเอาแต่ได้ ไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายกับประเทศเลย ขณะเดียวกัน ถ้าในส่วนของพรรคการเมืองด้วยกัน ทาง คสช.และรัฐบาลพยายามทำให้พรรคการเมืองที่สนับสนุนผู้นำ คสช.ได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ คือทำเพื่อให้ผู้นำ คสช.หลังการเลือกตั้งได้เปรียบมากๆ ต้องการทำลายระบบการเลือกตั้ง ต้องการให้มีการปกครองโดยผู้นำ คสช.อย่างที่ผ่านมาเรื่อยๆ ไป
"ผลพวงจากกลไกเหล่านี้ หลังการเลือกตั้งคือ คสช.ได้เป็นรัฐบาลต่อไป หมายถึงต้องอาศัย ส.ว.ที่หัวหน้าคสช.ตั้งขึ้นเป็นหลัก และนักการเมืองที่ขณะนี้ยังหาเสียงไม่ได้ คือไปสร้างเงื่อนไขให้บางพรรคไปสนับสนุนด้วยวิธีฉ้อฉลต่างๆ และตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้ ก็จะขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนต่อการเลือกตั้ง รัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาขาดความชอบธรรมแต่ต้น และจะกลายเป็นทำประเทศเสียโอกาส รวมทั้งนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมในอนาคต ถือเป็นความอ่อนแอต่อเนื่อง ซึ่งจริงๆ ก็เกิดจากความพยายามวางแผนให้เกิดความวุ่นวายไปสู่การรัฐประหาร หากประชาชนยินยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ประเทศจะล้าหลังไปอีกนานมาก" นายจาตุรนต์ กล่าว
ที่ศูนย์ประสานงานกลุ่มสามมิตร ต.โคกสูง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา นายอุดม ผลาทิพย์ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 พร้อมด้วยชาวนาจากหลายหมู่บ้านของตำบลหนองหลัก อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา กว่า 20 คน ซึ่งเป็นตัวแทนชาวนา ต.หนองหลัก กว่า 1,000 คน ได้เข้าร้องเรียนและยื่นหนังสือต่อนายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯ กลุ่มสามมิตร กรณีถูกนายอำเภอชุมพวงมีหนังสือแจ้งขับไล่ให้ออกจากที่นาของตนเองที่เคยทำกินมาก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่เป็นที่นาของตนเองซึ่งปู่ย่าตายายเคยทำกินมาเป็นเวลานานกว่า 110 ปี เนื้อที่ประมาณกว่า 4,000 ไร่ โดยทางการระบุว่าเป็นที่สาธารณะประโยชน์ มิหนำซ้ำยังถูกทางราชการแจ้งความจับกุมดำเนินคดีอีกด้วย โดยนายภิรมย์กล่าวว่า ตนขอร้องไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ให้สั่งการส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยชาวนาที่เดือดร้อนกลุ่มนี้ด่วน เนื่องจากเขาไม่มีอาชีพ นอกจากการทำนาเท่านั้น ขาดรายได้ เดือดร้อนลำบากมาก
เลขาฯ กลุ่มสามมิตรกล่าวถึงการเดินทางไปพบกับชาวบ้านที่ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ซึ่งถูกโจมตีว่าเป็นการไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.และมีการปราศรัยหาเสียงด้วยว่า ตนได้รับเชิญให้ไปพบกับชาวไร่อ้อยที่เดือดร้อนเนื่องจากโรงงานรับซื้ออ้อยปีนี้เพียงตันละ 300 บาท ซึ่งตนได้ไปรับฟังปัญหาและมีการพบปะผ่านเครื่องขยายเสียง เพราะมีคนมากันมาก เขาก็คาดหวังว่าตนเองจะช่วยเขาได้ และตนปฏิเสธว่าไม่ได้ขึ้นรถแห่ รถที่ตนไปยืนพูดเป็นรถเครื่องเสียงและไม่ได้มีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.แต่อย่างใด
"การที่ถูกโจมตีดังกล่าวไม่ทำให้กลุ่มสามมิตรท้อถอย และจะยังคงเดินหน้าแสวงหาปัญหาของประชาชนเพื่อผลักดันให้รัฐบาลมีการแก้ไขความเดือดร้อนต่อไป และถึงวันนี้กลุ่มสามมิตรยังเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังทำงานให้กับคนยากจน และเป็นความหวังของคนจนทั้งประเทศ เหมาะที่จะเป็นนายกฯ คนต่อไป" นายภิรมย์กล่าว
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุรรณ เปิด “โรงเรียนการเมือง รวมพลังประชาชาติไทย” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้ความรู้ด้านการเมืองว่า ถ้าอะไรที่ทำผิดกฎหมายก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าอะไรที่กฎหมายไม่ได้กำหนดก็ต้องให้เขาทำ ไม่ว่ากัน ส่วนในหลักสูตรที่มีการศึกษาดูงานนอกห้องเรียนที่ จ.เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์นั้น ต้องถามว่าหาเสียงหรือไม่ ถ้าไม่ได้หาเสียงคุณจะไปทำอะไร ก็ต้องดูว่าเขาจะไปสอนคนไทยให้รู้จักเรื่องโน้นเรื่องนี้ มันผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตนตอบได้แค่นี้ ไม่สามารถอธิบายอะไรไปได้มากกว่านี้ เพราะอาจจะกลายเป็นว่า คสช.หรือรัฐบาลให้ท้าย จึงต้องให้ฝ่ายกฎหมายซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้พิจารณาว่ากิจกรรมต่างๆ ที่ทำเป็นการหาเสียงหรือไม่ ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ถ้าไม่ถูกเจ้าหน้าที่จะต้องเตือน แต่ถ้าเตือนแล้วไม่ฟังก็ต้องดำเนินคดี ซึ่งไม่ใช่แค่คณะใดคณะหนึ่ง แต่เป็นทุกคณะที่จะต้องยึดกฎกติกาเดียวกันทั้งหมด
สามมิตรเดินหน้าพบชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มสามมิตรก็ต้องยึดกฎกติกาเดียวกันหรือไม่ พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ขออย่ายกตัวอย่างเดียว แต่ขอให้ดูทั้งหมด ไม่ว่าจะขั้วพรรคการเมืองไหน ถ้ากฎหมายไม่อนุญาต ท่านก็ทำไม่ได้ ถ้ากฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ท่านก็ทำได้ เพียงแต่ผู้รักษากฎหมายจะเป็นผู้ดำเนินการ
ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาล และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ประจำปีงบประมาณ 2561 ว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำลงไปขับเคลื่อนต่อ เช่น เรื่องยุทธศาสตร์ โดยตนได้อธิบายเรื่องยุทธศาสตร์ที่จะลงไปในพื้นที่ต่างๆ อาทิ โครงการพระราชดำริ เพื่อให้เกิดผลเร็วที่สุด โครงการจิตอาสาเพื่อให้คนเกิดความรักและสามัคคีกัน นอกจากนี้มีโครงการไทยนิยม ปัญหาขยะ รวมถึงปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ท่องเที่ยว และปัญหายาเสพติดด้วย ยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดถึงการเตรียมความพร้อมในการเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง
จากกรณีเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมตัวนางวรรณนภา พร้อมเสื้อยืดสีดำที่มีแถบป้ายสีขาวแดงบริเวณหน้าอกจำนวนหนึ่ง ที่บริเวณห้องพักย่านสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2561 บุตรสองคนของนางวรรณนภา ซึ่งมีอายุ 14 ปี และ 9 ขวบ ไปรอดักพบมารดาที่กองบังคับการปราบปราม แต่ต้องผิดหวังเมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ได้นำนางวรรณนภามาที่ บก.ป. นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งจากผู้ดูแลเด็กทั้งสองคนว่ามีความเครียด ไม่พูดกับใคร เนื่องจากเด็กทั้งสองไม่ได้พบมารดานับแต่ถูกจับกุม แต่ได้ติดต่อกับมารดาทางโทรศัพท์บ้าง โดยรู้สึกกังวลว่ามารดาอาจถูกดำเนินคดี หรือไม่ได้กลับบ้าน ขอให้ กสม.ช่วยประสานเจ้าหน้าที่ คสช.เพื่ออนุญาตให้บุตรทั้งสองคนของนางวรรณนภาได้เข้าเยี่ยมมารดาตามหลักสิทธิมนุษยชน กสม.จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ คสช. และเจ้าหน้าที่ยินดีให้ตนในฐานะ กสม. พาบุตรทั้งสองของนางวรรณนภาเข้าเยี่ยมมารดาที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในวันที่ 9 ก.ย. เวลา 09.00 น.
นางอังคณากล่าวว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่อำนวยความสะดวกอย่างดีเพื่อให้บุตรของหญิงผู้ถูกกล่าวหาได้เข้าเยี่ยมมารดาตามหลักสิทธิมนุษยชน หลังจากที่เด็กทั้งสองได้เข้าเยี่ยมมารดาเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เด็กทั้งสองมีอาการผ่อนคลาย พูดคุย ยิ้มแย้ม และมีกำลังใจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ตนมีความกังวลใจอย่างมากต่อการที่มีผู้บันทึกภาพบุตรทั้งสองคนของนางวรรณนภาในลักษณะที่ถือป้ายข้อความและนำไปเผยแพร่โดยไม่มีการปกปิดใบหน้าเด็ก ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก
ขณะเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทหารปล่อยตัวบุคคลอย่างน้อยสองราย จากกรณีใส่หรือมีเสื้อยืดสีดำลายโลโก้สี่เหลี่ยมสีขาวสลับแดง ไปจากบ้านพักย่านประเวศและสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ นางวรรณนภายังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่มณฑลทหารบกที่ 11 โดยไม่มีสิทธิในการเข้าถึงทนาย ซึ่งเป็นการควบคุมตัวโดยไม่มีการแจ้งเหตุในการควบคุมตัว ไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบโดยศาล และไม่มีสิทธิในการพบทนายความนั้น ทำให้บุคคลขาดหลักประกันซึ่งสิทธิและเสรีภาพ ขัดต่อข้อ 9 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
มีชัยผิดหวัง รธน.ไม่ปราบโกง
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า 3 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน เริ่มจากผู้นำเผด็จการสั่งให้นำตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ไปปรับทัศนคติ ตามด้วยการส่งทหารไปบุกบ้านนายนคร มาฉิม การส่งกำลังทหารไปอุ้มนางวรรณนภา แม่ลูกสองเอามาควบคุมตัวที่ มทบ.11 แสดงถึงพฤติกรรมอำนาจนิยมของผู้นำเผด็จการทหาร ที่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ทั้งสองกรณีเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการติดต่อสื่อสารตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่นางวรรณนภานำเสื้อที่มีแถบขาวแดงที่หน้าอกมาขาย ก็เป็นเสรีภาพในการประกอบอาชีพ หากรัฐบาลเห็นว่าการกระทำของบุคคลทั้งสามเป็นความผิด จะต้องให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่ใช่ส่งกำลังทหารไปบุกบ้าน นำตัวมาควบคุมโดยไม่มีหมาย
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ชี้แจงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับนาฬิกาหรูว่ายืมเพื่อนมานั้น มีประเด็นที่ตนต้องร้องเพิ่มเติมให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่าการยืมถือเป็นการได้รับประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ตามที่กฎหมาย ป.ป.ช.ห้ามไว้หรือไม่ และเพื่อความรวดเร็ว ป.ป.ช.ควรมีหนังสือให้ พล.อ.ประวิตรนำนาฬิกาหรูมาให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบยี่ห้อ รุ่น และหมายเลขประจำตัวเรือนนาฬิกา (Serial Number) แทนที่จะไปขอข้อมูลจากต่างประเทศเพราะจะสะดวกกว่า ไม่ต้องใช้เวลานาน
"ยังมีกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ใช้บริการทีมศิลปินดารามาช่วยเป็นพิธีกรในรายการเดินหน้าประเทศไทย โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน ถือเป็นประเด็นใหม่ ที่ต้องร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่าการใช้บริการดังกล่าวโดยไม่เสียค่าตอบแทน ถือเป็นการได้รับประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้หรือไม่ ดังนั้นวันที่ 11 ก.ย.นี้ จะไปร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบทั้งสองกรณีด้วยตนเอง" นายเรืองไกรกล่าว
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์พิเศษสำนักข่าวไทย ยอมรับว่ารัฐธรรมนูญอาจปราบโกงไม่ได้อย่างที่คิด เพราะตอนทำกฎหมายลูกถูกแก้ไขมาก แก้ไปในทิศทางที่ไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งรู้สึกเสียดาย เพราะคาดหวังให้กฎหมายตัวนี้ทำงานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่เมื่อถูกแก้ก็ต้องทำใจ อย่างไรก็ตาม ต้องดูไปก่อนว่ากฎหมายจะบังคับใช้ได้มากน้อยแค่ไหน
เมื่อถามถึงอนาคต หากเกิดการปฏิวัติขึ้นอีกจะเข้ามามีส่วนร่วมในการร่างกฎหมายอีกหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า มันก็ไม่ควรจะมี ทุกคนหวังว่าจะไม่มีแล้ว แต่เวลามันมีเกิดจากคนอื่นทำให้มี และเป็นความหวังลึกๆ ว่าเคราะห์กรรมตนจะหมดแล้ว เพราะส่วนตัวคงแก่เกินที่จะไปช่วยอะไรใครได้อีก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |